xs
xsm
sm
md
lg

ไทยรุกต่างประเทศเริ่มสร้างผลงาน

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

นสพ.ผู้จัดการได้ไปสัมภาษณ์เอกอัครราชทูตอังกฤษเกี่ยวกับการประชุมเพื่อความมั่นคงที่จะมีขึ้นที่กรุงลอนดอน โดยเห็นว่านายกรัฐมนตรีไทยจะเดินทางไปร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษเองก็ต้องการทราบถึงผลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนว่าคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน และในการประชุมที่ลอนดอน ทางไทยก็จะนำผลที่ได้รับจากการประชุมนี้มาให้กลุ่มอาเซียนได้รับทราบต่อไป

สิ่งแรกที่เห็นว่าน่าจะมีความสำคัญทั้งต่ออาเซียนและยุโรปได้แก่ การที่เราได้ต่อต้านการกีดกันทางการค้าซึ่งเป็นไฮไลต์ในที่ประชุมอาเซียน รวมทั้งอาเซียนได้เรียกร้องให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจกัน เพราะเศรษฐกิจโลกอยู่ในขาลงโดยรวม ซึ่งน่าจะแก้ไขได้หากร่วมมือกัน

ทูตอังกฤษเห็นว่า นายกฯ ไทยคงจะเยือนอังกฤษตั้งแต่ 13 มีนาคม ศกนี้ โดยทางอังกฤษจะจัดเลี้ยงต้อนรับที่พระราชวังบักกิงแฮม และเจ้าชายแอนดรู ทรงรับเป็นเจ้าภาพ และอังกฤษได้เชิญนักธุรกิจพ่อค้าใหญ่ๆ มาร่วมงาน เช่น พวกบริษัทที่ลงทุนอยู่ในไทย ซึ่งมีปริมาณเม็ดเงินสูงถึง 5 พันล้านเหรียญอย่างเทสโก้ฯ ที่ขยายสาขาไปในไทยถึง 500 สาขาแล้ว และจ้างงานเป็นพนักงานไทยถึง 36,000 คน

นายอภิสิทธิ์ ต้องการให้นักธุรกิจต่างประเทศเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้น เพราะว่าเราขยายตัวในภาคเศรษฐกิจและในด้านธุรกิจไทยเปิดกว้างมาก ตลาดใหญ่ของเราก็อยู่ที่ยุโรป

ทุกวันนี้เศรษฐกิจโลกใช่ว่าจะต่างคนต่างแก้ได้อีกต่อไป เนื่องจากผลกระทบที่เกิดในประเทศใหญ่ เช่น อเมริกาหรือในยุโรปจะกระเทือนไปทั่วโลก

ดังนั้น จึงคิดกันว่าการแก้ไขควรมีรูปแบบเป็นโมเดลของโลกขึ้นมาเพื่อเป็นไกด์ไลน์หรือเป็นแนวทางที่ทุกประเทศควรยึดถือไว้ก่อน ส่วนการปรับใช้นั้นก็แล้วแต่ว่าความคล่องตัว และลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละประเทศต่อไป

การที่จะมีรูปแบบและทิศทางแก้ปัญหาเดียวกันจะช่วยให้โลกฟื้นตัวได้พร้อมๆ กัน ตลาดโลกก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น

อีกประเด็นหนึ่งที่เราสนใจก็คือเรื่องทักษิณ มีความเป็นไปได้ว่าทักษิณอาจฉวยโอกาสเปลี่ยนสัญชาติ เช่น ไปเป็นอังกฤษ และเราอยากรู้ว่าทางอังกฤษจะทบทวนเรื่องวีซ่าของทักษิณหรือไม่

ทูตเองบอกว่าเรื่องสัญชาติหรืออะไรต่างๆ เป็นเพียงข่าวลือ

ซึ่งผมเองก็เห็นว่าข่าวลือเหล่านี้ออกมา “ตัดหน้า” หรือ “ดักคอ” ทักษิณไว้ก่อน

ส่วนเรื่องนายใจ อึ๊งภากรณ์ ที่หนีคดี “หมิ่นสถาบัน” ไปต่อต้านสถาบันอยู่ที่อังกฤษนั้น รมต.ต่างประเทศนายกษิต ภิรมย์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าหากอ่านถ้อยแถลงดูใจความที่นายใจนำเสนอแล้ว เห็นว่านายใจอยากให้ไทยเป็นสาธารณรัฐ

ทูตและนายกษิตเห็นด้วยว่า หากมีการใช้อังกฤษเป็นเวทีในการเคลื่อนไหว ปฏิบัติการที่ไม่เหมาะสมต่อประเทศไทย เช่น โฆษณาต่อต้านสถาบันเบื้องสูงเช่นนี้ ก็อยากให้รัฐบาลอังกฤษพิจารณาดู

แม้เรื่องนี้จะถือว่านายใจไปอยู่ในความดูแลของอังกฤษก็ตามแต่ก็อยากให้อังกฤษช่วยดูด้วย เพราะอาจกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยที่อาจลุกลามคิดว่าอังกฤษปล่อยให้มีการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ไปด้วย หรือมีการสนับสนุนกัน

ปัญหาเรื่องนี้ละเอียดอ่อนนะครับ

ประเด็นตกค้างก็คือการได้ตัวทักษิณมาลงโทษเป็นเรื่องที่ทางไทยต้องการ

ทักษิณมักใช้ฮ่องกงเป็นแหล่งพำนักเคลื่อนไหว พบปะพรรคพวก นัดพบ ส.ส.หรือใช้การโฟนอินเข้ามา ไทยกับฮ่องกงกำลังร่างและจะทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนเข้ามา

ไทยบอกกับฮ่องกงว่าการทำสัญญานี้ หาใช่ว่าจะนำมาเพื่อใช้กับทักษิณแค่คนเดียว และไม่ใช่กลั่นแกล้งกันเพราะทักษิณถูกตัดสินโดยคำพิพากษาของไทยไปแล้ว และทักษิณเองก็มีทนายความดูแลอยู่

แต่การที่คาดหวังจะได้ตัวทักษิณกลับมานั้นยากหากทำไปตามระบบ

เว้นแต่รัฐบาลเด็ดขาดเอาจริงและจัดตั้งกลุ่มทำงานขึ้นล่าตัวโดยเฉพาะจัดงบประมาณ และมีรางวัลล่อใจให้มีเงินเดิมพันสูง คนก็อาจร่วมมือได้ง่าย

ครับ... ความสัมพันธ์ของไทยกับอังกฤษก็ดี การใช้ความพยายามสานสัมพันธ์กับต่างประเทศ รัฐบาลนี้ก็ก้าวหน้า และค่อยมีผลงานเป็นรูปธรรม แม้ว่ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าจะมีความสำเร็จมากแค่ไหน

แต่ก็ชนะใจหลายคน ที่เห็นว่ามีความพยายามจากฝ่ายรัฐบาลมากแล้วละครับ

การเมืองไทยหาใช่เป็นเรื่องทักษิณ แต่แท้จริงเป็นเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น