ASTVผู้จัดการรายวัน - ทริสเรทติ้งจัดอันดับหุ้นกู้"ธนชาต"วงเงินไม่เกิน 2 พันล้าน ที่ระดับ A และคงอันดับเครดิตองค์กรและตั๋วแลกเงินที่ระดับ A+ แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" ชี้สะท้อนสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถและประสบการณ์ของผู้บริหารในธุรกิจหลักคือสินเชื่อเช่าซื้อ
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและตั๋วแลกเงินของ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A+" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิชุดเดิมของธนาคารที่ระดับ "A" ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของธนาคารที่ระดับ "A" ด้วย โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคงเป็น "Stable" หรือ "คงที่" อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถและประสบการณ์ของผู้บริหารในธุรกิจหลักคือสินเชื่อเช่าซื้อ รวมทั้งเครือข่ายธุรกิจที่ขยายตัวขึ้น และโครงสร้างธุรกิจที่เหมาะสมต่อการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การเกื้อหนุนทางธุรกิจในกลุ่มธนชาต อันดับเครดิตยังได้รับแรงหนุนจากสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์รายใหม่คือ Bank of Nova Scotia (BNS) จากประเทศแคนาดาซึ่งถือหุ้นธนาคารในสัดส่วน 48.99%
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่เอื้ออำนวยน้อยลง ตลอดจนความไม่แน่นอนของธุรกิจหลักทรัพย์ และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการขยายธุรกิจและการทำกำไรของกลุ่มธนชาต
ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนบทบาทของธนาคารในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านการเงินและธนาคารพาณิชย์ที่สำคัญของกลุ่มธนชาต โดยคาดว่าธนาคารจะยังคงสามารถรักษาตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักคือการให้สินเชื่อเช่าซื้อได้ต่อไปโดยยังคงความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์เอาไว้ได้ อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากความสามารถในการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและการผสานประโยชน์ภายในกลุ่มธนชาตคาดว่าจะช่วยบรรเทาภาระต้นทุนทางการเงินของธนาคารในการขยายเครือข่ายบริการในช่วงของการขยายธุรกิจลงได้
ณ เดือนธันวาคม 2551 ธนาคารมีมูลค่าสินเชื่อจากงบการเงินรวมจำนวนทั้งสิ้น 276,430 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จาก 228,986 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2550 สินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 21% หรือเท่ากับ 203,829 ล้านบาท จาก 167,956 ล้านบาท จากมูลค่าสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีสัดส่วน 74% ซึ่งอยู่ในระดับคงที่จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม2549 ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่จะคงความเป็นผู้นำในตลาดธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เมื่อพิจารณาจากงบการเงินรวม ธุรกิจหลักทั้ง 4 ประเภทของธนาคาร (สินเชื่อเช่าซื้อ ประกันชีวิต หลักทรัพย์ และบริหารสินทรัพย์) ช่วยให้ธนาคารสามารถกระจายฐานรายได้ได้อย่างเต็มที่ โดย ณ เดือนธันวาคม2551 ธนาคารมีฐานรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยคิดเป็นสัดส่วน 49% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 43% ณเดือนธันวาคม 2550 อันเป็นผลมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจประกันชีวิตเป็นส่วนใหญ่
ในส่วนของโครงสร้างเงินทุนนั้น ธนาคารสามารถบรรลุแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินด้วยเช่นกัน โดยสามารถขยายขนาดของเงินฝากออมทรัพย์ได้อย่างมีนัยสำคัญโดยมีฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยที่กระจายตัวมากขึ้น ซึ่งเงินฝากออมทรัพย์จัดเป็นแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพและต้นทุนต่ำสำหรับธนาคารพาณิชย์ ณ เดือนธันวาคม 2551 เงินฝากของธนาคารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 43% จากปี 2550 และมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์มากกว่า 27% ของเงินฝากรวม
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและตั๋วแลกเงินของ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A+" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิชุดเดิมของธนาคารที่ระดับ "A" ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของธนาคารที่ระดับ "A" ด้วย โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคงเป็น "Stable" หรือ "คงที่" อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถและประสบการณ์ของผู้บริหารในธุรกิจหลักคือสินเชื่อเช่าซื้อ รวมทั้งเครือข่ายธุรกิจที่ขยายตัวขึ้น และโครงสร้างธุรกิจที่เหมาะสมต่อการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การเกื้อหนุนทางธุรกิจในกลุ่มธนชาต อันดับเครดิตยังได้รับแรงหนุนจากสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์รายใหม่คือ Bank of Nova Scotia (BNS) จากประเทศแคนาดาซึ่งถือหุ้นธนาคารในสัดส่วน 48.99%
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่เอื้ออำนวยน้อยลง ตลอดจนความไม่แน่นอนของธุรกิจหลักทรัพย์ และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการขยายธุรกิจและการทำกำไรของกลุ่มธนชาต
ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนบทบาทของธนาคารในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านการเงินและธนาคารพาณิชย์ที่สำคัญของกลุ่มธนชาต โดยคาดว่าธนาคารจะยังคงสามารถรักษาตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักคือการให้สินเชื่อเช่าซื้อได้ต่อไปโดยยังคงความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์เอาไว้ได้ อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากความสามารถในการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและการผสานประโยชน์ภายในกลุ่มธนชาตคาดว่าจะช่วยบรรเทาภาระต้นทุนทางการเงินของธนาคารในการขยายเครือข่ายบริการในช่วงของการขยายธุรกิจลงได้
ณ เดือนธันวาคม 2551 ธนาคารมีมูลค่าสินเชื่อจากงบการเงินรวมจำนวนทั้งสิ้น 276,430 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จาก 228,986 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2550 สินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 21% หรือเท่ากับ 203,829 ล้านบาท จาก 167,956 ล้านบาท จากมูลค่าสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีสัดส่วน 74% ซึ่งอยู่ในระดับคงที่จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม2549 ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่จะคงความเป็นผู้นำในตลาดธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เมื่อพิจารณาจากงบการเงินรวม ธุรกิจหลักทั้ง 4 ประเภทของธนาคาร (สินเชื่อเช่าซื้อ ประกันชีวิต หลักทรัพย์ และบริหารสินทรัพย์) ช่วยให้ธนาคารสามารถกระจายฐานรายได้ได้อย่างเต็มที่ โดย ณ เดือนธันวาคม2551 ธนาคารมีฐานรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยคิดเป็นสัดส่วน 49% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 43% ณเดือนธันวาคม 2550 อันเป็นผลมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจประกันชีวิตเป็นส่วนใหญ่
ในส่วนของโครงสร้างเงินทุนนั้น ธนาคารสามารถบรรลุแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินด้วยเช่นกัน โดยสามารถขยายขนาดของเงินฝากออมทรัพย์ได้อย่างมีนัยสำคัญโดยมีฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยที่กระจายตัวมากขึ้น ซึ่งเงินฝากออมทรัพย์จัดเป็นแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพและต้นทุนต่ำสำหรับธนาคารพาณิชย์ ณ เดือนธันวาคม 2551 เงินฝากของธนาคารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 43% จากปี 2550 และมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์มากกว่า 27% ของเงินฝากรวม