ASTVผู้จัดการรายวัน - ในช่วงหน้าร้อน ถือได้ว่าธุรกิจประเภทเครื่องดื่ม กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการกอบโกยรายได้ที่ดีที่สุด เพราะสามารถช่วยคลายร้อน เพิ่มความสดชื่นในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี และหากเป็นเครื่องดื่มที่มีสมุนไพรไทย ที่ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายด้วยแล้ว อย่าง เฉาก๊วยที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เชื่อได้ว่าคงจะได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้เจ้าของแฟรนไชส์ “เฉาก๊วยธัญพืช” ปรับโฉมคีออสใหม่ พร้องลดราคาการลงทุนลง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ตกงานได้ลืมตาอ้าปากได้จากธุรกิจการขายเฉาก๊วยธัญพืช ต้อนรับหน้าร้อน
นายอรินทร์ ตรีช่อวิทยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจลลี่ เบิร์ด จำกัด เจ้าของแฟรนไชสเฉาก๊วยธัญพืช ที่ผสมลงในเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติทั้งชา, กาแฟ, นมเย็น และโกโก้ เปิดเผยเส้นทางกว่าจะมาเป็นธุรกิจเฉาก๊วยธัญพืช ว่า ตนเองเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนจากอาชีพวิศวกร แต่เมื่อเจอมรสุมวิกฤตเมื่อปี 2540 จำต้องออกจากงานประจำ และคิดมีธุรกิจเป็นของตนเอง เนื่องจากที่ผ่านมาตนเองได้มีโอกาสขายของเล็กๆ น้อย แล้วรู้สึกมีความสุข แต่ก็ยังไม่มีเป้าหมายว่าจะทำการค้าด้านใดดี จึงใช้ช่วงเวลาว่างของชีวิตอยู่วัดเพื่อศึกษาพระธรรม จนสุดท้ายได้กลายเป็นครูสอนสมาธิ ที่วัดธรรมมงคล ย่านสุขุมวิท 101 ได้ระยะหนึ่ง
จนกระทั่งปี 2544 คิดอยากผลิตเฉาก๊วยขึ้นเองจากความชอบส่วนตัวที่ชอบรับประทานเฉาก๊วยมาก แต่เมื่อไปรับประทานก็รู้สึกไม่ประทับใจในรสชาติเท่าที่ควร ประกอบกับในช่วงนั้นได้นำเฉาก๊วยใส่ลงไปในน้ำเต้าหู้เพื่อรับประทานคู่กัน ซึ่งรสชาติออกมาดี ส่วนผสมทั้ง 2 อย่างเข้ากันได้อย่างลงตัว จึงรับเฉาก๊วยมาขายในงานบ้านเลขที่ ซึ่งเป็นเฉาก๊วยใส่น้ำตาลธรรมดา ซึ่งก็ขายดีระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่พอใจนัก วันต่อมาจึงกับรูปแบบใหม่ ด้วยการนำธัญพืชมาโรยหน้า อย่าง ถั่วแดง ข้าวบาเลย์ และมันเชื่อม ปรากฏว่าสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 30,000 บาท/วัน เลยทีเดียว
“เมื่อกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเป็นผลสำเร็จ ผมจึงคิดสร้างแบรนด์ให้กับเฉาก๊วย เมื่อให้ลูกค้าจดจำได้ ด้วยการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินเพียง 5,000 บาท ที่ขอหยิบยืมมาจากอากง (คุณปู่) เพื่อมาตั้งตัวในการขายเฉาก๊วย ซึ่งในช่วงแรกเป็นการสั่งผลิตเฉาก๊วยเมื่อนำมาขาย พร้อมโรยธัญพืช ภายใต้แบรนด์ เจลลี่ เบิร์ด (Jelly Bird) ซึ่งกิจการเติบโตไปได้ด้วยดี มีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์ ทำให้ในช่วงนั้นสามารถขยายสาขาได้หลายร้อยราย แต่เมื่อกำลังการผลิตเริ่มเยอะขึ้น ทำให้ผู้ที่รับจ้างผลิตเฉาก๊วยไม่สามารถผลิตได้ทัน ทำให้ผมจำเป็นต้องผลิตเฉาก๊วยขึ้นเอง โดยใช้เวลาเรียนรู้ ลองผิดลองถูก ประมาณ 1 ปี ทดลองทำแล้วทิ้งไปกว่า 2 ตัน จนได้เฉาก๊วยที่มีความเหนียวนุ่มอย่างในปัจจุบัน แต่ก็ต้องแรกไปกับการขอเลิกสัญญาของแฟรนไชซีไปกว่า 100 ราย เช่นกัน”
สุดท้ายทำอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสูตรเฉาก๊วย, คีออส และจำนวนแฟรนไชส์ ทำให้ อรินทร์ ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ลุยธุรกิจแฟรนไชส์เฉาก๊วยธัญพืชอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ในปัจจุบันมีกำลังการผลิตเฉาก๊วยประมาณ 1 ตัน/วัน ทั้งการส่งขายให้กับแฟรนไชซี และบรรจุกล่องพร้อมรับประทานส่งขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป
เช่น ท็อปซูเปอร์มาร์เก็ต, วิลล่ามาร์เก็ต, จัสโก้ และเลมอนฟาร์ม เป็นต้น โดยมีแผนจะกระจายสินค้าไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง เพื่อทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น
สำหรับการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์เฉาก๊วยธัญพืช ถือได้ว่าเป็นแฟรนไชส์ตัวอย่างที่ ได้รับรองจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นแฟรนไชส ์ที่ผ่านการอบรมจากกรมฯ และมีมาตรฐานของประเทศไทยทำให้แฟรนไชซีมีความมั่นใจมากขึ้น โดยล่าสุดทางเฉาก๊วยธัญพืช ได้เข้าร่วมโครงการ Rainbow Project กับทางกรมฯ ในราคาแฟรนไชส์ราคาถูกเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ซึ่งนายอรินทร์ ตั้งเป้าขยายสาขาในปีนี้ (2552) ประมาณ 100 สาขา โดยตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 250 สาขา โดยเน้นทำเลที่เป็นร้านอาหาร ย่านชุมชน ซึ่งแฟรนไชส์ราคาถูกนี้ ทางเฉาก๊วยธัญพืช ต้องการให้คนว่างงาน หรือผู้ที่มีทำเล และต้องการหาอาชีพเสริม ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เหมาะกับเศรษฐกิจในยุคนี้ที่สุด เนื่องจากใช้เงินลงทุนที่ไม่สูงเกินไปนัก
สนใจติดต่อ 0-2719-5009, 08-9204-5824 หรือที่ www.jellybird.com
นายอรินทร์ ตรีช่อวิทยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจลลี่ เบิร์ด จำกัด เจ้าของแฟรนไชสเฉาก๊วยธัญพืช ที่ผสมลงในเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติทั้งชา, กาแฟ, นมเย็น และโกโก้ เปิดเผยเส้นทางกว่าจะมาเป็นธุรกิจเฉาก๊วยธัญพืช ว่า ตนเองเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนจากอาชีพวิศวกร แต่เมื่อเจอมรสุมวิกฤตเมื่อปี 2540 จำต้องออกจากงานประจำ และคิดมีธุรกิจเป็นของตนเอง เนื่องจากที่ผ่านมาตนเองได้มีโอกาสขายของเล็กๆ น้อย แล้วรู้สึกมีความสุข แต่ก็ยังไม่มีเป้าหมายว่าจะทำการค้าด้านใดดี จึงใช้ช่วงเวลาว่างของชีวิตอยู่วัดเพื่อศึกษาพระธรรม จนสุดท้ายได้กลายเป็นครูสอนสมาธิ ที่วัดธรรมมงคล ย่านสุขุมวิท 101 ได้ระยะหนึ่ง
จนกระทั่งปี 2544 คิดอยากผลิตเฉาก๊วยขึ้นเองจากความชอบส่วนตัวที่ชอบรับประทานเฉาก๊วยมาก แต่เมื่อไปรับประทานก็รู้สึกไม่ประทับใจในรสชาติเท่าที่ควร ประกอบกับในช่วงนั้นได้นำเฉาก๊วยใส่ลงไปในน้ำเต้าหู้เพื่อรับประทานคู่กัน ซึ่งรสชาติออกมาดี ส่วนผสมทั้ง 2 อย่างเข้ากันได้อย่างลงตัว จึงรับเฉาก๊วยมาขายในงานบ้านเลขที่ ซึ่งเป็นเฉาก๊วยใส่น้ำตาลธรรมดา ซึ่งก็ขายดีระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่พอใจนัก วันต่อมาจึงกับรูปแบบใหม่ ด้วยการนำธัญพืชมาโรยหน้า อย่าง ถั่วแดง ข้าวบาเลย์ และมันเชื่อม ปรากฏว่าสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 30,000 บาท/วัน เลยทีเดียว
“เมื่อกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเป็นผลสำเร็จ ผมจึงคิดสร้างแบรนด์ให้กับเฉาก๊วย เมื่อให้ลูกค้าจดจำได้ ด้วยการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินเพียง 5,000 บาท ที่ขอหยิบยืมมาจากอากง (คุณปู่) เพื่อมาตั้งตัวในการขายเฉาก๊วย ซึ่งในช่วงแรกเป็นการสั่งผลิตเฉาก๊วยเมื่อนำมาขาย พร้อมโรยธัญพืช ภายใต้แบรนด์ เจลลี่ เบิร์ด (Jelly Bird) ซึ่งกิจการเติบโตไปได้ด้วยดี มีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์ ทำให้ในช่วงนั้นสามารถขยายสาขาได้หลายร้อยราย แต่เมื่อกำลังการผลิตเริ่มเยอะขึ้น ทำให้ผู้ที่รับจ้างผลิตเฉาก๊วยไม่สามารถผลิตได้ทัน ทำให้ผมจำเป็นต้องผลิตเฉาก๊วยขึ้นเอง โดยใช้เวลาเรียนรู้ ลองผิดลองถูก ประมาณ 1 ปี ทดลองทำแล้วทิ้งไปกว่า 2 ตัน จนได้เฉาก๊วยที่มีความเหนียวนุ่มอย่างในปัจจุบัน แต่ก็ต้องแรกไปกับการขอเลิกสัญญาของแฟรนไชซีไปกว่า 100 ราย เช่นกัน”
สุดท้ายทำอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสูตรเฉาก๊วย, คีออส และจำนวนแฟรนไชส์ ทำให้ อรินทร์ ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ลุยธุรกิจแฟรนไชส์เฉาก๊วยธัญพืชอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ในปัจจุบันมีกำลังการผลิตเฉาก๊วยประมาณ 1 ตัน/วัน ทั้งการส่งขายให้กับแฟรนไชซี และบรรจุกล่องพร้อมรับประทานส่งขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป
เช่น ท็อปซูเปอร์มาร์เก็ต, วิลล่ามาร์เก็ต, จัสโก้ และเลมอนฟาร์ม เป็นต้น โดยมีแผนจะกระจายสินค้าไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง เพื่อทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น
สำหรับการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์เฉาก๊วยธัญพืช ถือได้ว่าเป็นแฟรนไชส์ตัวอย่างที่ ได้รับรองจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นแฟรนไชส ์ที่ผ่านการอบรมจากกรมฯ และมีมาตรฐานของประเทศไทยทำให้แฟรนไชซีมีความมั่นใจมากขึ้น โดยล่าสุดทางเฉาก๊วยธัญพืช ได้เข้าร่วมโครงการ Rainbow Project กับทางกรมฯ ในราคาแฟรนไชส์ราคาถูกเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ซึ่งนายอรินทร์ ตั้งเป้าขยายสาขาในปีนี้ (2552) ประมาณ 100 สาขา โดยตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 250 สาขา โดยเน้นทำเลที่เป็นร้านอาหาร ย่านชุมชน ซึ่งแฟรนไชส์ราคาถูกนี้ ทางเฉาก๊วยธัญพืช ต้องการให้คนว่างงาน หรือผู้ที่มีทำเล และต้องการหาอาชีพเสริม ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เหมาะกับเศรษฐกิจในยุคนี้ที่สุด เนื่องจากใช้เงินลงทุนที่ไม่สูงเกินไปนัก
สนใจติดต่อ 0-2719-5009, 08-9204-5824 หรือที่ www.jellybird.com