เอเอฟพี - มือปืนวัย 45 ปีพกอาวุธจำนวนมาก บุกเข้ากราดยิงผู้สูงอายุและคนป่วยในสถานพักฟื้นและดูแลคนชราแห่งหนึ่งในเมืองคาร์เธจ ในมลรัฐนอร์ทแคโรไลนาของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ (29) โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 8 คนและบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
มือปืนดังกล่าวชื่อรอเบิร์ต สจ๊วต ได้บุกเดี่ยวเข้าไปในสถานพักฟื้นและดูแลคนชราไพน์เลค ซึ่งเป็นสถานพักฟื้นขนาด 90 เตียง ในเมืองคาร์เธจซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ มีประชากรเพียงราว 2,000 คน
มัวรีน ครูเกอร์ อัยการของเขตมัวร์ อันเป็นพื้นที่เกิดเหตุระบุว่า สจ๊วตจะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมถึง 8 กระทงด้วยกัน และบอกอีกว่าเหยื่อเหตุการณ์ครั้งนี้มีทั้งผู้ป่วยชราอายุถึง 98 ปี อีกสี่คนเป็นผู้สูงอายุในวัย 80 ปี และสองคนวัย 70 ปี นอกจากนั้นยังมีพยาบาลอีก 1 คน
เฮเลน โอลีฟ ผู้ที่อยู่ในสถานพักฟื้นดังกล่าวบอกว่าเธอมุดหลบลงที่ใต้เตียงแล้วใช้โทรศัพท์มือถือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำราจสายด่วน หลังจากที่ได้ยินเสียงปืนชุดแรกดังขึ้น
"ดิฉันคุ้นเคยกับปืนดีเพราะเคยไปล่าสัตว์กับพี่ๆ น้องๆ แต่พระเจ้าช่วย ที่นี่ไม่ควรจะมีปืนได้เลย" เธอเล่าว่าหลังจากโทรศัพท์แล้วเธอก็คลานเข้าไปในห้องน้ำและซ่อนตัวอยู่หลังม่านอาบน้ำ เธอบอก "ดิฉันกลัวมากจนคิดว่าอาจจะหัวใจวายได้"
ส่วนคริส แม็คเคนซี หัวหน้าตำรวจเมืองคาร์เธจเล่าว่า ตำรวจที่ชื่อจัสติน การ์เนอร์ เดินทางไปถึงสถานที่เกิดเหตุเป็นคนแรก และได้ยิงปะทะกับคนร้ายที่บริเวณโถงทางเดินจนทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ การ์เนอร์ถูกยิงที่ขาและได้รับการรักษาจนปลอดภัยดีแล้ว ส่วนสจ๊วตนั้นยังอยู่ในระหว่างการรักษา
การกราดยิงผู้คนอย่างอุกอาจทำให้ชาวเมืองคาร์เธจซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ของรัฐนอร์ทแคโรไลนา ตื่นตระหนกกันไปทั่ว เพราะเมืองดังกล่าวมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เพียง 18 นาย และในระหว่างเกิดเหตุมีตำรวจปฏิบัติหน้าที่อยู่เพียง 2 นาย แม็คคินซีบอกว่าเขาไม่เคยพบเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้มาก่อนในชีวิตการทำงานเป็นตำรวจนาน 20 ปี แต่เขาเชื่อว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้สร้างขึ้นมาด้วยศรัทธา และศรัทธาจะนำทุกคนให้ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้
นอกจากนั้น หน่วยกาชาดและสำนักงานบริการสังคมและสุขภาพจิตก็กำลังให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตลอดจนเจ้าหน้าที่ในสถานพักฟื้นดังกล่าว ส่วนโบสถ์คริสต์นิกายแบ็ปติสต์ก็เปิดรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฎกรรมครั้งนี้เช่นกัน
โฆษกของโรงพยาบาลเฟิร์สต์ เฮลธ์ มัวร์ ระบุว่ามีผู้บาดเจ็บถูกนำส่งมายังโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตไป 2 คน อีก 2 คนได้รับการรักษาพยาบาลและแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนอีก 2 คนยังต้องพักรักษาตัวต่อไป
ทั้งนี้ ความรุนแรงจากอาวุธปืนยังคงเกิดขึ้นในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชาชนจำนวนมากสนับสนุนสิทธิในการครอบครองและพกพาอาวุธปืนได้ แม้ว่าจะมีผู้เสนอให้พิจารณาทบทวนเรื่องนี้ก็ตาม
มือปืนดังกล่าวชื่อรอเบิร์ต สจ๊วต ได้บุกเดี่ยวเข้าไปในสถานพักฟื้นและดูแลคนชราไพน์เลค ซึ่งเป็นสถานพักฟื้นขนาด 90 เตียง ในเมืองคาร์เธจซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ มีประชากรเพียงราว 2,000 คน
มัวรีน ครูเกอร์ อัยการของเขตมัวร์ อันเป็นพื้นที่เกิดเหตุระบุว่า สจ๊วตจะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมถึง 8 กระทงด้วยกัน และบอกอีกว่าเหยื่อเหตุการณ์ครั้งนี้มีทั้งผู้ป่วยชราอายุถึง 98 ปี อีกสี่คนเป็นผู้สูงอายุในวัย 80 ปี และสองคนวัย 70 ปี นอกจากนั้นยังมีพยาบาลอีก 1 คน
เฮเลน โอลีฟ ผู้ที่อยู่ในสถานพักฟื้นดังกล่าวบอกว่าเธอมุดหลบลงที่ใต้เตียงแล้วใช้โทรศัพท์มือถือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำราจสายด่วน หลังจากที่ได้ยินเสียงปืนชุดแรกดังขึ้น
"ดิฉันคุ้นเคยกับปืนดีเพราะเคยไปล่าสัตว์กับพี่ๆ น้องๆ แต่พระเจ้าช่วย ที่นี่ไม่ควรจะมีปืนได้เลย" เธอเล่าว่าหลังจากโทรศัพท์แล้วเธอก็คลานเข้าไปในห้องน้ำและซ่อนตัวอยู่หลังม่านอาบน้ำ เธอบอก "ดิฉันกลัวมากจนคิดว่าอาจจะหัวใจวายได้"
ส่วนคริส แม็คเคนซี หัวหน้าตำรวจเมืองคาร์เธจเล่าว่า ตำรวจที่ชื่อจัสติน การ์เนอร์ เดินทางไปถึงสถานที่เกิดเหตุเป็นคนแรก และได้ยิงปะทะกับคนร้ายที่บริเวณโถงทางเดินจนทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ การ์เนอร์ถูกยิงที่ขาและได้รับการรักษาจนปลอดภัยดีแล้ว ส่วนสจ๊วตนั้นยังอยู่ในระหว่างการรักษา
การกราดยิงผู้คนอย่างอุกอาจทำให้ชาวเมืองคาร์เธจซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ของรัฐนอร์ทแคโรไลนา ตื่นตระหนกกันไปทั่ว เพราะเมืองดังกล่าวมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เพียง 18 นาย และในระหว่างเกิดเหตุมีตำรวจปฏิบัติหน้าที่อยู่เพียง 2 นาย แม็คคินซีบอกว่าเขาไม่เคยพบเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้มาก่อนในชีวิตการทำงานเป็นตำรวจนาน 20 ปี แต่เขาเชื่อว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้สร้างขึ้นมาด้วยศรัทธา และศรัทธาจะนำทุกคนให้ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้
นอกจากนั้น หน่วยกาชาดและสำนักงานบริการสังคมและสุขภาพจิตก็กำลังให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตลอดจนเจ้าหน้าที่ในสถานพักฟื้นดังกล่าว ส่วนโบสถ์คริสต์นิกายแบ็ปติสต์ก็เปิดรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฎกรรมครั้งนี้เช่นกัน
โฆษกของโรงพยาบาลเฟิร์สต์ เฮลธ์ มัวร์ ระบุว่ามีผู้บาดเจ็บถูกนำส่งมายังโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตไป 2 คน อีก 2 คนได้รับการรักษาพยาบาลและแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนอีก 2 คนยังต้องพักรักษาตัวต่อไป
ทั้งนี้ ความรุนแรงจากอาวุธปืนยังคงเกิดขึ้นในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชาชนจำนวนมากสนับสนุนสิทธิในการครอบครองและพกพาอาวุธปืนได้ แม้ว่าจะมีผู้เสนอให้พิจารณาทบทวนเรื่องนี้ก็ตาม