วิกฤติเศรษฐกิจโลกฟาดหาง ซาบีน่าปรับทิศ มุ่งตลาดในประเทศแทน ตั้งเป้าอีก 3 ปีสัดส่วนเป็น 70% หนีตลาดต่างประเทศซบ เผย 2 เดือนแรก ตลาดส่งออกหดตัว 20% แล้ว เปิดแผนรุกเน้นโคโปรโมชั่นมากขึ้น ขยายฐานลูกค้า ผนึกบัตรเติมเงินดีแทครับส่วนลด 200 บาท
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในซาบีน่า เปิดเผยว่า ตลาดชุดชั้นในโดยรวมปีนี้ยังคงแข่งขันกันรุนแรง ทั้งตลาดโลคอลแบรนด์ อินเตอร์แบรนด์ หรือแบรนด์ระดับล่าง ทั้งการทำโปรโมชั่น และการลดราคา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับตลาดในประเทศอื่นที่ลดลงด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าตลาดรวมในไทยน่าจะเติบโตไม่เกิน 5% จากมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท
“ซาบีน่าเองก็ต้องทำตลาดต่อเนื่อง พร้อมทั้งการปรับแผนตลาดบ่อยขึ้นเป็นรายไตรมาส เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่เราเองยังดีที่ปรับตัวมาตั้งแต่ ปี 2548 แล้ว โดยปรับยุทธศาสตร์หลักหันมามุ่งเน้นตลาดในประเทศมากขึ้นเป็น 60% ส่วนรายได้จากการรับจ้างผลิตส่งต่างประเทศเหลือ 40% จากเดิมในประเทศ 40% และตลาดโออีเอ็มส่งออก 60% และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนในประเทศให้มากขึ้นเป็น 70% ภายในอีก 3 ปีด้วย”
ผลประกอบการช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ พบว่า รายได้จากตลาดต่างประเทศลดลงกว่า 20% แล้ว ขณะที่รายได้ในประเทศเพิ่มขึ้น 15% คาดว่าทั้งปีรายได้รวมบริษัทฯจะเท่าเดิมคือ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 1,100 ล้านบาท และตลาดต่างประเทศ 900 ล้านบาท ซึ่งจะต้องหาตลาดต่างประเทศใหม่ๆเช่น ตะวันออกกลางมากขึ้น เป็นต้น จากเดิมที่ตลาดอเมริกา อังกฤษและยุโรปได้รับผลกระทบจากวิกฤติโลกอย่างมาก
ปีนี้บริษัทฯตั้งงบการตลาดเพิ่มเป็น 50 ล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้ 30 ล้านบาท โดยจะมีจัดกิจกรรมใหญ่ประมาณ 4 ครั้งต่อปี และมีกิจกรรมย่อย รวมทั้งการทำโปรโมชั่นต่างๆ
นอกจากนั้นจะลงทุนอีก 10-15 ล้านบาทในการขยายชอปซาบีน่า อย่างต่ำ 5 สาขา ใช้งบลงทุนแห่งละ 2-3 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาพื้นที่ในศูนย์การค้าที่จะเปิดใหม่ของเครือเซ็นทรัลเป็นหลัก จากปัจจุบันมีชอปซาบีน่ารวม 7 สาขาแล้ว และยังมีเคาน์เตอร์อีกมากกว่า 380 แห่งทั่วประเทศ แต่จะไม่มีแผนการขยายกำลังการผลิตปีนี้
ขณะเดียวกันยังมีแผนใช้งบประมาณอีก 15 ล้านบาท มาใช้ในกระบวนการลดต้นทุนต่างๆ ด้านการผลิต เช่น งดงานเอาท์ซอร์ เอางานกลับมาทำเอง ซึ่งรวมแล้วตั้งเป้าปีนี้จะลดต้นทุนประมาณ 30 ล้านบาท
นายบุญชัยกล่าวว่า แนวทางการทำตลาดปีนี้ยังเหมือนเดิมคือ เน้น ทำโปรโมชั่น ไม่ลดราคา แต่จะเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า รวมทั้งการทำโคโปรโมชั่นกับพันธมิตรด้วย เพื่อเป็นการขยายฐานและสร้างแรงกระตุ้นในการซื้อสินค้า
ล่าสุดจับมือกับทางผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ค่ายดีแทค โดยเมื่อซื้อบัตรเติมเงินดีแทค ประเภทที่มีโลโกของซาบีน่าพิมพ์อยู่ สามารถนำบัตรดังกล่าวนี้ไปใช้ซื้อสินค้าซาบีน่าได้รับส่วนลด 200 บาท ตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งดีแทคเองมีผู้ใช้บริการที่เป็นผู้หญิงแบบใช้บัตรเติมเงินมาก จะทำให้ได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก
“ปีนี้จะทำโคโปรโมชั่นแบบนี้อีกมาก ทั้งสินค้าที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง แต่ก็จะได้ฐานลูกค้าเพิ่ม ก่อนหน้านี้ก็ทำกับโรงพยาบาล ล่าสุดร่วมมือกับสยามโอเชียนเวิลด์ เปิดตัวโครงการ “Under the Sea รหัสลับ..พิทักษ์โลกใต้ทะเล” ซึ่งจะทำให้สามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายสำหรับ ซับแบรนด์ที่ชื่อ ซาบีนี่ชุดชั้นในเด็กได้ด้วย ซึ่งขณะนี้ซาบีนี่มีสัดส่วนรายได้ 12% ของบริษัทฯ”
ปัจจุบัน ซาบีน่าอยู่ในอันดับสองใกล้เคียงกับแบรนด์ไทรอั้มพ์ ส่วนผู้นำตลาดคือ วาโก้
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในซาบีน่า เปิดเผยว่า ตลาดชุดชั้นในโดยรวมปีนี้ยังคงแข่งขันกันรุนแรง ทั้งตลาดโลคอลแบรนด์ อินเตอร์แบรนด์ หรือแบรนด์ระดับล่าง ทั้งการทำโปรโมชั่น และการลดราคา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับตลาดในประเทศอื่นที่ลดลงด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าตลาดรวมในไทยน่าจะเติบโตไม่เกิน 5% จากมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท
“ซาบีน่าเองก็ต้องทำตลาดต่อเนื่อง พร้อมทั้งการปรับแผนตลาดบ่อยขึ้นเป็นรายไตรมาส เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่เราเองยังดีที่ปรับตัวมาตั้งแต่ ปี 2548 แล้ว โดยปรับยุทธศาสตร์หลักหันมามุ่งเน้นตลาดในประเทศมากขึ้นเป็น 60% ส่วนรายได้จากการรับจ้างผลิตส่งต่างประเทศเหลือ 40% จากเดิมในประเทศ 40% และตลาดโออีเอ็มส่งออก 60% และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนในประเทศให้มากขึ้นเป็น 70% ภายในอีก 3 ปีด้วย”
ผลประกอบการช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ พบว่า รายได้จากตลาดต่างประเทศลดลงกว่า 20% แล้ว ขณะที่รายได้ในประเทศเพิ่มขึ้น 15% คาดว่าทั้งปีรายได้รวมบริษัทฯจะเท่าเดิมคือ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 1,100 ล้านบาท และตลาดต่างประเทศ 900 ล้านบาท ซึ่งจะต้องหาตลาดต่างประเทศใหม่ๆเช่น ตะวันออกกลางมากขึ้น เป็นต้น จากเดิมที่ตลาดอเมริกา อังกฤษและยุโรปได้รับผลกระทบจากวิกฤติโลกอย่างมาก
ปีนี้บริษัทฯตั้งงบการตลาดเพิ่มเป็น 50 ล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้ 30 ล้านบาท โดยจะมีจัดกิจกรรมใหญ่ประมาณ 4 ครั้งต่อปี และมีกิจกรรมย่อย รวมทั้งการทำโปรโมชั่นต่างๆ
นอกจากนั้นจะลงทุนอีก 10-15 ล้านบาทในการขยายชอปซาบีน่า อย่างต่ำ 5 สาขา ใช้งบลงทุนแห่งละ 2-3 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาพื้นที่ในศูนย์การค้าที่จะเปิดใหม่ของเครือเซ็นทรัลเป็นหลัก จากปัจจุบันมีชอปซาบีน่ารวม 7 สาขาแล้ว และยังมีเคาน์เตอร์อีกมากกว่า 380 แห่งทั่วประเทศ แต่จะไม่มีแผนการขยายกำลังการผลิตปีนี้
ขณะเดียวกันยังมีแผนใช้งบประมาณอีก 15 ล้านบาท มาใช้ในกระบวนการลดต้นทุนต่างๆ ด้านการผลิต เช่น งดงานเอาท์ซอร์ เอางานกลับมาทำเอง ซึ่งรวมแล้วตั้งเป้าปีนี้จะลดต้นทุนประมาณ 30 ล้านบาท
นายบุญชัยกล่าวว่า แนวทางการทำตลาดปีนี้ยังเหมือนเดิมคือ เน้น ทำโปรโมชั่น ไม่ลดราคา แต่จะเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า รวมทั้งการทำโคโปรโมชั่นกับพันธมิตรด้วย เพื่อเป็นการขยายฐานและสร้างแรงกระตุ้นในการซื้อสินค้า
ล่าสุดจับมือกับทางผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ค่ายดีแทค โดยเมื่อซื้อบัตรเติมเงินดีแทค ประเภทที่มีโลโกของซาบีน่าพิมพ์อยู่ สามารถนำบัตรดังกล่าวนี้ไปใช้ซื้อสินค้าซาบีน่าได้รับส่วนลด 200 บาท ตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งดีแทคเองมีผู้ใช้บริการที่เป็นผู้หญิงแบบใช้บัตรเติมเงินมาก จะทำให้ได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก
“ปีนี้จะทำโคโปรโมชั่นแบบนี้อีกมาก ทั้งสินค้าที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง แต่ก็จะได้ฐานลูกค้าเพิ่ม ก่อนหน้านี้ก็ทำกับโรงพยาบาล ล่าสุดร่วมมือกับสยามโอเชียนเวิลด์ เปิดตัวโครงการ “Under the Sea รหัสลับ..พิทักษ์โลกใต้ทะเล” ซึ่งจะทำให้สามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายสำหรับ ซับแบรนด์ที่ชื่อ ซาบีนี่ชุดชั้นในเด็กได้ด้วย ซึ่งขณะนี้ซาบีนี่มีสัดส่วนรายได้ 12% ของบริษัทฯ”
ปัจจุบัน ซาบีน่าอยู่ในอันดับสองใกล้เคียงกับแบรนด์ไทรอั้มพ์ ส่วนผู้นำตลาดคือ วาโก้
