xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าทำได้แค่นี้ก็น่าสงสาร “ทักษิณ”จริงๆ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เป็นครั้งแรกที่เห็นคล้อยตามกับ “เสนาะ เทียนทอง” ที่เคยออกโรงขัดขวางเต็มเหนี่ยวไม่ยอมให้พรรคเพื่อไทยยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะ เนื่องจากเห็นว่า ยังไม่มีสาเหตุหรือมีเหตุผล หรือช่วงจังหวะที่เหมาะสมเพียงพอที่จะยื่นญัตติซักฟอกเกิดขึ้นได้
ได้ยินตอนแรกก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
จนกระทั่งมาได้ฟังการอภิปรายของสมาชิกพรรคฝ่ายค้านในสภาวันแรกเมื่อวันที่ 19 มีนาคม เริ่มตั้งแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะตัวตั้งตัวตีในการยื่นซักฟอกได้อภิปรายนำเป็นคนแรก ก็ทนนั่งฟังในช่วงแรกตั้งแต่ต้นจนจบกว่า 3 ชั่วโมง ก็บอกได้คำเดียวว่า “ทำไมทำได้แค่นี้(วะ)
พูดกันอย่างตรงไปตรงมาแบบไม่ต้องเกรงใจกันถือว่า เป็นการอภิปรายที่ต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะมาตรฐานของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่เคยทำเอาไว้ก่อนหน้านี้
เพราะหัวข้อที่สรรหามากล่าวหารัฐบาล นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐมนตรีอีก 5 คน ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเก่า ส่วนประเด็นที่เคยคุยโวโอ้อวดผ่านสื่อกันใหญ่โตว่าเป็นหมัดเด็ด “ป๊อกเดียวจอด” อย่างเรื่อง “เงินบริจาค” ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ นั้นจริงไม่จริงไม่รู้ แต่เอาเป็นว่า มันไม่เห็นเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินตรงไหน
หรือนายกรัฐมนตรีไปทุจริตคอรัปชั่นโครงการอะไร ตรงไหน
นั่งฟังไปซักพักชักฟังเพลินๆตอนแรกก็หลงนึกว่าคนที่ชื่อ ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ กลายเป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เพราะเนื้อหาสาระหลักๆพุ่งไปที่ ประดิษฐ์ ซึ่ง “เคยเป็น” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อหลายปีก่อนและรวมไปถึงคนใกล้ชิดแทบทั้งสิ้น
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาหลายมุมแล้ว แม้ว่าข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ตามขั้นตอนน่าจะยื่นหลักฐานผ่านไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้สอบสวนให้แจ่มแจ้ง ถ้าผิดจริงถึงขั้นยุบพรรคก็ต้องยุบกันไปเลย
ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “หนีทหาร” ของนายกรัฐมนตรี เรื่องส่งข้อความสั้นหรือเอสเอ็มเอสเชิญชวนประชาชนกันฝ่าออกจากวิกฤตชาติ การกล่าวหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ ที่บรรดาขุนพลอาสาพรรคเพื่อไทยทยอยขึ้นเวทีถล่มตั้งแต่เช้ายันเย็นเชื่อว่าสังคมยังไม่เกิดอารมณ์ร่วม อีกทั้งถ้าพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาอย่างมากก็ได้แค่กระทู้ถามสดเท่านั้น
บางครั้งยังอภิปรายนอกประเด็น พาดพิงรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นอกญัตติเสียอีก
ไม่ได้มีน้ำหนักพอที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยซ้ำไป
ที่ผ่านมาหากสังเกตให้ดีก็พบว่าได้อภิปรายในเรื่องเดียวกันซ้ำซากมาหลาย หนนไล่เรียงไปตั้งแต่เมื่อครั้งอภิปรายวันแถลงนโยบายรัฐบาล การยื่นกระทู้ถามสด อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณกลางปี เรียกได้ว่าถ้าเป็นรายของ กษิต ภิรมย์ ก็ต้องจองกฐินไว้ก่อนทุกครั้ง
เนื้อหาหลักๆก็มีความผิดเดียวคือร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯเท่านั้น
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็ใช้วิธีตอดเล็กตอดน้อยยกย่องเชิดชู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลางอากาศหน้าตาเฉย
เมื่อพิจารณาจากภาพรวมการอภิปรายตลอดทั้งวันตั้งแต่หัวหน้าขุนพลคือ “เป็ดเหลิม” ไปยันระดับปลายแถว ที่เคยประกาศเอาไว้ล่วงหน้าแบบขึงขังว่ามีทีเด็ดน็อกได้แน่ เอาเข้าจริง ก็จืดสนิท
หากมองอีกมุมหนึ่ง การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีน้ำหนักทำได้แค่นี้มันก็ น่าหนักใจแทน เพราะไม่อาจระคายผิวของฝ่ายรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรีได้เลย แต่ขณะเดียวกันอาจไม่ได้มุ่งหวังเกมในสภาได้เต็มร้อย เพราะบังเอิญว่าในช่วงเวลาเดียวกันที่เคยวางตารางเวลาเอาไว้ให้มาประจวบเหมาะกับ “ม็อบเสื้อแดง” นอกสภา
แต่เมื่อถูกตัดเกมรู้ทันร่นเวลาซักฟอกเร็วขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้ทุกอย่าง “รวน” จนไปไม่เป็น เกมในสภา-นอกสภาต่ออารมณ์มวลชนกันไม่ติด
ดังนั้นเมื่อผลออกมาแบบนี้ถือว่าไม่คุ้มค่า คนที่เสียหาย “เข้าเนื้อ” ก็คือคน “หน้าเหลี่ยมๆ”ที่อยู่นอกประเทศนั่นแหละ อีกทั้งถ้าอภิปรายกัน “หน่อมแน้ม” นอกเรื่องนอกรอยไม่เป็นโล้เป็นพายหลอกตีกิน ใช้เวทีสภาหลอกด่าคนอื่นที่อยู่ภายนอกฟรีแบบนี้โอกาสที่จะได้ลุ้นกลับมาเข้าประเทศ นับวันก็ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
บอกได้คำเดียวว่าน่าสงสารจริงๆ เพราะน่าจะเข้าข่าย “ถูกต้ม” เข้าเนื้ออีกแล้ว !!
วิปรัฐบาลเย้ย“เป็ดเหลิม”เปิดซักฟอกไร้น้ำหนัก เปรียบจัดงานแล้วแขกไม่มาต้องรอเก็บถ้วยชาม เหน็บปืนใหญ่กระสุนด้านยิงไม่ถึงนายกฯ
เมื่อเวลา 13.00 น.. ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป)พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีโดยร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า เท่าที่ประเมินเบื้องต้น เห็นว่าการอภิปรายของฝ่ายค้านไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย และไม่มีน้ำหนักอะไร ซึ่งโดยตรงไม่สามารถที่จะโยงเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินได้ และเท่าที่วิปรัฐบาลได้ประเมินว่าเหมือนกับการจัดงานแล้วแขกไม่มาเลยต้องมาเตรียมเก็บถ้วยชามรอ อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามประเด็นในการสรุปอีกครั้ง
เมื่อถามว่าคิดว่าฝ่ายค้านใช้ข้อมูลมาตีพรรคประชาธิปัตย์ให้อ่วมมากที่สุดใช่หรือไม่ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ส่วนตัวต้องให้เครดิตแก่ร.ต.อ.เฉลิมที่พยายามอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เนื่องจากข้อมูลไม่ถึงตัวนายกรัฐมนตรีและไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้การอภิปรายฯแม้มีความตั้งใจสูงแต่น้ำหนักเบา อย่างไรก็ตาม วิปรัฐบาลจะไม่มีการปรับรับมือการอภิปรายฯ แต่จะมีการแถลงข่าวชี้แจงโดยให้คณะทำงานรวบรวมประเด็นความรู้สึกของประชาชนหลังจากการอภิปรายฯไปแล้วว่ามีความรู้สึกอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศหรือไม่ เพราะไม่มีความโปร่งใสจากเรื่องเงินบริจาคที่เข้าพรรค นายชินวรณ์ กล่าวว่า ไม่มีบทพิสูจน์ว่าไม่มีความโปร่งใส ทั้งนี้ กระบวนการที่ถูกอ้างมาก็ชี้ไม่ชัดว่ามีการไซฟ่อนเงิน แต่เป็นกระบวนการธรรมดาในการทำธุรกิจ เพียงแต่ร.ต.อ.เฉลิมจับกระบวนการทั้งหมดมาจับแพะชนแกะ และเอาเรื่องของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และเรื่องของนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง มาโยงกันเพื่อหวังให้นำไปสู่การทำให้เห็นว่ามีการบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ทั้งนี้ถ้าประชาชนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น อาจเข้าใจผิดว่านายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง มาเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเรื่องนี้อาจมีน้ำหนัก แต่บังเอิญว่านายประดิษฐ์ไม่ได้เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์แล้วในตอนนี้ และแม้นายประดิษฐ์จะมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลที่พรรคประชาธิปัตย์เป็ฌนแกนนำ แต่เรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง รมช.คลัง อย่างไรก็ตาม ในแง่ของตัวบุคคล นายประดิษฐ์ก็ต้องชี้แจงเรื่องนี้เอง ไม่เกี่ยวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลยังเป็นต่อในการอภิปรายฯครั้งนี้ใช่หรือไม่ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ความรู้สึกของคณะทำงานและประชาชนเห็นได้ชัดว่าฝ่ายค้านไม่สามารถทะลวงเข้าสู่เป้าหมายที่แท้จริงตามเจตนารมณ์ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ ตัวนายกรัฐมนตรี
ต่อข้อถามว่าเกรงว่าจะมีการนำข้อมูลในการอภิปรายฯไปขยายผลเพื่อเอาผิดให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ไฮไลท์อยู่ที่ร.ต.อ.เฉลิม ถ้าปืนใหญ่ยิงด้านแล้วและถ้าปืนเล็กจะยิงเพิ่มขึ้นมาอีก ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไปบริหารจัดการข้อมูลและตอบโต้เพื่อเป็นเกราะกำบังตัวเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น