xs
xsm
sm
md
lg

ตั้ง7คณะสอบเข้มกบข.เจ๊ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ป.ป.ท. ตั้งคณะทำงานร่วม 7 ฝ่าย สอบเข้ม กบข. หาข้อเท็จจริงกรณีบริหารเงินข้าราชการขาดทุน 7.4 หมื่นล้าน ล่าสุด ผลตรวจสอบเบื้องต้น พบบางรายการ เข้าข่ายการลงทุนที่มีความเสี่ยง ด้าน "กรณ์" ระบุ พร้อมให้ความยุติธรรม ขณะที่ "วิสิฐ" แถลงย้ำ สูญเงินทั้งปี 51 เพียง 4.2 พันล้าน ไม่ใช่ 7.4 หมื่นล้าน ส่วนเรื่องร้องเรียนของสมาชิก อาจเข้าใจผิดจากใบแจ้งยอดที่ติดลบ เหตุไม่ได้แยกเงินต้น-ผลประโชชน์ชัดเจน

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานตรวจสอบการตัดสินใจบริหารสินทรัพย์และการลงทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ว่า ขณะนี้ ป.ป.ท.ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.ใน จ.พิษณุโลกกว่า 300 ราย เพื่อให้ป.ป.ท.ตรวจสอบการบริหารเงินกองทุนจนส่งผลให้ข้าราชการเสียประโยชน์จากเงินกองทุนติดลบ โดยสมาชิกหลายรายต้องการลาออกจากความเป็นสมาชิกกบข. และต้องการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
ขณะเดียวกัน นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ กบข. ได้โทรศัพท์เข้ามาเพื่อชี้แจงว่า การปฏิบัติงานของ กบข.ถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง และเป็นการพยายามรักษาผลประโยชน์ให้กับข้าราชการอย่างถึงที่สุดแล้ว ท่ามกลางรู้สึกคลางแคลงใจของข้าราชการจำนวนมาก ป.ป.ท.จึงจำเป็นต้องทำหนังสือถึงเลขาธิการ กบข. เพื่อขอตรวจสอบการบริหารงานและการตัดสินใจนำสินทรัพย์ของกบข.ไปลงทุน โดยการตรวจสอบจะกระทำผ่านคณะทำงานร่วม 7 ฝ่าย ประกอบด้วย คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วิทยาลัยตลาดทุน กระทรวงการคลัง สำนักงานอัยการสูงสุด นักวิชาการอิสระที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการลงทุน และป.ป.ท. เข้ามาช่วยกันค้นหาความจริงอย่างตรงไปตรงมา
"แม้เลขาธิการ กบข.จะออกมาระบุว่า ผลประกอบการลงทุนเป็นการขาดทุนกำไรแค่ 5 % ตามภาวะถดถอยของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกก็จริง แต่กฎหมายกำหนดให้ลงทุนภายใต้ดุลยพินิจว่าจะต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เลขาฯกบข.จะต้องตอบสังคมให้ได้"นายธาริต กล่าว
อย่างไรก็ตาม ป.ปท.จะแถลงข้อมูลที่ได้รับจากการตรวจสอบเบื้องต้น ในวันที่ 13 มี.ค. เวลา 10.00 น.
นายธาริต ยังกล่าวถึงกรณีที่เลขาธิการกบข.ชี้แจงว่าขาดทุนเพียง 4,000 ล้านบาท ไม่ถึง 74,000 ล้านบาท ว่า ป.ป.ท.ได้รับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเงินกองทุนกบข.ติดลบ จากการร้องเรียนของข้าราชการ ส่วนผลขาดทุนรวมที่แน่ชัดจะเป็นเท่าไรนั้น จะได้ทราบความจริงภายหลังการตรวจสอบของคณะทำงานร่วม 7 ฝ่าย
รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของ ป.ป.ท.พบว่า การตัดสินใจลงทุนของกบข.ในปี 2551 พบว่า การลงทุนบางรายการน่าจะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องการร้องเรียนเรื่องผลตอบแทนของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนั้น กบข.ก็ต้องทำความเข้าใจกับสมาชิก แต่เท่าที่ทราบผลการลงทุนของกบข.ในช่วงที่ผ่านมานั้นก็มีกำไรที่ดี แต่ปีที่ผ่านมาก็เห็นว่าตลาดหุ้นทั่วโลกตกต่ำมาก ดังนั้นการลงทุนโดยส่วนใหญ่ก็จะตกต่ำด้วย
“อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังก็คงต้องเรียกมาหารือว่าเหตุผลเป็นอย่างไรทำไมถึงขาดุทนมากนัก ซึ่งหากสามารถชี้แจงได้ว่าการลงทุนดำเนินการไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนด และสามารถอธิบายได้ว่าเป็นไปตามสมควรหรือไม่ เราก็พร้อมที่จะให้ความยุติธรรม” นายกรณ์กล่าว

**"วิสิฐ"แจงแค่ขาดทุนกำไร4พันล้าน**
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. ชี้แจงถึงกรณีที่มีสมาชิกมีประเด็นสอบถามเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ กบข. ซึ่งได้ปรากฏรายงานไปในใบแจ้งยอดเงินสมาชิกในปี 2551 ที่ผลตอบแทนลงทุนติดลบ 5.12% ว่า เป็นผลที่เกิดขึ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลกที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 80 ปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก โดยในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา สินทรัพย์ของกบข. ลดลงไปประมาณ 4,216.18 ล้านบาท ไม่ใช่ 7.4 หมื่นล้านบาทอย่างที่สมาชิกร้องเรียนไป ซึ่งผลขาดทุนดังกล่าว ก็เป็นผลขาดทุนจากกำไรสะสมที่เป็นผลประโยชน์สุทธิให้กับสมาชิก ไม่ใช่ขาดทุนจากเงินต้นแต่อย่างใด
ส่วนนโยบายการลงทุนของกบข.เอง ก็ได้คงนโยบายการลงทุนตามกรอบพระราชบัญญัติ กบข. และกฎกระทรวง ที่กำหนดมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2540 ถึงปัจจุบัน โดยตามกฏหมาย กำหนดให้ กบข.สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำได้ไม่น้อยกว่า 60% ของพอร์ต และลงทุนในตลาดหุ้นได้ไม่เกิน 30% แต่ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของ กบข. ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงถึง 77.89% ส่วนการลงทุนในหุ้นมีอยู่ 12% ซึ่งเป็นการลงทุนในหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนทางเลือกด้วย
"ผลขาดทุนที่เกิดขึ้น เป็นผลขาดทุนจากกำไรสะสม ซึ่งเป็นผลประโยชน์สุทธิที่จ่ายให้แก่สมาชิก ส่วนเงินต้นนั้น ยังอยู่ครบ โดยในส่วนผลประโยชน์สุทธินั้น จะแยกออกจากบัญชีเงินต้นของสมาชิก ไม่สามารถนำออกไปได้ จนกว่าจะเกษียณอายุ ซึ่งจากการส่งใบแสดงยอดเงินให้กับสมาชิกล่าสุด อาจจะเกิดความสับสนที่เห็นตัวเลขติดลบ เพราะจำนวนเงินดังกล่าว ไม่มีการแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากนี้ กบข.อาจจะทำการปรับเปลี่ยนใบแจ้งยอดดังกล่าว เพื่อให้สมาชิกเข้าใจง่ายขึ้น"นายวิสิฐกล่าว
นายวิสิฐกล่าวว่า ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนจะขาดทุนไปบ้าง แต่สำหรับผลตอบแทนลงทุนจากเงินสมาชิกที่สะสมตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา จะได้รับอยู่ในอัตรา 124% ทั้งนี้ ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนอยู่ที่ 7.04% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยซึ่งอยู่ที่ 3.26% ซึ่งยังสอดคล้องกับเป้าหมายการออมเงินระยะยาวเพื่อการเกษียณของสมาชิก กบข. ทุกคน
ส่วนกรณีที่สมาชิกร้องเรียนถึงผลการดำเนินงานที่ติดลบจำนวน 7.4 หมื่นล้านบาทของ กบข. นั้น นายวิสิฐ ชี้แจงว่า เป็นตัวเลขที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากไม่ได้นำเงินสำรองมาคำนวนรวมอยู่ด้วย จึงทำให้ผลการดำเนินงานออกมาติดลบเป็นจำนวน 7.4 หมื่นล้านบาทดังกล่าว
"เราเองพร้อมที่จะให้ ป.ป.ท. เข้ามาตรวจสอบอยู่แล้วว่า ผลขาดทุน 7.4 หมื่นล้านบาท ตามที่สมาชิกร้องเรียน"นายวิสิฐกล่าว
ส่วนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการจ่ายโบนัสของพนักงาน กบข.นั้น ได้มีการแบ่งจ่ายโบนัสแบ่งออกเป็น 2 ส่วนก็คือ จ่ายให้กับพนักงานที่ปฏิบัติภารกิจได้ตามเป้าหมายประมาณ 2 เดือนเศษ แต่ว่าโบนัสที่อิงกับบริหารผลตอบแทนนั้น ยืนยันว่า ปีนี้ไม่มีการจ่ายให้แต่อย่างใด
นายวิสิฐกล่าวว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ กบข. มีกำไร โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของกบข.เอง ก็ออกมาเป็นบวก อย่างไรก็ตาม ทั้งปีนี้ ผลตอบแทนของกบข. คงยังไม่เห็นการติดลบ 5% อีก หากสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น