บลจ. มองตลาดหุ้นโลก ยังต้องติดตามต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯส่งสัญญาณที่ดีออกมาก็ตาม ขณะที่ด้านเอเชียนั้นยังมีความน่าลงทุน ผู้บริหารเชื่อ ตลาดหุ้นได้เวลาดีดขึ้นแล้วหลังตกลงไปนาน
นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิรมล ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอสซีบี ควอนท์ จำกัดมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นโลกในขณะนี้ว่า แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะสะท้อนสัญญาณทางเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีออกมา แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่เร็วเกินไปหากจะบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกลับมาฟื้นตัวเป็นปกติ ซึ่งเป็นเพียงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ย้ายเงินลงทุนจากตราสารหนี้ไปลงทุนในหุ้นมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของประเทศเกิดใหม่นั้น นักลงทุนมีการย้ายเงินลงทุนจากตราสารหนี้ และทองคำไปลงทุนในหุ้นกันมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจต่อเนื่องไปอีก ประมาณ 1-2 ไตรมาส ว่าตัวเลขผลประกอบการของสถาบันการเงินต่างๆในสหรัฐฯจะออกมาเป็นอย่างไร รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
ขณะที่ภูมิภาคเอเชียนั้น จะเห็นได้ว่าสถาบันการเงินนั้นไม่ได้รับผลกระทบเหมือนกับสหรัฐฯ รวมทั้งวิกฤตที่เกิดขึ้นนั้นภูมิภาคเอเชียได้รับผลกระทบน้อยมาก เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียจะสามารถฟื้นตัวก่อนภูมิภาคอื่นๆ อีกทั้งประเทศเกิดใหม่อย่างจีนและอินเดียนั้นได้รับผลกระทบไม่มากและยังสามารถมีเศรษฐกิจที่เติบโตต่อไปได้
ดังนั้นหากนักลงทุนจะเข้าลงทุนในส่วนของภูมิภาคเอเชียในตอนนี้ถือว่ามีความน่าลงทุนเพราะราคาหุ้นถูกมากประกอบกับแนวโน้มที่มองกันว่าตลาดหุ้นโลกจะไม่ปรับตัวลงไปมากกว่านี้และถึงเวลาแล้วที่หุ้นจะปรับตัวขึ้นมา
นายบุญชัย เกียติธนาวิทย์ บลจ. ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ตลาดของประเทศเกิดใหม่นั้นได้รับผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินไม่มากนัก ขณะเดียวกันตลาดหุ้นของประเทศใหม่นั้นมีสภาพคล่องค่อนข้างมากทำให้จึงมีการมองว่าตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามกาคาดการณืว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นมานั้นเป็นเพียงความคาดหวัง ซึ่งต้องคอยติดตามตัวเลขผลประกอบการของบริษัทต่างๆรวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจด้วยว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศที่เริ่มส่งสัญญาญที่ดีขึ้นมานั้น ทางบริษัทได้เตรียมที่จะออกกองทุนเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศอีก ส่วนกองทุนที่ลงทุนอยู่แล้วก็ได้มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเข้าไปอีก ขณะที่ในส่วนของหุ้นไทยนั้นทางบริษัทได้มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเข้าไปตามสถานการณ์ด้วยเช่นกัน
ทางด้าน มาร์ค โมเบียส ผู้จัดการกองทุนและประธานบริษัท เทมเพิลตัน แอสเส็ท แมเนจเมนท์ คาดว่าหุ้นในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะปรับตัวขึ้นอย่างคึกคักและจะเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงและเงินเฟ้อที่คลี่คลายลง ส่งผลให้หุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้นในสายตาของนักลงทุน ขณะที่กลุ่มนักเก็งกำไรอาจฉวยโอกาสเข้าซื้อตอนหุ้นร่วง
โดยโมเบียส กล่าวว่า ตอนนี้ตลาดอยู่ในช่วงการสร้างฐานเพื่อที่จะดีดตัวเข้าสู่ภาวะกระทิงต่อไป ซึ่งคาดว่าระยะเวลาการสร้างฐานดังกล่าวอาจจะดำเนินไปจนถึงสิ้นปีนี้ แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงในระยะสั้นอื่นๆ อาจจะเป็นปัจจัยที่สกัดช่วงขาขึ้นบ้างก็ตาม
ขณะเดียวกันการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลต่างๆตั้งแต่สหรัฐไปจนถึงจีนทำให้นายเบน เบอร์นานเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐชี้ว่า ตลาดหุ้นบางแห่งได้ส่งสัญญาณของการฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว โดยตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการผลิตในสหรัฐก็มีส่วนช่วยสนับสนุนมุมมองที่เป็นบวกที่ว่า ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดของภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจจะสิ้นสุดลงแล้ว
นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิรมล ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอสซีบี ควอนท์ จำกัดมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นโลกในขณะนี้ว่า แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะสะท้อนสัญญาณทางเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีออกมา แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่เร็วเกินไปหากจะบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกลับมาฟื้นตัวเป็นปกติ ซึ่งเป็นเพียงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ย้ายเงินลงทุนจากตราสารหนี้ไปลงทุนในหุ้นมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของประเทศเกิดใหม่นั้น นักลงทุนมีการย้ายเงินลงทุนจากตราสารหนี้ และทองคำไปลงทุนในหุ้นกันมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจต่อเนื่องไปอีก ประมาณ 1-2 ไตรมาส ว่าตัวเลขผลประกอบการของสถาบันการเงินต่างๆในสหรัฐฯจะออกมาเป็นอย่างไร รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
ขณะที่ภูมิภาคเอเชียนั้น จะเห็นได้ว่าสถาบันการเงินนั้นไม่ได้รับผลกระทบเหมือนกับสหรัฐฯ รวมทั้งวิกฤตที่เกิดขึ้นนั้นภูมิภาคเอเชียได้รับผลกระทบน้อยมาก เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียจะสามารถฟื้นตัวก่อนภูมิภาคอื่นๆ อีกทั้งประเทศเกิดใหม่อย่างจีนและอินเดียนั้นได้รับผลกระทบไม่มากและยังสามารถมีเศรษฐกิจที่เติบโตต่อไปได้
ดังนั้นหากนักลงทุนจะเข้าลงทุนในส่วนของภูมิภาคเอเชียในตอนนี้ถือว่ามีความน่าลงทุนเพราะราคาหุ้นถูกมากประกอบกับแนวโน้มที่มองกันว่าตลาดหุ้นโลกจะไม่ปรับตัวลงไปมากกว่านี้และถึงเวลาแล้วที่หุ้นจะปรับตัวขึ้นมา
นายบุญชัย เกียติธนาวิทย์ บลจ. ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ตลาดของประเทศเกิดใหม่นั้นได้รับผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินไม่มากนัก ขณะเดียวกันตลาดหุ้นของประเทศใหม่นั้นมีสภาพคล่องค่อนข้างมากทำให้จึงมีการมองว่าตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามกาคาดการณืว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นมานั้นเป็นเพียงความคาดหวัง ซึ่งต้องคอยติดตามตัวเลขผลประกอบการของบริษัทต่างๆรวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจด้วยว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศที่เริ่มส่งสัญญาญที่ดีขึ้นมานั้น ทางบริษัทได้เตรียมที่จะออกกองทุนเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศอีก ส่วนกองทุนที่ลงทุนอยู่แล้วก็ได้มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเข้าไปอีก ขณะที่ในส่วนของหุ้นไทยนั้นทางบริษัทได้มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเข้าไปตามสถานการณ์ด้วยเช่นกัน
ทางด้าน มาร์ค โมเบียส ผู้จัดการกองทุนและประธานบริษัท เทมเพิลตัน แอสเส็ท แมเนจเมนท์ คาดว่าหุ้นในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะปรับตัวขึ้นอย่างคึกคักและจะเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงและเงินเฟ้อที่คลี่คลายลง ส่งผลให้หุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้นในสายตาของนักลงทุน ขณะที่กลุ่มนักเก็งกำไรอาจฉวยโอกาสเข้าซื้อตอนหุ้นร่วง
โดยโมเบียส กล่าวว่า ตอนนี้ตลาดอยู่ในช่วงการสร้างฐานเพื่อที่จะดีดตัวเข้าสู่ภาวะกระทิงต่อไป ซึ่งคาดว่าระยะเวลาการสร้างฐานดังกล่าวอาจจะดำเนินไปจนถึงสิ้นปีนี้ แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงในระยะสั้นอื่นๆ อาจจะเป็นปัจจัยที่สกัดช่วงขาขึ้นบ้างก็ตาม
ขณะเดียวกันการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลต่างๆตั้งแต่สหรัฐไปจนถึงจีนทำให้นายเบน เบอร์นานเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐชี้ว่า ตลาดหุ้นบางแห่งได้ส่งสัญญาณของการฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว โดยตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการผลิตในสหรัฐก็มีส่วนช่วยสนับสนุนมุมมองที่เป็นบวกที่ว่า ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดของภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจจะสิ้นสุดลงแล้ว