ASTVผู้จัดการรายวัน - อีลิทใกล้ อวสาน “สุรพงษ์” ไขก๊อก ยื่นหนังสือลาออกทุกตำแหน่ง อ้างต้องกลับไปทำงานธุรกิจหลักของตัวเอง ด้าน “ชุมพล”ไล่บี้ สั่ง ศศิธารา เค้นข้อมูลเพิ่ม ข้อดูบัญชีรายจ่ายในช่วงที่ผ่านมา เชื่อเร็วๆนี้รู้ผลฟันธงอยู่หรือไป
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นายชุมพล ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้สั่งการให้ตนแจ้งไปยัง นายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานคณะกรรมการ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท ว่าให้นำส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายทั้งหมดของบริษัท ทั้งในช่วงก่อนที่จะมีคำสั่งให้ชะลอการทำธุรกรรมทุกชนิดอันจะทำให้มีภาระผูกพันต่อเนื่อง และ รายจ่ายภายหลังจากที่ได้รับคำสั่งไปแล้ว เพื่อมาใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจว่าจะให้โครงการอีลิทการ์ดเดินหน้าต่อไปหรือไม่อย่างไร
ล่าสุด ข้อมูลทั้งหมดได้ยื่นเสนอต่อนายชุมพลแล้ว ซึ่งจากการดูข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ ภายหลังมีคำสั่งให้หยุดทำธุรกิจทุกชนิด ยกเว้นการให้บริการแก่สมาชิกผู้ถือบัตร ที่ยังดำเนินการต่อไปได้ โดยเวนเดอร์ หรือคู่ค้า เช่น กอล์ฟ สปา ที่ให้บริการแก่สมาชิกยังสามารถนำค่าบริการมาเบิกต่อทีพีซีได้ตามปกติ เพราะขณะนี้ยังไม่ได้มีคำสั่งปิดกิจการของอีลิทการด์แต่อย่างใด
“ขั้นตอนต่อไปนี้ก็คงรอดูการตัดสินใจของท่านรัฐมนตรีชุมพล ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งขณะนี้รอเพียงแต่บอร์ดททท.จะส่งผลสรุปของมติบอร์ดในการประชุมที่ผ่านมาให้แก่ท่านรัฐมนตรีประกอบการตัดสินใจ จากนั้นจึงนำส่งที่ประชุม ครม.เพื่อทราบทันที”
รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุด นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ได้ยื่นหนังสือลาออกจากทุกตำแหน่งในอีลิทการ์ดต่อนายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานบอร์ดอีลิทการ์ด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.52 เป็นต้นไป
เมื่อสอบถามไปยังนายสุรพงษ์ ถึงสาเหตุการลาออกในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 จากครั้งแรกที่ลาออกจากรักษาการผู้จัดการใหญ่ อีลิทการ์ด หลังจากที่นายชุมพล ศิลปะอาชา รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีคำสั่งให้อีลิทการ์ดชะลอการทำธุรกรรมทุกชนิด ซึ่งนายสุรพงษ์ ยังให้เหตุผลเหมือนครั้งที่ผ่านมาว่า ต้องการกลับไปทำธุรกิจหลักที่ตัวเองมีอยู่ เพราะมีภารกิจมากมายที่ต้องสะสางรออยู่ โดยเชื่อว่าการลาออกของตัวเองนั้นจะไม่กระทบต่อการทำงานของอีลิทการ์ดในช่วงนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีกรรมการในคณะกรรมการลาออกไปแล้ว 3 คน ก็ตาม
นางสาวศศิธารา กล่าวในกรณีการลาออกของนายสุรพงษ์ ว่า ขณะนี้ทางกระทรวงฯยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นจริงก็ไม่กระทบต่อการดำเนินกิจการของอีลิทการ์ดในช่วงนี้ เพราะคณะกรรมการชุดที่นายสุรพงษ์เป็นประธาน ไม่ได้มีบทบาทต่อการบริหารงานมากนัก เพราเป็นเพียงคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่อง โดยทุกอย่างจะขึ้นกับการตัดสินใจของคณะกรรมการชุดใหญ่ที่นายสรจักรเป็นประธาน
รายงานข่าวจากบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด แจ้งว่า สาเหตุที่นายสุรพงษ์ ลาออก น่าจะมาจากผลการทำงานในช่วงที่ผ่านมาไม่เป็นที่พอใจของผู้ใหญ่ นอกจากนั้นยังได้รับความกดดันอย่างต่อเนื่องจึงตัดสินใจลาออกเพื่อต้องการยุติปัญหาทั้งหมด
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นายชุมพล ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้สั่งการให้ตนแจ้งไปยัง นายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานคณะกรรมการ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท ว่าให้นำส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายทั้งหมดของบริษัท ทั้งในช่วงก่อนที่จะมีคำสั่งให้ชะลอการทำธุรกรรมทุกชนิดอันจะทำให้มีภาระผูกพันต่อเนื่อง และ รายจ่ายภายหลังจากที่ได้รับคำสั่งไปแล้ว เพื่อมาใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจว่าจะให้โครงการอีลิทการ์ดเดินหน้าต่อไปหรือไม่อย่างไร
ล่าสุด ข้อมูลทั้งหมดได้ยื่นเสนอต่อนายชุมพลแล้ว ซึ่งจากการดูข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ ภายหลังมีคำสั่งให้หยุดทำธุรกิจทุกชนิด ยกเว้นการให้บริการแก่สมาชิกผู้ถือบัตร ที่ยังดำเนินการต่อไปได้ โดยเวนเดอร์ หรือคู่ค้า เช่น กอล์ฟ สปา ที่ให้บริการแก่สมาชิกยังสามารถนำค่าบริการมาเบิกต่อทีพีซีได้ตามปกติ เพราะขณะนี้ยังไม่ได้มีคำสั่งปิดกิจการของอีลิทการด์แต่อย่างใด
“ขั้นตอนต่อไปนี้ก็คงรอดูการตัดสินใจของท่านรัฐมนตรีชุมพล ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งขณะนี้รอเพียงแต่บอร์ดททท.จะส่งผลสรุปของมติบอร์ดในการประชุมที่ผ่านมาให้แก่ท่านรัฐมนตรีประกอบการตัดสินใจ จากนั้นจึงนำส่งที่ประชุม ครม.เพื่อทราบทันที”
รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุด นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ได้ยื่นหนังสือลาออกจากทุกตำแหน่งในอีลิทการ์ดต่อนายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานบอร์ดอีลิทการ์ด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.52 เป็นต้นไป
เมื่อสอบถามไปยังนายสุรพงษ์ ถึงสาเหตุการลาออกในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 จากครั้งแรกที่ลาออกจากรักษาการผู้จัดการใหญ่ อีลิทการ์ด หลังจากที่นายชุมพล ศิลปะอาชา รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีคำสั่งให้อีลิทการ์ดชะลอการทำธุรกรรมทุกชนิด ซึ่งนายสุรพงษ์ ยังให้เหตุผลเหมือนครั้งที่ผ่านมาว่า ต้องการกลับไปทำธุรกิจหลักที่ตัวเองมีอยู่ เพราะมีภารกิจมากมายที่ต้องสะสางรออยู่ โดยเชื่อว่าการลาออกของตัวเองนั้นจะไม่กระทบต่อการทำงานของอีลิทการ์ดในช่วงนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีกรรมการในคณะกรรมการลาออกไปแล้ว 3 คน ก็ตาม
นางสาวศศิธารา กล่าวในกรณีการลาออกของนายสุรพงษ์ ว่า ขณะนี้ทางกระทรวงฯยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นจริงก็ไม่กระทบต่อการดำเนินกิจการของอีลิทการ์ดในช่วงนี้ เพราะคณะกรรมการชุดที่นายสุรพงษ์เป็นประธาน ไม่ได้มีบทบาทต่อการบริหารงานมากนัก เพราเป็นเพียงคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่อง โดยทุกอย่างจะขึ้นกับการตัดสินใจของคณะกรรมการชุดใหญ่ที่นายสรจักรเป็นประธาน
รายงานข่าวจากบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด แจ้งว่า สาเหตุที่นายสุรพงษ์ ลาออก น่าจะมาจากผลการทำงานในช่วงที่ผ่านมาไม่เป็นที่พอใจของผู้ใหญ่ นอกจากนั้นยังได้รับความกดดันอย่างต่อเนื่องจึงตัดสินใจลาออกเพื่อต้องการยุติปัญหาทั้งหมด