ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือจงใจหรือไม่สำหรับฝ่าย “เสื้อแดง” ที่ร่นเวลาขึ้นมาชุมนุมใหญ่เอาในวันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม ซึ่งตรงกับวันจ่ายเช็คช่วยชาติจำนวน 2 พันบาทให้กับผู้ประกันตนทั่วประเทศจำนวนประมาณ กว่า 7 ล้านใบ แต่เพียงแค่วันแรกก็สร้างความสั่นทะเทือนจนลดกระแสลงได้ไม่น้อย
อย่างน้อยเท่าที่เห็นข่าวคราวในวิทยุและโทรทัศน์ตลอดช่วงเช้ามีแต่ข่าวพี่น้องประชาชนไปต่อแถวเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อรอรับเงิน 2 พันบาท จนหลายคนเป็นลมเป็นแล้ง ต้องปฐมพยาบาลกันโกลาหล
ไม่เชื่อลองฟังการให้สัมภาษณ์ของผู้ที่ได้รับเช็คทุกคนต่างดีอกดีใจและชื่นชมรัฐบาลเป็นเสียงเดียวกัน
จนมาถึงช่วงสายนั่นแหละถึงได้มีข่าวของคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวงเข้ามาปะปน และเห็นได้ชัดก็คือจากเดิมกำหนดนัดหมายเคลื่อนพลไปล้อมทำเนียบรัฐบาลในเวลา 10 นาฬิกา แต่เมื่อไม่ได้ตามจำนวนก็ต้องเลื่อนไปเป็นเวลาเที่ยง และสุดท้ายต้องเลื่อนอีกครั้งไปเวลาบ่าย
แม้นาทีนี้ยังไม่อาจสรุปแบบฟันธงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าสาเหตุที่มาร่วมชุมนุมในวันแรกจำนวนไม่ได้ตามเป้าจนต้องเลื่อนเวลาเคลื่อนขบวนว่ามาจากอะไรแน่ แต่ก็มีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งไปรอเข้าแถวเข้าคิวรับเช็คอยู่ด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อตามมาดูบรรยากาศที่สนามหลวง ซึ่งไม่ว่าเพ่งมองอย่างไรตัวเลขก็ไม่มีทางถึงหลักแสนคนตามที่แกนนำบางคนคุยโม้เอาไว้อย่างเด็ดขาด อย่างมากก็แค่หลักหมื่นสองหมื่น เต็มที่ก็ไม่น่าเกิน 5 หมื่นคนเท่านั้น
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าไม่น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน หากคิดจะใช้จำนวนมวลชนมากดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองตามที่ต้องการ
ที่สำคัญงานนี้คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ผันตัวเองมาเป็นหัวหน้าม็อบโดยตรงเป็นคนออกโรงเอง ทำทุกทาง ทั้งจ่าย “กระสุน” เอง ทั้ง “ปลุกระดม” เร่งเร้าให้เข้ามาในกรุงเทพฯให้มาก ตั้งใจให้ “แดงทั่วแผ่นดิน” แต่วันแรกทำได้แค่หลักหมื่น แค่นี้ถือว่าเสียเครดิตป่นปี้
ขณะเดียวกันหากมองในมุมของฝั่งรัฐบาลบ้างเที่ยวนี้ก็ถือว่ามีการปรับแผนตั้งรับพัฒนาไปอีกขั้น แม้ว่าส่วนใหญ่เป็นแผนเดิมที่เคยใช้รับมือเมื่อคราวที่แล้ว นั่นคือให้ตำรวจและทหารป้องกันทำเนียบรัฐบาลอย่างเต็มที่ แต่ไม่ขัดขวางการเคลื่อนขบวนมาจากสนามหลวงแต่อย่างใด
ปล่อยให้มาปิดล้อมมาอย่างสะดวก เพื่อลดเงื่อนไขไม่ให้เกิดปะทะจนนำไปสู่ความรุนแรงได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ดียังไม่อาจประมาท หรือนอนใจได้เลย เพราะแม้ว่าคนจะน้อย แต่ถ้ามีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความปั่นป่วน เพื่อ “หวังผล” ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มันก็น่าคิด
จากการสืบค้นแผน “ตากสิน” หรือ “TAKSIN” ที่บังเอิญโผล่ขึ้นมาในช่วงเดียวกันพอดิบพอดีก็มีความสอดคล้องกันว่ามีเจตนาสร้างความรุนแรง เพื่อยั่วยุให้ทหารออกมารักษาความสงบ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเปิดการปะทะ จนเหตุการณ์บานปลายไปทั่วประเทศ
นอกจากมีเป้าหมายล้มรัฐบาล องคมนตรี ศาล กองทัพ แล้วยังมี “เจตนา” ต้องการล้มสถาบันฯเป็นเป้าหมายสูงสุดอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาโดยภาพรวมทั้งหมดจากการชุมนุมของ คนเสื้อแดง ในวันแรกที่ผิดคาดหมาย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโดนแรงเบียดจาก เช็ค 2 พันบาทของรัฐบาลที่ออกมาตัดกระแสพร้อมกันทั่วประเทศพอดิบพอดี
เพราะถ้ากระแสดังกล่าว “ได้ผล” จริง มันก็น่าลุ้น เพราะนี่เป็นแค่รายการแรก ยังมีตามมาอีกหลายล็อต ทั้งเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคนละ 500 บาท และ เงินเพิ่ม อสม.คนละ 600 บาท ที่จะทยอยตามมาอีกไม่กี่วันข้างหน้า กระแสจะตีกลับได้มากขนาดไหน
ดังนั้น เมื่อคิดว่าคลำมาถูกทางแล้ว ก็น่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์ รู้จักโหมโรงและแก้ปัญหาเรื่องหยุมหยิมออกไปให้เหลือน้อยที่สุด
แต่ถึงอย่างไรนาทีนี้ต้องหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารับมือม็อบให้ผ่านสามวันอันตรายไปให้ได้ก่อน !!
อย่างน้อยเท่าที่เห็นข่าวคราวในวิทยุและโทรทัศน์ตลอดช่วงเช้ามีแต่ข่าวพี่น้องประชาชนไปต่อแถวเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อรอรับเงิน 2 พันบาท จนหลายคนเป็นลมเป็นแล้ง ต้องปฐมพยาบาลกันโกลาหล
ไม่เชื่อลองฟังการให้สัมภาษณ์ของผู้ที่ได้รับเช็คทุกคนต่างดีอกดีใจและชื่นชมรัฐบาลเป็นเสียงเดียวกัน
จนมาถึงช่วงสายนั่นแหละถึงได้มีข่าวของคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวงเข้ามาปะปน และเห็นได้ชัดก็คือจากเดิมกำหนดนัดหมายเคลื่อนพลไปล้อมทำเนียบรัฐบาลในเวลา 10 นาฬิกา แต่เมื่อไม่ได้ตามจำนวนก็ต้องเลื่อนไปเป็นเวลาเที่ยง และสุดท้ายต้องเลื่อนอีกครั้งไปเวลาบ่าย
แม้นาทีนี้ยังไม่อาจสรุปแบบฟันธงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าสาเหตุที่มาร่วมชุมนุมในวันแรกจำนวนไม่ได้ตามเป้าจนต้องเลื่อนเวลาเคลื่อนขบวนว่ามาจากอะไรแน่ แต่ก็มีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งไปรอเข้าแถวเข้าคิวรับเช็คอยู่ด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อตามมาดูบรรยากาศที่สนามหลวง ซึ่งไม่ว่าเพ่งมองอย่างไรตัวเลขก็ไม่มีทางถึงหลักแสนคนตามที่แกนนำบางคนคุยโม้เอาไว้อย่างเด็ดขาด อย่างมากก็แค่หลักหมื่นสองหมื่น เต็มที่ก็ไม่น่าเกิน 5 หมื่นคนเท่านั้น
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าไม่น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน หากคิดจะใช้จำนวนมวลชนมากดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองตามที่ต้องการ
ที่สำคัญงานนี้คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ผันตัวเองมาเป็นหัวหน้าม็อบโดยตรงเป็นคนออกโรงเอง ทำทุกทาง ทั้งจ่าย “กระสุน” เอง ทั้ง “ปลุกระดม” เร่งเร้าให้เข้ามาในกรุงเทพฯให้มาก ตั้งใจให้ “แดงทั่วแผ่นดิน” แต่วันแรกทำได้แค่หลักหมื่น แค่นี้ถือว่าเสียเครดิตป่นปี้
ขณะเดียวกันหากมองในมุมของฝั่งรัฐบาลบ้างเที่ยวนี้ก็ถือว่ามีการปรับแผนตั้งรับพัฒนาไปอีกขั้น แม้ว่าส่วนใหญ่เป็นแผนเดิมที่เคยใช้รับมือเมื่อคราวที่แล้ว นั่นคือให้ตำรวจและทหารป้องกันทำเนียบรัฐบาลอย่างเต็มที่ แต่ไม่ขัดขวางการเคลื่อนขบวนมาจากสนามหลวงแต่อย่างใด
ปล่อยให้มาปิดล้อมมาอย่างสะดวก เพื่อลดเงื่อนไขไม่ให้เกิดปะทะจนนำไปสู่ความรุนแรงได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ดียังไม่อาจประมาท หรือนอนใจได้เลย เพราะแม้ว่าคนจะน้อย แต่ถ้ามีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความปั่นป่วน เพื่อ “หวังผล” ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มันก็น่าคิด
จากการสืบค้นแผน “ตากสิน” หรือ “TAKSIN” ที่บังเอิญโผล่ขึ้นมาในช่วงเดียวกันพอดิบพอดีก็มีความสอดคล้องกันว่ามีเจตนาสร้างความรุนแรง เพื่อยั่วยุให้ทหารออกมารักษาความสงบ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเปิดการปะทะ จนเหตุการณ์บานปลายไปทั่วประเทศ
นอกจากมีเป้าหมายล้มรัฐบาล องคมนตรี ศาล กองทัพ แล้วยังมี “เจตนา” ต้องการล้มสถาบันฯเป็นเป้าหมายสูงสุดอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาโดยภาพรวมทั้งหมดจากการชุมนุมของ คนเสื้อแดง ในวันแรกที่ผิดคาดหมาย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโดนแรงเบียดจาก เช็ค 2 พันบาทของรัฐบาลที่ออกมาตัดกระแสพร้อมกันทั่วประเทศพอดิบพอดี
เพราะถ้ากระแสดังกล่าว “ได้ผล” จริง มันก็น่าลุ้น เพราะนี่เป็นแค่รายการแรก ยังมีตามมาอีกหลายล็อต ทั้งเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคนละ 500 บาท และ เงินเพิ่ม อสม.คนละ 600 บาท ที่จะทยอยตามมาอีกไม่กี่วันข้างหน้า กระแสจะตีกลับได้มากขนาดไหน
ดังนั้น เมื่อคิดว่าคลำมาถูกทางแล้ว ก็น่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์ รู้จักโหมโรงและแก้ปัญหาเรื่องหยุมหยิมออกไปให้เหลือน้อยที่สุด
แต่ถึงอย่างไรนาทีนี้ต้องหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารับมือม็อบให้ผ่านสามวันอันตรายไปให้ได้ก่อน !!