ผลสำรวจชี้ห้ามขายเหล้าเฉพาะร้านชำ สะดวกซื้อ คนเปลี่ยนที่ซื้อไม่ช่วยแก้ปัญหา เผย “ฮู” แนะนำควบคุมเข้าถึงคุ้มค่า ช่วยลดเจ็บ ตาย รุนแรง อาชญากรรม ขณะที่ “พระมหาสมปอง” หนุนห้ามขายเหล้าสงกรานต์ เตือนรัฐบาล พ่อค้าเหล้า คิดถึงชีวิตคน เปรียบได้เป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ ด้านคณะกรรมการควบคุมฯ ส่งหนังสือถึงนายกฯ กำหนดวันประชุมให้ทันสงกรานต์
วันที่ 16 มีนาคม นพ.ทักษพล ธรรมรังสี แผนงานพัฒนาศักยภาพนักวิจัยด้านนโยบายแอลกอฮอล์ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องห้ามการจำหน่ายตลอดทั้งวันและทุกลักษณะการขาย เพราะจะเกิดการซื้อทดแทนขึ้น รวมทั้งเปลี่ยนสถานที่ซื้อ เวลาในการดื่ม จากการสำรวจชี้ชัดว่า มีนักดื่มเพียงร้อยละ 15.9 เท่านั้นที่ตัดสินใจจะไม่ดื่ม หากร้านที่ตั้งใจจะซื้อไม่เปิดขาย นักดื่มไทยร้อยละ 58.64 นิยมซื้อหาจากร้านขายของชำและร้านโชว์ห่วยในชุมชน ประมาณ 1 ใน 5 ดื่มในสถานที่ที่จัดไว้โดยเฉพาะ เช่น ร้านอาหาร ผับ เธค คาราโอเกะ และเมื่อพิจารณาเฉพาะการหาซื้อสุรานอกเวลาที่อนุญาต ก็พบรูปแบบที่คล้ายกันคือ ร้อยละ 69.3 ซื้อได้จากร้านขายของชำ และร้อยละ 18 ซื้อได้จากร้านอาหาร ผับ เธค บาร์ คาราโอเกะ
“มาตรการห้ามจำหน่ายควรมีระยะเวลาครอบคลุมทั้งวันเพื่อลดโอกาสในการหาช่องเวลาซื้อสุราเพิ่มเติม และควรมีความครอบคลุมไม่น้อยไปกว่าสามวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยหากว่ามีระยะเวลาสั้นกว่านั้น ประสิทธิผลของมาตรการจะลดลง และการอนุญาตกิจการบางประเภท เป็นการเปลี่ยนสถานที่ซื้อ ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้แนะนำว่า การควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นมาตรการที่คุ้มค่าช่วย ลดความรุนแรงของปัญหาอุบัติเหตุจราจร, การบาดเจ็บของผู้เดินถนน, การใช้ความรุนแรง และการก่ออาชญากรรม ลงได้ ” นพ.ทักษพล กล่าว
พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ กล่าวว่า ถ้าพระขอได้ก็คงอยากออกมาตรการห้ามขายเลยทั้งช่วงเทศกาลโดยไม่มีขอยกเว้น แต่เข้าใจว่าจะมีธุรกิจที่บอกว่าได้รับผลกระทบ แต่ความเป็นจริงคนขายเหล้าผลิตเหล้าหลายคนก็ไม่ดื่มเพราะทราบว่าเป็นของไม่ดี เป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพคน แต่กลับอยากให้คนอื่นดื่ม จึงอยากให้ภาคธุรกิจคิดถึงชีวิตของผู้อื่นบ้าง ช่วงเทศกาลนั้นมีการเดินทางจำนวนมาก เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุอยู่แล้ว หากยังสามารถดื่มได้ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงขึ้นเป็นหลายเท่า เชื่อว่าไม่ว่าอยู่ศาสนาใดก็คงไม่อยากเห็นคนต้องเจ็บ ตาย เพราะดื่มจนขาดสติ หากทราบว่าปกป้องได้ก็ควรช่วยกัน เหมือนเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน เปรียบได้เหมือนการช่วยคนตกจากน้ำ กำลังไฟไหม้บ้าน หรือการไถ่ชีวิตสัตว์โลกเหมือนที่นิยมทำบุญ แต่ครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และอีกไม่รู้กี่ครอบครัวที่ไม่ต้องสูญเสีย
“สงกรานต์เป็นช่วงเวลาของการละชั่วทำความดี ขอพรญาติผู้ใหญ่ ให้มีสติ มีกำลังใจต่อสู้ปัญหาต่างๆ การดื่มเหล้าทำให้ต้องเสียโอกาสเหล่านี้ไป อยากฝากไปถึงรัฐบาล ว่า ต้องมีความจริงใจ ทำอะไรให้ชัดเจน เด็ดขาด ตัดสินใจเพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และไม่ต้องเกรงใจใคร ซึ่งความเกรงใจนั้นเป็นสมบัติของผู้ดี แต่หากทำความดี ก็ไม่ต้องเกรงใจใคร การตัดสินใจครั้งนี้ จึงเป็นการช่วยเหลือคนทั้งประเทศ”พระมหาสมปอง กล่าว
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อให้กำหนดวันประชุมและสรุปแนวทางในการมาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเทศกาล ตามที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้ข้อสรุป 2 แนวทาง คือ การห้ามขายตั้งแต่วันที่ 12-14 เมษายนโดยไม่มีการยกเว้น และ ห้ามขายวันที่ 12-14 เมษายน ยกเว้นผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตประกอบการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม หรือใบอนุญาตประกอบกิจการสถานบริการ ให้ขายได้หลังเวลา 18.00-24.00 น. ซึ่งอย่างช้าที่สุดคณะกรรมการนโยบายฯ จะต้องประชุมสัปดาห์แรกของเดือนเมษายนให้สามารถประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาซึ่งจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ เพื่อบังคับใช้ได้ทันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2552 นี้
วันที่ 16 มีนาคม นพ.ทักษพล ธรรมรังสี แผนงานพัฒนาศักยภาพนักวิจัยด้านนโยบายแอลกอฮอล์ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องห้ามการจำหน่ายตลอดทั้งวันและทุกลักษณะการขาย เพราะจะเกิดการซื้อทดแทนขึ้น รวมทั้งเปลี่ยนสถานที่ซื้อ เวลาในการดื่ม จากการสำรวจชี้ชัดว่า มีนักดื่มเพียงร้อยละ 15.9 เท่านั้นที่ตัดสินใจจะไม่ดื่ม หากร้านที่ตั้งใจจะซื้อไม่เปิดขาย นักดื่มไทยร้อยละ 58.64 นิยมซื้อหาจากร้านขายของชำและร้านโชว์ห่วยในชุมชน ประมาณ 1 ใน 5 ดื่มในสถานที่ที่จัดไว้โดยเฉพาะ เช่น ร้านอาหาร ผับ เธค คาราโอเกะ และเมื่อพิจารณาเฉพาะการหาซื้อสุรานอกเวลาที่อนุญาต ก็พบรูปแบบที่คล้ายกันคือ ร้อยละ 69.3 ซื้อได้จากร้านขายของชำ และร้อยละ 18 ซื้อได้จากร้านอาหาร ผับ เธค บาร์ คาราโอเกะ
“มาตรการห้ามจำหน่ายควรมีระยะเวลาครอบคลุมทั้งวันเพื่อลดโอกาสในการหาช่องเวลาซื้อสุราเพิ่มเติม และควรมีความครอบคลุมไม่น้อยไปกว่าสามวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยหากว่ามีระยะเวลาสั้นกว่านั้น ประสิทธิผลของมาตรการจะลดลง และการอนุญาตกิจการบางประเภท เป็นการเปลี่ยนสถานที่ซื้อ ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้แนะนำว่า การควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นมาตรการที่คุ้มค่าช่วย ลดความรุนแรงของปัญหาอุบัติเหตุจราจร, การบาดเจ็บของผู้เดินถนน, การใช้ความรุนแรง และการก่ออาชญากรรม ลงได้ ” นพ.ทักษพล กล่าว
พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ กล่าวว่า ถ้าพระขอได้ก็คงอยากออกมาตรการห้ามขายเลยทั้งช่วงเทศกาลโดยไม่มีขอยกเว้น แต่เข้าใจว่าจะมีธุรกิจที่บอกว่าได้รับผลกระทบ แต่ความเป็นจริงคนขายเหล้าผลิตเหล้าหลายคนก็ไม่ดื่มเพราะทราบว่าเป็นของไม่ดี เป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพคน แต่กลับอยากให้คนอื่นดื่ม จึงอยากให้ภาคธุรกิจคิดถึงชีวิตของผู้อื่นบ้าง ช่วงเทศกาลนั้นมีการเดินทางจำนวนมาก เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุอยู่แล้ว หากยังสามารถดื่มได้ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงขึ้นเป็นหลายเท่า เชื่อว่าไม่ว่าอยู่ศาสนาใดก็คงไม่อยากเห็นคนต้องเจ็บ ตาย เพราะดื่มจนขาดสติ หากทราบว่าปกป้องได้ก็ควรช่วยกัน เหมือนเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน เปรียบได้เหมือนการช่วยคนตกจากน้ำ กำลังไฟไหม้บ้าน หรือการไถ่ชีวิตสัตว์โลกเหมือนที่นิยมทำบุญ แต่ครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และอีกไม่รู้กี่ครอบครัวที่ไม่ต้องสูญเสีย
“สงกรานต์เป็นช่วงเวลาของการละชั่วทำความดี ขอพรญาติผู้ใหญ่ ให้มีสติ มีกำลังใจต่อสู้ปัญหาต่างๆ การดื่มเหล้าทำให้ต้องเสียโอกาสเหล่านี้ไป อยากฝากไปถึงรัฐบาล ว่า ต้องมีความจริงใจ ทำอะไรให้ชัดเจน เด็ดขาด ตัดสินใจเพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และไม่ต้องเกรงใจใคร ซึ่งความเกรงใจนั้นเป็นสมบัติของผู้ดี แต่หากทำความดี ก็ไม่ต้องเกรงใจใคร การตัดสินใจครั้งนี้ จึงเป็นการช่วยเหลือคนทั้งประเทศ”พระมหาสมปอง กล่าว
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อให้กำหนดวันประชุมและสรุปแนวทางในการมาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเทศกาล ตามที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้ข้อสรุป 2 แนวทาง คือ การห้ามขายตั้งแต่วันที่ 12-14 เมษายนโดยไม่มีการยกเว้น และ ห้ามขายวันที่ 12-14 เมษายน ยกเว้นผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตประกอบการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม หรือใบอนุญาตประกอบกิจการสถานบริการ ให้ขายได้หลังเวลา 18.00-24.00 น. ซึ่งอย่างช้าที่สุดคณะกรรมการนโยบายฯ จะต้องประชุมสัปดาห์แรกของเดือนเมษายนให้สามารถประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาซึ่งจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ เพื่อบังคับใช้ได้ทันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2552 นี้