นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวว่าในวันที่ 16 มี.ค.ได้ทำหนังสือถึงพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อขอนัดวันประชุมในการกำหนดนโยบายการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ โดยจะเร่งให้มีการประชุม และสรุปมาตรการในการปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ เพื่อสามารถนำไปรณรงค์ให้ทันกับช่วงเทศกาลได้
“แม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของฝ่ายต่างๆที่จะเสนอความเห็นเกี่ยวกับมาตรการการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างไร ในส่วนของสธ. ก็คงสรุปตามแนวทางเดิม 2 แนวทางเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายฯเหมือนเดิม แต่ทั้งนี้ในส่วนของคณะกรรมการนโยบายฯจะมีความคิดเห็นอย่างไรนั้น จะตรงตามแนวทางที่สธ.เสนอหรือไม่ ถือเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการฯ แต่หากพิจารณานอกเหนือจากแนวทางที่สธ.เสนอ ก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องตอบคำถามของสังคมให้ได้ว่าเพราะเหตุผลใด”นายมานิตกล่าว
ด้านนพ.ทักษพล ธรรมรังสี แผนงานพัฒนาศักยภาพนักวิจัยด้านนโยบายแอลกอฮอล์ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่าสาเหตุที่ต้องห้ามการจำหน่ายตลอดทั้งวัน และทุกลักษณะการขาย เพราะจะเกิดการซื้อทดแทนขึ้น รวมทั้งเปลี่ยนสถานที่ซื้อ เวลาในการดื่ม ซึ่งจากการสำรวจชี้ชัดว่า มีนักดื่มเพียงร้อยละ 15.9 เท่านั้น ที่ตัดสินใจจะไม่ดื่มหากร้านที่ตั้งใจจะซื้อไม่เปิดขาย นักดื่มไทยร้อยละ 58.64 นิยมซื้อหาจากร้านขายของชำ และร้านโชวห่วยในชุมชน ประมาณ 1 ใน 5 ดื่มในสถานที่ที่จัดไว้โดยเฉพาะ เช่น ร้านอาหาร ผับ เธค คาราโอเกะ และเมื่อพิจารณาเฉพาะการหาซื้อสุรานอกเวลาที่อนุญาต ก็พบรูปแบบที่คล้ายกันคือร้อยละ 69.3 ซื้อได้จากร้านขายของชำ และร้อยละ 18 ซื้อได้จากร้านอาหาร ผับ เธค บาร์ คาราโอเกะ
ขณะที่พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ กล่าวว่า ถ้าพระขอได้ก็คงอยากออกมาตรการห้ามขายเลยทั้งช่วงเทศกาล โดยไม่มีขอยกเว้น แต่เข้าใจว่าจะมีธุรกิจที่บอกว่าได้รับผลกระทบ แต่ความเป็นจริงคนขายเหล้าผลิตเหล้าหลายคนก็ไม่ดื่มเพราะทราบว่าเป็นของไม่ดี เป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพคน แต่กลับอยากให้คนอื่นดื่ม จึงอยากให้ภาคธุรกิจคิดถึงชีวิตของผู้อื่นบ้าง
ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลนั้น มีการเดินทางจำนวนมาก เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุอยู่แล้ว หากยังสามารถดื่มได้ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงขึ้นเป็นหลายเท่า เชื่อว่าไม่ว่าอยู่ศาสนาใดก็คงไม่อยากเห็นคนต้องเจ็บ ตาย เพราะดื่มจนขาดสติ หากทราบว่าปกป้องได้ก็ควรช่วยกัน เหมือนเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน เปรียบได้เหมือนการช่วยคนตกจากน้ำ กำลังไฟไหม้บ้าน หรือการไถ่ชีวิตสัตว์โลกเหมือนที่นิยมทำบุญ แต่ครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และอีกไม่รู้กี่ครอบครัวที่ไม่ต้องสูญเสีย
“แม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของฝ่ายต่างๆที่จะเสนอความเห็นเกี่ยวกับมาตรการการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างไร ในส่วนของสธ. ก็คงสรุปตามแนวทางเดิม 2 แนวทางเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายฯเหมือนเดิม แต่ทั้งนี้ในส่วนของคณะกรรมการนโยบายฯจะมีความคิดเห็นอย่างไรนั้น จะตรงตามแนวทางที่สธ.เสนอหรือไม่ ถือเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการฯ แต่หากพิจารณานอกเหนือจากแนวทางที่สธ.เสนอ ก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องตอบคำถามของสังคมให้ได้ว่าเพราะเหตุผลใด”นายมานิตกล่าว
ด้านนพ.ทักษพล ธรรมรังสี แผนงานพัฒนาศักยภาพนักวิจัยด้านนโยบายแอลกอฮอล์ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่าสาเหตุที่ต้องห้ามการจำหน่ายตลอดทั้งวัน และทุกลักษณะการขาย เพราะจะเกิดการซื้อทดแทนขึ้น รวมทั้งเปลี่ยนสถานที่ซื้อ เวลาในการดื่ม ซึ่งจากการสำรวจชี้ชัดว่า มีนักดื่มเพียงร้อยละ 15.9 เท่านั้น ที่ตัดสินใจจะไม่ดื่มหากร้านที่ตั้งใจจะซื้อไม่เปิดขาย นักดื่มไทยร้อยละ 58.64 นิยมซื้อหาจากร้านขายของชำ และร้านโชวห่วยในชุมชน ประมาณ 1 ใน 5 ดื่มในสถานที่ที่จัดไว้โดยเฉพาะ เช่น ร้านอาหาร ผับ เธค คาราโอเกะ และเมื่อพิจารณาเฉพาะการหาซื้อสุรานอกเวลาที่อนุญาต ก็พบรูปแบบที่คล้ายกันคือร้อยละ 69.3 ซื้อได้จากร้านขายของชำ และร้อยละ 18 ซื้อได้จากร้านอาหาร ผับ เธค บาร์ คาราโอเกะ
ขณะที่พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ กล่าวว่า ถ้าพระขอได้ก็คงอยากออกมาตรการห้ามขายเลยทั้งช่วงเทศกาล โดยไม่มีขอยกเว้น แต่เข้าใจว่าจะมีธุรกิจที่บอกว่าได้รับผลกระทบ แต่ความเป็นจริงคนขายเหล้าผลิตเหล้าหลายคนก็ไม่ดื่มเพราะทราบว่าเป็นของไม่ดี เป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพคน แต่กลับอยากให้คนอื่นดื่ม จึงอยากให้ภาคธุรกิจคิดถึงชีวิตของผู้อื่นบ้าง
ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลนั้น มีการเดินทางจำนวนมาก เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุอยู่แล้ว หากยังสามารถดื่มได้ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงขึ้นเป็นหลายเท่า เชื่อว่าไม่ว่าอยู่ศาสนาใดก็คงไม่อยากเห็นคนต้องเจ็บ ตาย เพราะดื่มจนขาดสติ หากทราบว่าปกป้องได้ก็ควรช่วยกัน เหมือนเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน เปรียบได้เหมือนการช่วยคนตกจากน้ำ กำลังไฟไหม้บ้าน หรือการไถ่ชีวิตสัตว์โลกเหมือนที่นิยมทำบุญ แต่ครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และอีกไม่รู้กี่ครอบครัวที่ไม่ต้องสูญเสีย