ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเตรียมแบงก์พัน 20 ล้านฉบับ รวม 2 หมื่นล้านบาท รับมือโครงการเช็คช่วยชาติ มั่นใจสถานการณ์เงินสดไม่มีขาดมือ แต่ห่วงประชาชนเข้าคิวนานรอรับเงิน กำชับแบงก์อำนวยความสะดวกประชาชนให้พร้อม ขณะที่ประชาชนนำเช็คมาฝากเข้าบัญชีได้เงินภายใน 6 วันและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในทุกแบงก์ทั่วประเทศ นายกฯ สั่งตรวจเข้มหวั่นเช็คช่วยชาติรั่วไหล
นายวราพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการ ฝ่ายวางแผนและสนับสนุนการบริหาร สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าเช็คช่วยชาติจำนวน 2,000 บาทตามนโยบายรัฐบาลในช่วงวันที่ 26 มีนาคม-8 เม.ย.2552ว่า ธปท.ได้เตรียมสำรองปริมาณธนบัตรไว้จ่ายสูงถึง 100 ล้านฉบับ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนนำเช็คมาขอขึ้นเงินไม่น้อยกว่า 15-20 ล้านฉบับ สำหรับธนบัตรชนิด 1,000 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธปท.ได้มีการสำรองธนบัตรไว้ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นหลักในสัดส่วนถึง 80% หรือประมาณ 16,000 ล้านบาท และที่เหลืออีก 20% ในเขตภูมิภาค คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านบาท
“ประชาชนที่นำเช็คมาขึ้นเงินไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งมั่นใจว่าแบงก์พาณิชย์ทุกแห่งได้เตรียมเงินสดรองรับแล้ว เพราะมูลค่าเงินไม่เยอะ ขณะเดียวกันคาดว่าประชาชนบางส่วนนำเช็คไปจับจ่ายซื้อของด้วย ดังนั้นธปท.จึงไม่ห่วงว่าเงินจะออกไม่ทันหรือโอกาสเงินสดขาดมือก็ไม่มี เพราะแบงก์ได้แยกเคาน์เตอร์รับแลกเช็คออกมาทำเรื่องนี้เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ประชาชนที่เข้าแถวมารับเงินมากกว่า แต่เรื่องนี้ได้กำชับแบงก์ให้มีการบริหารจัดการเรื่องนี้ให้ดี เพื่อความสะดวกของประชาชน”นายวราพรกล่าว
แหล่งข่าวจากฝ่ายระบบชำระเงินธปท.กล่าวว่า ธปท.ได้มีการหารือกับธนาคารพาณิชย์ในระบบเกี่ยวกับระบบหักบัญชีระหว่างธนาคารในกรณีเช็คช่วยชาติเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งใช้เวลาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันถึง 3 ชั่วโมง โดยได้ข้อสรุปว่า ประชาชนที่ต้องการเงินสดทันทีสามารถนำเช็คมาขอขึ้นเงินได้เฉพาะสาขาธนาคารกรุงเทพทั่วประเทศ ขณะที่ประชาชนที่มีความประสงค์จะนำเช็คมาฝากเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง รวมถึงธนาคารกรุงเทพที่เป็นแกนหลักในการรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ด้วย เงินจะเข้าบัญชีภายใน 6 วันนับตั้งแต่วันที่เอาเช็คมาฝากเข้าบัญชี
“การดำเนินการต่างๆ ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับประชาชนที่นำเช็คมาขอขึ้นเงินหรือเอาเช็คมาฝากในบัญชีต่างธนาคารก็ตาม ซึ่งการหารือครั้งนี้อุปสรรคที่พูดคุยกันมากที่สุด คือ การติดขัดเรื่องวันโอนเงินเข้าบัญชีไม่ตรงกันในแต่ละธนาคาร ฉะนั้น เพื่อให้ทุกแบงก์ใช้บรรทัดฐานหรือภายใต้เงื่อนไขเดียวกันจึงกำหนดให้ภายใน 6 วันทุกแบงก์ต้องจ่ายเงินเข้าบัญชีได้ และแจ้งผลให้แบงก์ชาติทราบในวันที่ 5 ซึ่งหากตรวจหรือแจ้งไม่ทันก็ให้ถือว่าแบงก์นั้นต้องเอาเงินเข้าบัญชีเงินฝากโดยอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับประชาชน”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีผู้ไม่มีสิทธิ์แต่แอบอ้างมารับเช็คช่วยชาติ 2 พันบาท ว่า มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน และผู้เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบอยู่ ขณะนี้มีการแจ้งมาเพียงกรณีเดียวแต่ก็ให้ตรวจสอบทันที ถ้าพบอะไรผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นในโครงการใดก็ให้แจ้งเข้ามา เพราะรัฐบาลจริงจังในการดูแลเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
"เราตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา ผู้เกี่ยวข้องก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการปลอมแปลงจะทำได้ยากมาก จะมีก็ในเรื่องของการแจกจ่ายออกซึ่งส่วนใหญ่จะผ่านสถานประกอบการ เพราะฉะนั้นถ้าใครเห็นอะไรที่ผิดปรกติก็ขอให้แจ้งมา" นายกฯ กล่าว
นายวราพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการ ฝ่ายวางแผนและสนับสนุนการบริหาร สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าเช็คช่วยชาติจำนวน 2,000 บาทตามนโยบายรัฐบาลในช่วงวันที่ 26 มีนาคม-8 เม.ย.2552ว่า ธปท.ได้เตรียมสำรองปริมาณธนบัตรไว้จ่ายสูงถึง 100 ล้านฉบับ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนนำเช็คมาขอขึ้นเงินไม่น้อยกว่า 15-20 ล้านฉบับ สำหรับธนบัตรชนิด 1,000 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธปท.ได้มีการสำรองธนบัตรไว้ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นหลักในสัดส่วนถึง 80% หรือประมาณ 16,000 ล้านบาท และที่เหลืออีก 20% ในเขตภูมิภาค คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านบาท
“ประชาชนที่นำเช็คมาขึ้นเงินไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งมั่นใจว่าแบงก์พาณิชย์ทุกแห่งได้เตรียมเงินสดรองรับแล้ว เพราะมูลค่าเงินไม่เยอะ ขณะเดียวกันคาดว่าประชาชนบางส่วนนำเช็คไปจับจ่ายซื้อของด้วย ดังนั้นธปท.จึงไม่ห่วงว่าเงินจะออกไม่ทันหรือโอกาสเงินสดขาดมือก็ไม่มี เพราะแบงก์ได้แยกเคาน์เตอร์รับแลกเช็คออกมาทำเรื่องนี้เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ประชาชนที่เข้าแถวมารับเงินมากกว่า แต่เรื่องนี้ได้กำชับแบงก์ให้มีการบริหารจัดการเรื่องนี้ให้ดี เพื่อความสะดวกของประชาชน”นายวราพรกล่าว
แหล่งข่าวจากฝ่ายระบบชำระเงินธปท.กล่าวว่า ธปท.ได้มีการหารือกับธนาคารพาณิชย์ในระบบเกี่ยวกับระบบหักบัญชีระหว่างธนาคารในกรณีเช็คช่วยชาติเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งใช้เวลาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันถึง 3 ชั่วโมง โดยได้ข้อสรุปว่า ประชาชนที่ต้องการเงินสดทันทีสามารถนำเช็คมาขอขึ้นเงินได้เฉพาะสาขาธนาคารกรุงเทพทั่วประเทศ ขณะที่ประชาชนที่มีความประสงค์จะนำเช็คมาฝากเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง รวมถึงธนาคารกรุงเทพที่เป็นแกนหลักในการรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ด้วย เงินจะเข้าบัญชีภายใน 6 วันนับตั้งแต่วันที่เอาเช็คมาฝากเข้าบัญชี
“การดำเนินการต่างๆ ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับประชาชนที่นำเช็คมาขอขึ้นเงินหรือเอาเช็คมาฝากในบัญชีต่างธนาคารก็ตาม ซึ่งการหารือครั้งนี้อุปสรรคที่พูดคุยกันมากที่สุด คือ การติดขัดเรื่องวันโอนเงินเข้าบัญชีไม่ตรงกันในแต่ละธนาคาร ฉะนั้น เพื่อให้ทุกแบงก์ใช้บรรทัดฐานหรือภายใต้เงื่อนไขเดียวกันจึงกำหนดให้ภายใน 6 วันทุกแบงก์ต้องจ่ายเงินเข้าบัญชีได้ และแจ้งผลให้แบงก์ชาติทราบในวันที่ 5 ซึ่งหากตรวจหรือแจ้งไม่ทันก็ให้ถือว่าแบงก์นั้นต้องเอาเงินเข้าบัญชีเงินฝากโดยอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับประชาชน”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีผู้ไม่มีสิทธิ์แต่แอบอ้างมารับเช็คช่วยชาติ 2 พันบาท ว่า มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน และผู้เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบอยู่ ขณะนี้มีการแจ้งมาเพียงกรณีเดียวแต่ก็ให้ตรวจสอบทันที ถ้าพบอะไรผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นในโครงการใดก็ให้แจ้งเข้ามา เพราะรัฐบาลจริงจังในการดูแลเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
"เราตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา ผู้เกี่ยวข้องก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการปลอมแปลงจะทำได้ยากมาก จะมีก็ในเรื่องของการแจกจ่ายออกซึ่งส่วนใหญ่จะผ่านสถานประกอบการ เพราะฉะนั้นถ้าใครเห็นอะไรที่ผิดปรกติก็ขอให้แจ้งมา" นายกฯ กล่าว
