ASTVผู้จัดการรายวัน- แกรมมี่กางแผนตลาดลุยเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมเต็มสูบ เทงบ 10% ของ 500 ล้านบาทในการลงทุน สร้างการรับรู้ เผยแฟนชาแนล หลังเปิดตัวมา 5 เดือน คนดูกว่า 2.3 ล้านคน กลางปีเปิดแน่ช่อง เบิร์ด ชาแนล ครบ 5 ช่อง ที่วาดไว้ มั่นใจคอนเทนต์เยี่ยมเสนอเรตราคาโฆษณาที่ 4,000 บาทต่อนาที คุ้มทุนแน่ใน 2 ปี ชี้คอนซูเมอร์โปรดักส์เบนเข็มโฆษณาผ่านเคเบิลทีวีมากสุด ทั้งปีคาดเม็ดเงินโฆษณาเคเบิลทีวีรวมเฉียด 5,000 ล้านบาท
นายสุระชาติ ตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจจีเอ็มเอ็ม บรอดแคสติ้ง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หน่วยธุรกิจดังกล่าวเปิดตัวเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อดูแลกลุ่มธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ภายใต้แบรนด์หลัก จีเอ็มเอ็มแชแนล
บริษัทได้เตรียมงบการตลาดไว้กว่า 10% ของงบการลงทุนเคเบิลทีวี 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในปีนี้ กล่าวคือ ในเฟสที่ 1(ต.ค.51-เม.ย.52) จะเป็นรูปแบบB2B ร่วมกับผู้ประกอบเคเบิลทีวี, จานดาวเทียมระบบ C Band (PSI) และจานดาวเทียมระบบ KU Band (DTV) ส่วนเฟส2 (เม.ย.-ธ.ค.52) จะเป็นรูปแบบB2C ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่และพันธมิตรต่างๆ การจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ และการทำไดเร็ค มาร์เก็ตติ้ง เช่น อีเมลไปยังกลุ่มเป้าหมาย ให้รับรู้ว่าจะสามารถรับชมชาแนลของทางแกรมมี่ได้ทางได้บ้าง
ปัจจุบันยังมีจำนวนผู้ชมที่รับชมฟรีทีวีผ่านเสาก้างปลาอยู่ประมาณ 12 ล้านครัวเรือน ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่บริษัทจะพยายามเข้าถึงให้มากที่สุด จึงได้ร่วมกับจานดาวเทียม PSI และ DTV ในการดึงผู้ชมกลุ่มนี้ให้หันมาติดตั้งจานดาวเทียมมากขึ้น คาดว่าใน 3-5 ปีนี้ เสาอากาศก้างปลาน่าจะหมดไป และทางบริษัทก็จะได้ผู้ชมที่อยู่ในกรุงเทพด้วย เพราะส่วนใหญ่ฐานช่องกรีน ชาแนล และแบง ชาแนล จะเป็นคนกรุงเทพ
ทั้งนี้จากช่องที่ออกอากาศไปแล้ว คือ แฟนชาแนล ตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่ผ่านมา จากผลสำรวจของทางเอจีบี นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช พบว่า ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา แฟนทีวีอยู่ในอันดับหนึ่งของกลุ่มช่องเคเบิลทีวีที่เป็นรายการเพลง และเป็นอันดับสองของช่องเคเบิลทั้งหมด โดยอันดับหนึ่งคือ ASTV1 News และยังพบอีกว่าจำนวนครัวเรือนที่รับชมแฟนทีวีมีถึง 2.3 ล้านคน ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทตั้งเป้าผู้ชม 8 ล้านคน หรือ 2 ล้านคนต่อช่อง จากทั้งหมด 4 ช่อง คือ แฟนทีวี, แบง ชาแนล, กรีน ชาแนล และแอค ชาแนล ที่จะเปิดในเดือนเม.ย.ที่จะถึงนี้ โดยช่องเบิร์ด ชาแนล เตรียมที่จะเปิดในเดือนก.ค.ต่อไป ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีจำนวนผู้ชมที่ 16 ล้านคน หรือประมาณ 3.2ล้านคนต่อช่อง
จากการที่บริษัทมั่นใจว่าเรามีคอนเท้นท์ที่แข็งแรง และมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน จึงได้นำเสนอราคาโฆษณาที่ 4,000 บาทต่อนาทีให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นราคาในระดับพรีเมี่ยม ขณะที่ตามช่องอื่นๆจะอยู่ที่ 1,200-1,300 บาทต่อนาที แต่เมื่อเทียบกับฟรีทีวีถือว่าถูกกว่าถึง 100 เท่า จึงมั่นใจว่าลูกค้าจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี เพราะบริษัทมีการบริหารจัดการในการคิดหากลยุทธ์การทำโฆษณาบนเคเบิลทีวีมากกว่าการโฆษณาเพียง 1 นาที ไม่ว่าจะเป็นการทำอีเว้นท์ควบคู่กันไปให้กับลูกค้า มั่นใจว่าจากในปีแรกที่สามารถขายโฆษณาได้ประมาณ 40% ของพื้นที่การโฆษณาทั้งหมด ในปีหน้าน่าจะทำได้ที่80%ต่อไป จากปัจจุบันบริษัท มีลูกค้าหลักที่ร่วมเป็นสปอนเซอร์รายการ ประมาณ 15 ราย เช่น เอไอเอส, เป็บซี่, ไอพอท, เทสโก้โลตัส และ ดัชมิลล์ ซึ่งจากการสังเกต พบว่า กลุ่มสินค้าประเภทคอนซูเมอร์โปรดักส์ เป็นกลุ่มที่หันมาใช้สื่อเคเบิลทีวีมากที่สุด
อย่างไรก็ตามธุรกิจเคเบิลทีวี จะมีรายได้จาก 3 ช่องทางหลัก คือ โฆษณา 60% ดิจิตอล/สื่อมีเดีย เช่น การดาวน์โหลด 30% และอื่นๆ เช่น กิจกรรมต่างๆ อีก10% เชื่อภายในปี 2553 จากการลงทุน 500 ล้านบาทในการทำเคเบิลทีวี จะถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งนอกจาก 5 ช่องที่วางแผนจะเปิดนั้น หากสถานการณ์เอื้ออำนวย ทางบริษัทก็พร้อมที่จะเปิดช่องเพิ่ม โดยจะต้องดูความเหมาะสม และหาทาร์เก็ตที่ชัดเจน รวมถึงการรุกตลาดต่างประเทศ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่บริษัทกำลังศึกษาอยู่เช่นกัน เนื่องจากการยิงสัญญาณดาวเทียมของช่องเคเบิลทีวีของแกรมมี่ทั้งหมด ครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากคนไทยหรือผู้ชมในประเทศต่างๆเหล่านี้ มีจานซี แบนด์ หรือเคยูแบนด์ก็จะสามารถรับชมทั้ง 5 ช่องของแกรมมี่ได้เช่นกัน
นายสุระชาติ กล่าวต่อว่า หากมองในภาพรวมรายได้โฆษณาบนฟรีทีวีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท เชื่อว่าในปีนี้ น่าจะมาอยู่บนเคเบิลทีวีที่ 10% หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยทางจีเอ็มเอ็ม หวังเพียง 10% ใน 5,000 ล้านนี้ เชื่อว่าน่าจะมีโอกาสทำได้
นายสุระชาติ ตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการ หน่วยธุรกิจจีเอ็มเอ็ม บรอดแคสติ้ง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หน่วยธุรกิจดังกล่าวเปิดตัวเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อดูแลกลุ่มธุรกิจเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ภายใต้แบรนด์หลัก จีเอ็มเอ็มแชแนล
บริษัทได้เตรียมงบการตลาดไว้กว่า 10% ของงบการลงทุนเคเบิลทีวี 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในปีนี้ กล่าวคือ ในเฟสที่ 1(ต.ค.51-เม.ย.52) จะเป็นรูปแบบB2B ร่วมกับผู้ประกอบเคเบิลทีวี, จานดาวเทียมระบบ C Band (PSI) และจานดาวเทียมระบบ KU Band (DTV) ส่วนเฟส2 (เม.ย.-ธ.ค.52) จะเป็นรูปแบบB2C ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่และพันธมิตรต่างๆ การจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ และการทำไดเร็ค มาร์เก็ตติ้ง เช่น อีเมลไปยังกลุ่มเป้าหมาย ให้รับรู้ว่าจะสามารถรับชมชาแนลของทางแกรมมี่ได้ทางได้บ้าง
ปัจจุบันยังมีจำนวนผู้ชมที่รับชมฟรีทีวีผ่านเสาก้างปลาอยู่ประมาณ 12 ล้านครัวเรือน ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่บริษัทจะพยายามเข้าถึงให้มากที่สุด จึงได้ร่วมกับจานดาวเทียม PSI และ DTV ในการดึงผู้ชมกลุ่มนี้ให้หันมาติดตั้งจานดาวเทียมมากขึ้น คาดว่าใน 3-5 ปีนี้ เสาอากาศก้างปลาน่าจะหมดไป และทางบริษัทก็จะได้ผู้ชมที่อยู่ในกรุงเทพด้วย เพราะส่วนใหญ่ฐานช่องกรีน ชาแนล และแบง ชาแนล จะเป็นคนกรุงเทพ
ทั้งนี้จากช่องที่ออกอากาศไปแล้ว คือ แฟนชาแนล ตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่ผ่านมา จากผลสำรวจของทางเอจีบี นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช พบว่า ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา แฟนทีวีอยู่ในอันดับหนึ่งของกลุ่มช่องเคเบิลทีวีที่เป็นรายการเพลง และเป็นอันดับสองของช่องเคเบิลทั้งหมด โดยอันดับหนึ่งคือ ASTV1 News และยังพบอีกว่าจำนวนครัวเรือนที่รับชมแฟนทีวีมีถึง 2.3 ล้านคน ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทตั้งเป้าผู้ชม 8 ล้านคน หรือ 2 ล้านคนต่อช่อง จากทั้งหมด 4 ช่อง คือ แฟนทีวี, แบง ชาแนล, กรีน ชาแนล และแอค ชาแนล ที่จะเปิดในเดือนเม.ย.ที่จะถึงนี้ โดยช่องเบิร์ด ชาแนล เตรียมที่จะเปิดในเดือนก.ค.ต่อไป ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีจำนวนผู้ชมที่ 16 ล้านคน หรือประมาณ 3.2ล้านคนต่อช่อง
จากการที่บริษัทมั่นใจว่าเรามีคอนเท้นท์ที่แข็งแรง และมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน จึงได้นำเสนอราคาโฆษณาที่ 4,000 บาทต่อนาทีให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นราคาในระดับพรีเมี่ยม ขณะที่ตามช่องอื่นๆจะอยู่ที่ 1,200-1,300 บาทต่อนาที แต่เมื่อเทียบกับฟรีทีวีถือว่าถูกกว่าถึง 100 เท่า จึงมั่นใจว่าลูกค้าจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี เพราะบริษัทมีการบริหารจัดการในการคิดหากลยุทธ์การทำโฆษณาบนเคเบิลทีวีมากกว่าการโฆษณาเพียง 1 นาที ไม่ว่าจะเป็นการทำอีเว้นท์ควบคู่กันไปให้กับลูกค้า มั่นใจว่าจากในปีแรกที่สามารถขายโฆษณาได้ประมาณ 40% ของพื้นที่การโฆษณาทั้งหมด ในปีหน้าน่าจะทำได้ที่80%ต่อไป จากปัจจุบันบริษัท มีลูกค้าหลักที่ร่วมเป็นสปอนเซอร์รายการ ประมาณ 15 ราย เช่น เอไอเอส, เป็บซี่, ไอพอท, เทสโก้โลตัส และ ดัชมิลล์ ซึ่งจากการสังเกต พบว่า กลุ่มสินค้าประเภทคอนซูเมอร์โปรดักส์ เป็นกลุ่มที่หันมาใช้สื่อเคเบิลทีวีมากที่สุด
อย่างไรก็ตามธุรกิจเคเบิลทีวี จะมีรายได้จาก 3 ช่องทางหลัก คือ โฆษณา 60% ดิจิตอล/สื่อมีเดีย เช่น การดาวน์โหลด 30% และอื่นๆ เช่น กิจกรรมต่างๆ อีก10% เชื่อภายในปี 2553 จากการลงทุน 500 ล้านบาทในการทำเคเบิลทีวี จะถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งนอกจาก 5 ช่องที่วางแผนจะเปิดนั้น หากสถานการณ์เอื้ออำนวย ทางบริษัทก็พร้อมที่จะเปิดช่องเพิ่ม โดยจะต้องดูความเหมาะสม และหาทาร์เก็ตที่ชัดเจน รวมถึงการรุกตลาดต่างประเทศ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่บริษัทกำลังศึกษาอยู่เช่นกัน เนื่องจากการยิงสัญญาณดาวเทียมของช่องเคเบิลทีวีของแกรมมี่ทั้งหมด ครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากคนไทยหรือผู้ชมในประเทศต่างๆเหล่านี้ มีจานซี แบนด์ หรือเคยูแบนด์ก็จะสามารถรับชมทั้ง 5 ช่องของแกรมมี่ได้เช่นกัน
นายสุระชาติ กล่าวต่อว่า หากมองในภาพรวมรายได้โฆษณาบนฟรีทีวีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท เชื่อว่าในปีนี้ น่าจะมาอยู่บนเคเบิลทีวีที่ 10% หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยทางจีเอ็มเอ็ม หวังเพียง 10% ใน 5,000 ล้านนี้ เชื่อว่าน่าจะมีโอกาสทำได้