xs
xsm
sm
md
lg

ซาบีน่าเล็งเจาะตลาดเอเชีย รับมือเศรษฐกิจโลกหดตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ซาบีน่า เตรียมรุกเปิดตลาดแถบเอเชีย หวังกระตุ้นยอดขายเพิ่ม หลัง 9 เดือนแรกยอดขายลดลงจากปีก่อนเกือบ 100 ล้านบาท พร้อมเตรียมการรับมือเศรษฐกิจโลกหดตัว-การเมืองในประเทศป่วน ขณะที่ไตรมาส 3 กำไรสุทธิ 44 ล้านบาท

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) (SABINA) เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2551 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 51 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 45.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6 ล้านบาท หรือ 1.3% โดยบริษัทมีรายได้รวม 551.21 ล้านบาท ลดลง 51.7 ล้านบาทหรือ 8.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ที่รายได้รวม 602.9 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกบริษัทมีรายได้รวม 1,492.7 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 98.2 ล้านบาทหรือ 6.2% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,590.9 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 148.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.7 ล้านบาท หรือ 40% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วบริษัทมีกำไรสุทธิ 105.6 ล้านบาท

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ยอดขายของบริษัทขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการที่บริษัทได้ทำการปรับสัดส่วนการขายในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการทำกิจกรรมทางการตลาดที่เพิ่มจากเดิมทำให้ยอดขายโตขึ้นกว่า 8%

ขณะเดียวกัน บริษัททยอยปรับสัดส่วนการรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ต่างๆ (Original Equipment Manufacturer : OEM) มีการย้ายจากตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดยุโรป ซึ่งเป็นตลาดพรีเมียมที่มีราคาที่ดีกว่า แม้ปริมาณการสั่งซื้อต่อครั้งจะน้อยกว่าเดิมและทำให้รายได้ชะลอตัวลง แต่กลับมีกำไรเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับปรุงการผลิตโดยการนำระบบการผลิตแบบลีน (Lean Manufacturing System) มาใช้ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงไปกว่า 19.8%

ส่วนแนวโน้มทิศทางการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4/2551 นั้น ขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถประเมินทางการตลาดที่ชัดเจนได้ จากปัญหาการเมืองที่ยังไม่คลี่คลายและปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งออกแคมเปญที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นการซื้อของลูกค้าและเป็นการเพิ่มยอดขายให้แก่บริษัท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายสู่ช่องทางตลาดใหม่ๆ โดยเริ่มเปิดตลาดใหม่ในแถบเอเชียไม่ว่าจะเป็นประเทศสิงคโปร์ อินเดีย ดูไบ, และประเทศในแถบเอเชีย จากกระแสตอบรับที่ออกมาดีทำให้บริษัทคาดการณ์ยอดขายในปีนี้มากกว่า 50 ล้านบาท และปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นแตะ 100 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น