เปิดโฉมรายชื่อบอร์ดอีลิทชุดใหม่ หลังมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญโหวตเป็นเอกฉันฑ์ เน้นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎระเบียบและกฏหมาย หวังปูทางข้อมูลบริษัทแน่นเปรี๊ยเพื่อนำเข้าที่ประชุม ครม.ฟันธงเป็นโอกาสสุดท้าย ขณะที่“สรจักร” คัมแบล็ค อีกครั้งหลังลาออกด้วยมารยาท พร้อมเปิดทางผู้อื่นนั่งประธานบอร์ด เริ่มประชุดนัดแรก 25 มี.ค.นี้
วานนี้(20มี.ค.52) ภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในฐานะหน่วยงานที่ถือหุ้น 100% เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการอีลิทการ์ดรวม 5 คน ได้แก่ 1.น.ส. เมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ดททท.) , นางโสภาพรรณ อมตะเดชะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ดททท.) ,นายสรจักร เกษมสุวรรณ อดีตประธานคณะกรรมการ อีลิทการ์ด , นายดุษฎี สินเจิมสิริ ผู้ตรวจการสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์และ นางเสาวนีย์ กมลบุตร ผู้ตรวจการกระทรวงการคลัง
การแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวก็เพื่อมาทดแทนกรรมการชุดเก่าที่ลาออกไป 3 คนและครบวาระ 2 คน ได้แก่ นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย อดีตประธานกรรมการอีลิทการ์ด ,นายสรจักร์ เกษมสุวรรณ อดีตประธานคณะกรรมการอีลิทการ์ด,และนายสุรกิจ ลิ้มสิทธิกูล อดีตกรรมการอีลิทการ์ด ส่วนกรรมการที่ครบวาระ 2 คน ได้แก่ นายทนงศักดิ์ หุตานุวัตร และนายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย ภายหลังการแต่งตั้งทำให้อีลิทการ์มีคณะกรรมการครบ 11 คน จะได้เรียกประชุมเพื่อบริหารงานองค์กรต่อไปได้ เพราะปัจจุบันเหลือเพียง 6 คน ทำให้ไม่ครบองค์ประชุม
นอกจากนั้นตนยังได้ใช้โอกาศของการประชุมครั้งนี้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการในทีพีซีด้วย โดยให้เหตุผลว่าในสิ้นเดือนนี้ก็จะหมดสัญญาว่าจ้างในตำแหน่งผู้ว่าการททท. โดยเสนอที่ประชุมแต่งตั้งนายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ ททท. ทำหน้าที่กรรมการในทีพีซีแทนที่
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการชุดใหม่ที่เพิ่งตั้งขึ้นนี้จะเป็นผู้รู้ผู้ชี่ยวชาญด้านระเบียบกฎเกณฑ์ และ กฎหมาย จากที่ผ่านมาคณะกรรมการจะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด เพื่อคิดกลยุทธ์และแผนการตลาดดำเนินกิจการ แต่จุดประสงค์ครั้งการคัดเลือกกรรมการครั้งนี้ก็เพราะต้องนำเสนอข้อมูลเอกสารที่ถูกต้องอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสนอภาครัฐโดยจะใช้ข้อมูลย้อนหลังไป 5 ปี ประกอบการพิจารณาทิศทางบริษัทในอนาคต ไม่ว่ารัฐจะเลือก เดินหน้ากิจการต่อ หรือปิดบริษัท ซึ่งคณะกรรมการชุดใหม่จะประชุมนัดแรกในวันที่ 25 มี.ค.นี้ เพื่อคัดเลือกประธานคณะกรรมการ
“กรรมการบอร์ดทีพีซีสามารถเปลี่ยนได้ให้เหมาะกับสถานการณ์ของบริษัท ซึ่งขณะนี้เราต้องการผู้รู้กฎหมายและเชี่ยวชาญด้านเอกสารเข้ามารวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด ส่วนด้านการตลาดทีพีซีมีตัวแทนขายในต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว อีกทั้งในขณะนี้ทีพีซีก็ถูกระงับการทำธุรกิจที่จะมีผลต่อเนื่องและการขายบัตรสมาชิกงานการตลาดจึงยังไม่จำเป็น” นางพรศิริ กล่าว
เปิดทางผู้อื่นนั่งประธานบอร์ด
ทางด้านนายสรจักร เกษมสุวรรณ อดีตประธานคณะกรรมการทีพีซี กล่าวว่า สาเหตุที่ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวเพราะเป็นมารยาททางสังคม ประกอบกับตัวเองเป็นคนนอกจึงต้องการเปิดทางให้ผู้ถือหุ้นมีความเสรีในการคัดเลือกกรรมการ แต่เมื่อที่ประชุมยังโหวตให้ตนเองเข้ามาเป็นกรรมการอีกครั้งก็ยินดี อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวต้องการเปิดทางให้คนอื่นเข้ามารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการด้วยเช่นกัน
สำหรับแนวทางการทำงานของบอร์ดอีลิทนับจากนี้ไปคงต้องยึดเรื่องของแนวทางการแก้ไขให้สอดรับกับนโยบายของนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และหากอีลิทการ์ดได้เดินหน้ากิจการต่อไปก็ต้องปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ และปรับภาพลักษณืองค์กรเรียกความเชื่อมั่นกลับมา
วานนี้(20มี.ค.52) ภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในฐานะหน่วยงานที่ถือหุ้น 100% เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการอีลิทการ์ดรวม 5 คน ได้แก่ 1.น.ส. เมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ดททท.) , นางโสภาพรรณ อมตะเดชะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ดททท.) ,นายสรจักร เกษมสุวรรณ อดีตประธานคณะกรรมการ อีลิทการ์ด , นายดุษฎี สินเจิมสิริ ผู้ตรวจการสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์และ นางเสาวนีย์ กมลบุตร ผู้ตรวจการกระทรวงการคลัง
การแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวก็เพื่อมาทดแทนกรรมการชุดเก่าที่ลาออกไป 3 คนและครบวาระ 2 คน ได้แก่ นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย อดีตประธานกรรมการอีลิทการ์ด ,นายสรจักร์ เกษมสุวรรณ อดีตประธานคณะกรรมการอีลิทการ์ด,และนายสุรกิจ ลิ้มสิทธิกูล อดีตกรรมการอีลิทการ์ด ส่วนกรรมการที่ครบวาระ 2 คน ได้แก่ นายทนงศักดิ์ หุตานุวัตร และนายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย ภายหลังการแต่งตั้งทำให้อีลิทการ์มีคณะกรรมการครบ 11 คน จะได้เรียกประชุมเพื่อบริหารงานองค์กรต่อไปได้ เพราะปัจจุบันเหลือเพียง 6 คน ทำให้ไม่ครบองค์ประชุม
นอกจากนั้นตนยังได้ใช้โอกาศของการประชุมครั้งนี้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการในทีพีซีด้วย โดยให้เหตุผลว่าในสิ้นเดือนนี้ก็จะหมดสัญญาว่าจ้างในตำแหน่งผู้ว่าการททท. โดยเสนอที่ประชุมแต่งตั้งนายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ ททท. ทำหน้าที่กรรมการในทีพีซีแทนที่
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการชุดใหม่ที่เพิ่งตั้งขึ้นนี้จะเป็นผู้รู้ผู้ชี่ยวชาญด้านระเบียบกฎเกณฑ์ และ กฎหมาย จากที่ผ่านมาคณะกรรมการจะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด เพื่อคิดกลยุทธ์และแผนการตลาดดำเนินกิจการ แต่จุดประสงค์ครั้งการคัดเลือกกรรมการครั้งนี้ก็เพราะต้องนำเสนอข้อมูลเอกสารที่ถูกต้องอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสนอภาครัฐโดยจะใช้ข้อมูลย้อนหลังไป 5 ปี ประกอบการพิจารณาทิศทางบริษัทในอนาคต ไม่ว่ารัฐจะเลือก เดินหน้ากิจการต่อ หรือปิดบริษัท ซึ่งคณะกรรมการชุดใหม่จะประชุมนัดแรกในวันที่ 25 มี.ค.นี้ เพื่อคัดเลือกประธานคณะกรรมการ
“กรรมการบอร์ดทีพีซีสามารถเปลี่ยนได้ให้เหมาะกับสถานการณ์ของบริษัท ซึ่งขณะนี้เราต้องการผู้รู้กฎหมายและเชี่ยวชาญด้านเอกสารเข้ามารวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด ส่วนด้านการตลาดทีพีซีมีตัวแทนขายในต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว อีกทั้งในขณะนี้ทีพีซีก็ถูกระงับการทำธุรกิจที่จะมีผลต่อเนื่องและการขายบัตรสมาชิกงานการตลาดจึงยังไม่จำเป็น” นางพรศิริ กล่าว
เปิดทางผู้อื่นนั่งประธานบอร์ด
ทางด้านนายสรจักร เกษมสุวรรณ อดีตประธานคณะกรรมการทีพีซี กล่าวว่า สาเหตุที่ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวเพราะเป็นมารยาททางสังคม ประกอบกับตัวเองเป็นคนนอกจึงต้องการเปิดทางให้ผู้ถือหุ้นมีความเสรีในการคัดเลือกกรรมการ แต่เมื่อที่ประชุมยังโหวตให้ตนเองเข้ามาเป็นกรรมการอีกครั้งก็ยินดี อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวต้องการเปิดทางให้คนอื่นเข้ามารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการด้วยเช่นกัน
สำหรับแนวทางการทำงานของบอร์ดอีลิทนับจากนี้ไปคงต้องยึดเรื่องของแนวทางการแก้ไขให้สอดรับกับนโยบายของนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และหากอีลิทการ์ดได้เดินหน้ากิจการต่อไปก็ต้องปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ และปรับภาพลักษณืองค์กรเรียกความเชื่อมั่นกลับมา
