การรถไฟฯ เล่นบทโหด แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในแนวเขตก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดงย้ายด่วนภายใน 30 วันรับงานเร่งก่อสร้างตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ชุมชนประมาณ 3,000 ครัวเรือน ขอเจรจายืดเวลารื้อถอน คาดไม่จบง่าย
นายภาณุวัฒน์ เชิญชู ทนายความผู้รับมอบอำนาจ บริษัทสำนักงานกฎหมายสหการ จำกัด ได้ทำหนังสือแจ้งให้ประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอบางกรวย ซึ่งอยู่ในแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงย้ายออกจากพื้นที่โดยด่วน โดยให้เหตุผลว่า ขณะนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย จะต้องทำการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ตามนโนบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล
รวมทั้งความจำเป็นในการบริหารจัดการในงบลงทุนและบริหารจัดการด้านวิศวกรรมก่อสร้าง จึงต้องเริ่มลงมือก่อสร้างในทุกจุดโดยเร่งด่วนและพร้อมกันตลอดเส้นทาง ตามแผนการดำเนินการต้องเริ่มลงมือประมาณ 1 มี.ค.นี้เป็นต้นไป หากดำเนินการล่าช้าจากแผนงานจะเกิดความเสียหายต่อโครงการในอัตราวันละไม่น้อยกว่า 8 ล้านบาท
การก่อสร้างโครงการนี้ฯ จะต้องดำเนินการผ่านบนที่ดินของการรถไฟฯ ซึ่งมีประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์โดยไม่มีสิทธิและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หนังสือแจ้งเตือนจากบริษัทสำนักงานกฎหมายฯ ผู้รับมอบอำนาจจากการรถไฟฯ นี้ ได้แจ้งให้ประชาชนในเขตพื้นที่ก่อสร้างขนย้ายทรัพย์สินและบริวารรวมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ พร้อมทั้งส่งมอบที่ดินดังกล่าวให้แก่การรถไฟฯ ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับหนังสือซึ่งลงวันที่ 26 ก.พ. 52 หากเพิกเฉยจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายบุญช่วย ประกอบทรัพย์ เครือข่ายชุมริมทางรถไฟสายใต้-ตะวันตก หนึ่งในเครือข่ายสลัมสี่ภาค เปิดเผยว่า ชุมชนที่อยู่ในแนวก่อสร้างรถไฟสายสีแดงที่ตนเองดูแลอยู่มี 5 ชุมชน คือ ชุมชนบางกรวย ชุมชนวัดเพลง ชุมชนสะพานดำ ชุมชนตลิ่งชัน และชุมชนชัยพฤกษ์ 1, 2 มีอยู่ประมาณ 3,000 ครอบครัว ที่จะได้รับผลกระทบ เวลานี้ชุมชนพูดคุยกันว่าจะขอยืดเวลาการรื้อถอนออกไปก่อน แต่จะใช้เวลานานแค่ไหนไม่รู้ เพราะบางคนก็ไม่มีที่อยู่ ความจริงแล้วชุมชนทั้ง 5 เป็น 5 ใน 61 ชุมชนทั่วประเทศที่ขึ้นทะเบียนกับการรถไฟฯ ที่มีข้อตกลงกันว่า หากจะมีการรื้อถอนชุมชนออกไปการรถไฟฯ จะต้องมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่เอาหมายแจ้งเตือนให้ย้ายด่วนแบบนี้ ชาวบ้านไม่ได้คัดค้านโครงการแต่ก็คงไม่ยอมรื้อถอนออกไปง่ายๆ จะให้ทันภายใน 30 วันคงเป็นไปไม่ได้
นายภาณุวัฒน์ เชิญชู ทนายความผู้รับมอบอำนาจ บริษัทสำนักงานกฎหมายสหการ จำกัด ได้ทำหนังสือแจ้งให้ประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอบางกรวย ซึ่งอยู่ในแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงย้ายออกจากพื้นที่โดยด่วน โดยให้เหตุผลว่า ขณะนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย จะต้องทำการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ตามนโนบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล
รวมทั้งความจำเป็นในการบริหารจัดการในงบลงทุนและบริหารจัดการด้านวิศวกรรมก่อสร้าง จึงต้องเริ่มลงมือก่อสร้างในทุกจุดโดยเร่งด่วนและพร้อมกันตลอดเส้นทาง ตามแผนการดำเนินการต้องเริ่มลงมือประมาณ 1 มี.ค.นี้เป็นต้นไป หากดำเนินการล่าช้าจากแผนงานจะเกิดความเสียหายต่อโครงการในอัตราวันละไม่น้อยกว่า 8 ล้านบาท
การก่อสร้างโครงการนี้ฯ จะต้องดำเนินการผ่านบนที่ดินของการรถไฟฯ ซึ่งมีประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์โดยไม่มีสิทธิและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หนังสือแจ้งเตือนจากบริษัทสำนักงานกฎหมายฯ ผู้รับมอบอำนาจจากการรถไฟฯ นี้ ได้แจ้งให้ประชาชนในเขตพื้นที่ก่อสร้างขนย้ายทรัพย์สินและบริวารรวมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ พร้อมทั้งส่งมอบที่ดินดังกล่าวให้แก่การรถไฟฯ ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับหนังสือซึ่งลงวันที่ 26 ก.พ. 52 หากเพิกเฉยจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายบุญช่วย ประกอบทรัพย์ เครือข่ายชุมริมทางรถไฟสายใต้-ตะวันตก หนึ่งในเครือข่ายสลัมสี่ภาค เปิดเผยว่า ชุมชนที่อยู่ในแนวก่อสร้างรถไฟสายสีแดงที่ตนเองดูแลอยู่มี 5 ชุมชน คือ ชุมชนบางกรวย ชุมชนวัดเพลง ชุมชนสะพานดำ ชุมชนตลิ่งชัน และชุมชนชัยพฤกษ์ 1, 2 มีอยู่ประมาณ 3,000 ครอบครัว ที่จะได้รับผลกระทบ เวลานี้ชุมชนพูดคุยกันว่าจะขอยืดเวลาการรื้อถอนออกไปก่อน แต่จะใช้เวลานานแค่ไหนไม่รู้ เพราะบางคนก็ไม่มีที่อยู่ ความจริงแล้วชุมชนทั้ง 5 เป็น 5 ใน 61 ชุมชนทั่วประเทศที่ขึ้นทะเบียนกับการรถไฟฯ ที่มีข้อตกลงกันว่า หากจะมีการรื้อถอนชุมชนออกไปการรถไฟฯ จะต้องมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่เอาหมายแจ้งเตือนให้ย้ายด่วนแบบนี้ ชาวบ้านไม่ได้คัดค้านโครงการแต่ก็คงไม่ยอมรื้อถอนออกไปง่ายๆ จะให้ทันภายใน 30 วันคงเป็นไปไม่ได้