รอยเตอร์ – มาร์ค โมเบียส ผู้จัดการกองทุนประสบการณ์สูงซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ คาดการณ์ว่าราคาหุ้นในตลาดเกิดใหม่จะปรับตัวสูงขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ในปี 2009 เขาชี้ด้วยว่าการมองอนาคตในแง่ร้ายสุด ๆ ของนักลงทุนเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ได้เวลาเข้าช้อนซื้อหุ้นเพื่อหวังกำไรในอนาคตแล้ว
“อันตรายที่พวกเราเผชิญอยู่ในขณะนี้คือการมองโลกในแง่ร้ายเกินไป” โมเบียส ประธานกรรมการบริหารของ เท็มเปิลตัน แอสเส็ท แมนเนจเมนท์ ในเมืองซาน แมทีโอ ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของ แฟรงคลิน เทมเปิลตัน อินเวสต์เมนท์ ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ทางโทรศัพท์เมื่อวันพุธ(11)ที่ผ่านมา
โมเบียสกล่าวว่า ในทัศนะของเขา ราคาหุ้นในขณะนี้ลดลงไปถึงระดับต่ำสุดแล้ว จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการถือเงินสดไว้ในมือมากเกินไปเพื่อรอให้ราคาหุ้นตกต่ำลงไปอีก เพราะอาจสูญเสียโอกาสในการทำกำไรให้แก่ลูกค้าก็เป็นได้
กองทุนของโมเบียสลงทุนในตลาดหุ้นเศรษฐกิจเกิดใหม่เป็นมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์ จากยอดเงินกองทุนทั้งหมด 377,000 ล้านดอลลาร์
ต่อข้อถามว่าสิ้นปีนี้ราคาหุ้นในตลาดเกิดใหม่จะสูงขึ้นไปถึงระดับใด เขากล่าวว่า การปรับตัวสูงขึ้นไป 20 เปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย และเขามีความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งว่า ขณะนี้ราคาหุ้นก็เริ่มจะปรับตัวสูงขึ้นบ้างแล้ว
ปี 2008 ที่ผ่านมา ดัชนี MSCI สำหรับตลาดหุ้นเศรษฐกิจเกิดใหม่ ดิ่งลง 54.48 เปอร์เซ็นต์ และในปีนี้ดัชนีตัวเดียวกันลดต่ำลงไปแล้ว 9.46 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็อยู่ในระดับสูงกว่าจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปีเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วถึงกว่า 15 เปอร์เซ็นต์
ปีนี้ มูลค่ากองทุน เท็มเปิลตัน ดีเวลล็อปปิ้ง มาร์เก็ต ทรัสต์ กองทุนจดทะเบียนในสหรัฐฯภายใต้การบริหารของโมเบียส ลดต่ำลง 11.44 เปอร์เซ็นต์ หลังจากเมื่อปี 2008 มูลค่าลดต่ำลงถึงกว่า 57.77 เปอร์เซ็นต์
โมเบียสกล่าวว่า กระแสเงินสดในพอร์ตของเขาแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 0-7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเขากล่าวว่าอยู่ในภาวะปกติ ไม่ถือว่าเป็นการถือเงินสดในมือมากเกินไป โดยในช่วงวิกฤตการณ์ในภูมิภาคเอเชียระหว่างปี 1997-1998 ระดับเงินสดในพอร์ตเคยพุ่งขึ้นสูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์
ต่อข้อถามว่า ใน 12 เดือนข้างหน้านี้มีช่วงเวลาใดที่เหมาะที่สุดในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุน โมเบียสกล่าวว่า ขณะนี้แม้ว่าตลาดจะยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ดูเหมือนว่าราคาหุ้นจะดิ่งลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว
“ผมว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการเข้าช้อนซื้อ การมองโลกในแง่ร้ายสุด ๆ ที่ปรากฏให้เห็นทุกแห่งหนในขณะนี้ คือสัญญาณที่บ่งชี้ชัดเจนว่าเรามาถึงจุดต่ำสุดแล้ว” โมเบียสกล่าว และเสริมว่าจุดที่นักลงทุนทั่วโลกต่างมองอนาคตในแง่ร้ายเหมือนกันหมด คือจังหวะเหมาะในการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะตลาดหุ้นจะนำหน้าเศรษฐกิจจริงประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี
โมเบียสเป็นผู้บริหารกองทุนที่มีชื่อเสียงจากสไตล์การเดินทางไปทั่วโลกเพื่อเก็บข้อมูลความเป็นจริงด้วยตัวเองในตลาดหุ้นที่เขาเข้าไปลงทุน เขากล่าวถึงการเดินทางเยือนละตินอเมริกาเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า บริษัทธุรกิจส่วนใหญ่กำลังเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย แต่ในความเป็นจริงคำสั่งซื้อยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่องและหลายบริษัทก็ไม่ได้ชะลอหรือระงับแผนการลงทุนที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
“สภาพความเป็นจริงในตลาดเท่าที่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง ทุกอย่างยังคงดำเนินไปด้วยดี แต่ค่อนข้างเชื่องช้า ส่วนในแง่ของการลงทุนนั้นราคาหุ้นถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีการปรับลดผลตอบแทนลงมาค่อนข้างมากแล้วก็ตาม” โมเบียสกล่าว
เขามองว่าละตินอเมริกาและเอเชีย เป็นสองภูมิภาคที่น่าลงทุนมากที่สุดโดยเฉพาะตลาดจีนและบราซิล ขณะที่อียิปต์และตุรกีก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเช่นเดียวกัน
โมเบียสแสดงความเชื่อมั่นว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน จะทำให้เศรษฐกิจมีอัตราขยายตัวได้ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน และการฟื้นตัวของจีนจะช่วยดึงให้เศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียฟื้นตัวตามไปด้วย ขณะที่บราซิลมีความน่าสนใจที่ความหลากหลายทางเศรษฐกิจและการบริโภคของชาวบราซิลก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
“อันตรายที่พวกเราเผชิญอยู่ในขณะนี้คือการมองโลกในแง่ร้ายเกินไป” โมเบียส ประธานกรรมการบริหารของ เท็มเปิลตัน แอสเส็ท แมนเนจเมนท์ ในเมืองซาน แมทีโอ ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของ แฟรงคลิน เทมเปิลตัน อินเวสต์เมนท์ ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ทางโทรศัพท์เมื่อวันพุธ(11)ที่ผ่านมา
โมเบียสกล่าวว่า ในทัศนะของเขา ราคาหุ้นในขณะนี้ลดลงไปถึงระดับต่ำสุดแล้ว จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการถือเงินสดไว้ในมือมากเกินไปเพื่อรอให้ราคาหุ้นตกต่ำลงไปอีก เพราะอาจสูญเสียโอกาสในการทำกำไรให้แก่ลูกค้าก็เป็นได้
กองทุนของโมเบียสลงทุนในตลาดหุ้นเศรษฐกิจเกิดใหม่เป็นมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์ จากยอดเงินกองทุนทั้งหมด 377,000 ล้านดอลลาร์
ต่อข้อถามว่าสิ้นปีนี้ราคาหุ้นในตลาดเกิดใหม่จะสูงขึ้นไปถึงระดับใด เขากล่าวว่า การปรับตัวสูงขึ้นไป 20 เปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย และเขามีความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งว่า ขณะนี้ราคาหุ้นก็เริ่มจะปรับตัวสูงขึ้นบ้างแล้ว
ปี 2008 ที่ผ่านมา ดัชนี MSCI สำหรับตลาดหุ้นเศรษฐกิจเกิดใหม่ ดิ่งลง 54.48 เปอร์เซ็นต์ และในปีนี้ดัชนีตัวเดียวกันลดต่ำลงไปแล้ว 9.46 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็อยู่ในระดับสูงกว่าจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปีเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วถึงกว่า 15 เปอร์เซ็นต์
ปีนี้ มูลค่ากองทุน เท็มเปิลตัน ดีเวลล็อปปิ้ง มาร์เก็ต ทรัสต์ กองทุนจดทะเบียนในสหรัฐฯภายใต้การบริหารของโมเบียส ลดต่ำลง 11.44 เปอร์เซ็นต์ หลังจากเมื่อปี 2008 มูลค่าลดต่ำลงถึงกว่า 57.77 เปอร์เซ็นต์
โมเบียสกล่าวว่า กระแสเงินสดในพอร์ตของเขาแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 0-7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเขากล่าวว่าอยู่ในภาวะปกติ ไม่ถือว่าเป็นการถือเงินสดในมือมากเกินไป โดยในช่วงวิกฤตการณ์ในภูมิภาคเอเชียระหว่างปี 1997-1998 ระดับเงินสดในพอร์ตเคยพุ่งขึ้นสูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์
ต่อข้อถามว่า ใน 12 เดือนข้างหน้านี้มีช่วงเวลาใดที่เหมาะที่สุดในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุน โมเบียสกล่าวว่า ขณะนี้แม้ว่าตลาดจะยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ดูเหมือนว่าราคาหุ้นจะดิ่งลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว
“ผมว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการเข้าช้อนซื้อ การมองโลกในแง่ร้ายสุด ๆ ที่ปรากฏให้เห็นทุกแห่งหนในขณะนี้ คือสัญญาณที่บ่งชี้ชัดเจนว่าเรามาถึงจุดต่ำสุดแล้ว” โมเบียสกล่าว และเสริมว่าจุดที่นักลงทุนทั่วโลกต่างมองอนาคตในแง่ร้ายเหมือนกันหมด คือจังหวะเหมาะในการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะตลาดหุ้นจะนำหน้าเศรษฐกิจจริงประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี
โมเบียสเป็นผู้บริหารกองทุนที่มีชื่อเสียงจากสไตล์การเดินทางไปทั่วโลกเพื่อเก็บข้อมูลความเป็นจริงด้วยตัวเองในตลาดหุ้นที่เขาเข้าไปลงทุน เขากล่าวถึงการเดินทางเยือนละตินอเมริกาเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า บริษัทธุรกิจส่วนใหญ่กำลังเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย แต่ในความเป็นจริงคำสั่งซื้อยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่องและหลายบริษัทก็ไม่ได้ชะลอหรือระงับแผนการลงทุนที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
“สภาพความเป็นจริงในตลาดเท่าที่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง ทุกอย่างยังคงดำเนินไปด้วยดี แต่ค่อนข้างเชื่องช้า ส่วนในแง่ของการลงทุนนั้นราคาหุ้นถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีการปรับลดผลตอบแทนลงมาค่อนข้างมากแล้วก็ตาม” โมเบียสกล่าว
เขามองว่าละตินอเมริกาและเอเชีย เป็นสองภูมิภาคที่น่าลงทุนมากที่สุดโดยเฉพาะตลาดจีนและบราซิล ขณะที่อียิปต์และตุรกีก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเช่นเดียวกัน
โมเบียสแสดงความเชื่อมั่นว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน จะทำให้เศรษฐกิจมีอัตราขยายตัวได้ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน และการฟื้นตัวของจีนจะช่วยดึงให้เศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียฟื้นตัวตามไปด้วย ขณะที่บราซิลมีความน่าสนใจที่ความหลากหลายทางเศรษฐกิจและการบริโภคของชาวบราซิลก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
