ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ประสานเสียงเอ็นพีแอลขึ้นต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจป่วยส่งผลลูกค้าขายของได้น้อย ไม่มีเงินชำระหนี้ ระบุสมาคมธนาคารไทยเตรียมเดินหน้าเข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ด้าน"ทหารไทย"ยันให้ความช่วยเหลือลูกค้ามาตลอด พร้อมปรับการผ่อนชำระหนี้ให้สอดคล้องกับธุรกิจของลุกค้าอยู่แล้ว พร้อมจับตาปัญหาเศรษฐกิจต่อเนื่อง หวั่นทรุดยาว กระทบลูกค้าแรงขึ้น
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) หรืออัตราการค้างชำระหนี้ที่เกินกว่า 90 วัน ของธนาคารมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นกระจายในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ส่งผลต่อยอดขายของลูกค้าและมีผลต่อมายังความสามารถในการชำระหนี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางสมาคมธนาคารไทยได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลแล้ว และได้มีจุดมุ่งหมายที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาให้สามารถผ่อนพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปให้ได้ โดยจะต้องได้รับความร่วมมือทั้งจากผู้ประกอบการและธนาคาร
"เอ็นพีแอลตอนนี้มีแต่ขึ้นแล้วก็ขึ้น เป็นเพราะเศรษฐกิจป่วย ใครที่ปรับตัวได้ก็ปรับ ใครปรับตัวไม่ได้ก็จะเป็นส่วนที่ทำให้เอ็นพีแอลขึ้น แต่เอ็นพีแอลที่ขึ้นนี้ไม่ใช่เป็นเพราะผู้ประกอบการบริหารงานไม่ดี
แต่เป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ความต้องการมีน้อย ขายของได้น้อยลงก็ไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ ดังนั้นทางแบงก์กับผู้ประกอบการต้องช่วยกันประคับประคองให้ผ่านวิกฤตไปให้ได้"
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสินเชื่อโครงการขนาดใหญ่ ที่ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยกู้ร่วม (ซินดิเคทโลน) ธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมปล่อยกู้ได้มีการหารือกันใกล้ชิดร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือ หากกรณีลูกค้าเกิดปัญหา ทั้งนี้ การเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าได้เร็ว ก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอล ส่วนเรื่องเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดเพดานให้ธนาคารปล่อยกู้ให้กับลูกค้ารายกลุ่มรวมกันไม่เกิน 25 % ของทุนจดทะเบียน ขณะนี้มีลูกค้าบางกลุ่มเริ่มใช้เงินกู้เต็มเพดาน ทำให้ธนาคารต้องยื่นของอนุญาตธปท.เพื่อขออนุมัติปล่อยกู้เพิ่ม อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเมื่อยื่นเรื่องของปล่อยกู้เพิ่ม ก็จะได้รับอนุมัติจากธปท.
"ตอนนี้เริ่มมีบริษัทขนาดใหญ่ที่เคยใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างประเทศ ได้เริ่มกลับมาใช้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์บ้าง ส่วนยอดสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในช่วง 2 เดือนแรก มีอัตราการเติบโตที่ติดลบ ขณะที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย ยังคงมีอัตราการเติบโต เนื่องจากได้สินเชื่อภาครัฐเข้ามาช่วย ขณะที่ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ และสินเชื่อภาคเอกชนมีอัตราน้อยมาก ขณะเดียวกันก็ยังมียอดชำระคืนเข้ามาจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน"
ด้านนายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB กล่าวว่า แนวโน้มของเอ็นพีแอลในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจตกต่ำนั้น เชื่อว่าคงจะมีเพิ่มขึ้นทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ และจะเป็นทุกกลุ่มลูกค้า เนื่องจากสภาพคล่องทางการเงินของลูกค้าในบางรายมีการชะลอตัวลง ส่งผลให้กำลังในการผ่อนชำระหนี้ลดลงตาม ดังนั้น สิ่งที่ทั้งระบบต้องเผชิญคือจำนวนเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นและหนี้ที่มีคุณภาพจะลดลง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนของเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นทั้งระบบ
ทั้งนี้ ในส่วนของธนาคารทหารไทยเองก็ยอมรับว่าจำนวนเอ็นพีแอลมีอัตราเพิ่มขึ้นบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่มากนักเนื่องจากปี 2551 ที่ผ่านมาการขยายตัวสินเชื่อของธนาคารหดตัวถึง 9% หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 45,000 ล้านบาท จึงส่งผลให้การขยายตัวสินเชื่อของธนาคารในช่วง 2-3 เดือนแรกของปี 2552 เพิ่มขึ้นไม่มาก และจากปัจจัยดังกล่าวทำให้จำนวนเอ็นพีแอลของธนาคารเพิ่มขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับระบบ
แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็ได้มีการช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นเอ็นพีแอลมาโดยตลอด ซึ่งธนาคารจะปรับเปลี่ยนการผ่อนชำระหนี้ให้สอดคล้องกับธุรกิจของลูกค้า ประกอบกับมีการยืดระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ออกไปสำหรับลูกค้าที่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินที่แท้จริง แต่ประเด็นที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความสำคัญนอกจากเรื่องของสภาพคล่องทางการเงินของลูกค้าแล้ว จะต้องดูว่าถ้าเหตุการณ์หรือปัญหาทางเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นปัญหาที่จะตามาคือการขาดทุนจากการทำธุรกิจที่คาดว่าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น.
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) หรืออัตราการค้างชำระหนี้ที่เกินกว่า 90 วัน ของธนาคารมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นกระจายในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ส่งผลต่อยอดขายของลูกค้าและมีผลต่อมายังความสามารถในการชำระหนี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางสมาคมธนาคารไทยได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลแล้ว และได้มีจุดมุ่งหมายที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาให้สามารถผ่อนพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปให้ได้ โดยจะต้องได้รับความร่วมมือทั้งจากผู้ประกอบการและธนาคาร
"เอ็นพีแอลตอนนี้มีแต่ขึ้นแล้วก็ขึ้น เป็นเพราะเศรษฐกิจป่วย ใครที่ปรับตัวได้ก็ปรับ ใครปรับตัวไม่ได้ก็จะเป็นส่วนที่ทำให้เอ็นพีแอลขึ้น แต่เอ็นพีแอลที่ขึ้นนี้ไม่ใช่เป็นเพราะผู้ประกอบการบริหารงานไม่ดี
แต่เป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ความต้องการมีน้อย ขายของได้น้อยลงก็ไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ ดังนั้นทางแบงก์กับผู้ประกอบการต้องช่วยกันประคับประคองให้ผ่านวิกฤตไปให้ได้"
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสินเชื่อโครงการขนาดใหญ่ ที่ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยกู้ร่วม (ซินดิเคทโลน) ธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมปล่อยกู้ได้มีการหารือกันใกล้ชิดร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือ หากกรณีลูกค้าเกิดปัญหา ทั้งนี้ การเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าได้เร็ว ก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอล ส่วนเรื่องเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดเพดานให้ธนาคารปล่อยกู้ให้กับลูกค้ารายกลุ่มรวมกันไม่เกิน 25 % ของทุนจดทะเบียน ขณะนี้มีลูกค้าบางกลุ่มเริ่มใช้เงินกู้เต็มเพดาน ทำให้ธนาคารต้องยื่นของอนุญาตธปท.เพื่อขออนุมัติปล่อยกู้เพิ่ม อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเมื่อยื่นเรื่องของปล่อยกู้เพิ่ม ก็จะได้รับอนุมัติจากธปท.
"ตอนนี้เริ่มมีบริษัทขนาดใหญ่ที่เคยใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างประเทศ ได้เริ่มกลับมาใช้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์บ้าง ส่วนยอดสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในช่วง 2 เดือนแรก มีอัตราการเติบโตที่ติดลบ ขณะที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย ยังคงมีอัตราการเติบโต เนื่องจากได้สินเชื่อภาครัฐเข้ามาช่วย ขณะที่ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ และสินเชื่อภาคเอกชนมีอัตราน้อยมาก ขณะเดียวกันก็ยังมียอดชำระคืนเข้ามาจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน"
ด้านนายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB กล่าวว่า แนวโน้มของเอ็นพีแอลในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจตกต่ำนั้น เชื่อว่าคงจะมีเพิ่มขึ้นทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ และจะเป็นทุกกลุ่มลูกค้า เนื่องจากสภาพคล่องทางการเงินของลูกค้าในบางรายมีการชะลอตัวลง ส่งผลให้กำลังในการผ่อนชำระหนี้ลดลงตาม ดังนั้น สิ่งที่ทั้งระบบต้องเผชิญคือจำนวนเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นและหนี้ที่มีคุณภาพจะลดลง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนของเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นทั้งระบบ
ทั้งนี้ ในส่วนของธนาคารทหารไทยเองก็ยอมรับว่าจำนวนเอ็นพีแอลมีอัตราเพิ่มขึ้นบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่มากนักเนื่องจากปี 2551 ที่ผ่านมาการขยายตัวสินเชื่อของธนาคารหดตัวถึง 9% หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 45,000 ล้านบาท จึงส่งผลให้การขยายตัวสินเชื่อของธนาคารในช่วง 2-3 เดือนแรกของปี 2552 เพิ่มขึ้นไม่มาก และจากปัจจัยดังกล่าวทำให้จำนวนเอ็นพีแอลของธนาคารเพิ่มขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับระบบ
แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็ได้มีการช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นเอ็นพีแอลมาโดยตลอด ซึ่งธนาคารจะปรับเปลี่ยนการผ่อนชำระหนี้ให้สอดคล้องกับธุรกิจของลูกค้า ประกอบกับมีการยืดระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ออกไปสำหรับลูกค้าที่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินที่แท้จริง แต่ประเด็นที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความสำคัญนอกจากเรื่องของสภาพคล่องทางการเงินของลูกค้าแล้ว จะต้องดูว่าถ้าเหตุการณ์หรือปัญหาทางเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นปัญหาที่จะตามาคือการขาดทุนจากการทำธุรกิจที่คาดว่าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น.
