ASTV ผู้จัดการรายวัน- “ปิยะพันธ์”สั่งฝ่ายบริหารทอท.เร่งหารถเข็นกระเป๋าจากสนามบินอื่นแก้ปัญหารถมีไม่เพียงพอ หลังเตรียมย้ายเที่ยวบินจากดอนเมืองกลับสุวรรณภูมิ คาดหาเพิ่มได้อีก 2,300 คัน พร้อมสั่งตั้งคณะกรมการตรวจสอบปัญหา อีก 2 ชุด ดูข้อเท็จจริงว่ารถหายได้อย่างไร ส่งมอบครบหรือไม่
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายบริการ ทอท.เร่งแก้ไขปัญหารถเข็นกระเป๋าภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่เพียงพอจนเป็นเหตุให้ถูกร้องเรียนจากผู้โดยสาร พร้อมทั้งเตรียมพร้อมรองรับการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศของการบินไทย จากท่าอากาศยานดอนเมืองกลับมา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค.2552 นี้ โดยให้จัดหารถเข็นกระเป๋าจากท่าอากาศยานดอนเมืองจำนวน 1,500 คัน และจากท่าอากาศยานเชียงใหม่อีก 200 คันไว้เตรียมความพร้อม และหลังจากการบินไทยย้ายกลับมาแล้ว ให้นำรถเข็นกระเป๋าจากดอนเมืองอีก 600 คันมาใช้เพิ่ม รวมทั้งให้เจรจากับกรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) ซึ่งรับผิดชอบท่าอากาศยานภูมิภาค 26 แห่ง เพื่อขอยืมรถเข็นกระเป๋าในท่าอากาศยานต่างๆ ของขอ.ที่เหลือใช้มาเสริมอีกด้วย
“เป็นการเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยให้จัดหารถเข็นกระเป๋าเสริมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางด้านการบริการอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีสัญญากับบริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (แทกส์) แต่อย่างใด เพราะเรื่องบริการทอท.จะต้องรับผิดชอบ เป็นภาพลักษณ์ของทอท.และประเทศ ซึ่งฝ่ายบริหารรับจะดำเนินการภายใน 7 วัน ทำให้สุวรรณภูมิมีรถเข็นกระเป๋าเพิ่มขึ้นอีก 2,300 คัน จากเดิมที่มีอยู่เพียง 3,000 คันเท่านั้น”นายปิยะพันธ์กล่าว
นายปิยะพันธ์กล่าวว่า ได้แต่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยมี นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ กรรมการทอท.เป็นประธานและ นายประสงค์ พูนธเนศ เป็นรองประธาน เพื่อตรวจสอบว่ารถเข็นกระเป๋าหายไปได้อย่างไร ส่งมอบครบหรือไม่ และข้อเท็จจริงว่าขโมยไปจริงทั้ง 6,000 คันหรือไม่ นอกจากนี้ แต่งตั้งให้ นายสุทธิ เกรียงชัยพฤกษ์ เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบสัญญา และการดำเนินงานของ แทกส์ ในฐานะที่ทอท.เป็นผู้ถือหุ้นในแทกส์ 28.5% ว่า การจัดซื้อของแทกส์ครบถ้วนหรือไม่และส่งมอบให้ทอท.เท่าไร โดยให้ดำเนินการเร็วที่สุด
นอกจากนี้ ได้แต่งตั้งอนุกรรมการจัดระเบียบการจราจรภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อไข้ปัญหาการร้องเรียนจากผู้โดยสาร และผู้ใช้บริการเกี่ยวกับความไม่เป็นระเบียบและปัญหาแท็กซี่ป้ายดำภายในเขตท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.)เป็นประธาน
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า บอร์ดยังได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือระยะยาวแก่สายการบินและผู้ประกอบการ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ตที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินเมื่อวันที่ 26 พ.ย.– 5 ธ.ค.2551 โดยขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมในการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Fee) และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (Parking Fee) รวมทั้งปรับลดค่าเช่าและค่าตอบแทน
นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังประชุมเยียวยาหน่วยงานต่างๆ ที่ช่วยเหลือคนไทยและต่างชาติที่ประสบปัญหาในช่วงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองปิด ว่า กระทรวงคมนาคมจะของบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้หน่วยงานต่างๆ ที่ช่วยคนไทยและต่างชาติในช่วงสนามบินปิด เช่น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ขนส่งชาวต่างชาติจากไบเทค ที่เปิดเป็นเคานเตอร์เช็คอินชั่วคราวไปยังสนามบินอู่ตะเภา โดยไบเทค ให้บริการฟรี แต่ขอค่าไฟและน้ำประปา 2 ล้านบาท สนามบินอู่ตะเภา 542,000 บาท 37 สายการบินดำเนินการแก้ปัญหาและช่วยเหลือผู้โดยสารทั้งชาวไทยและต่างประเทศ มีค่าใช้จ่าย 81 ล้านบาท
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายบริการ ทอท.เร่งแก้ไขปัญหารถเข็นกระเป๋าภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่เพียงพอจนเป็นเหตุให้ถูกร้องเรียนจากผู้โดยสาร พร้อมทั้งเตรียมพร้อมรองรับการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศของการบินไทย จากท่าอากาศยานดอนเมืองกลับมา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค.2552 นี้ โดยให้จัดหารถเข็นกระเป๋าจากท่าอากาศยานดอนเมืองจำนวน 1,500 คัน และจากท่าอากาศยานเชียงใหม่อีก 200 คันไว้เตรียมความพร้อม และหลังจากการบินไทยย้ายกลับมาแล้ว ให้นำรถเข็นกระเป๋าจากดอนเมืองอีก 600 คันมาใช้เพิ่ม รวมทั้งให้เจรจากับกรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) ซึ่งรับผิดชอบท่าอากาศยานภูมิภาค 26 แห่ง เพื่อขอยืมรถเข็นกระเป๋าในท่าอากาศยานต่างๆ ของขอ.ที่เหลือใช้มาเสริมอีกด้วย
“เป็นการเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยให้จัดหารถเข็นกระเป๋าเสริมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางด้านการบริการอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีสัญญากับบริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (แทกส์) แต่อย่างใด เพราะเรื่องบริการทอท.จะต้องรับผิดชอบ เป็นภาพลักษณ์ของทอท.และประเทศ ซึ่งฝ่ายบริหารรับจะดำเนินการภายใน 7 วัน ทำให้สุวรรณภูมิมีรถเข็นกระเป๋าเพิ่มขึ้นอีก 2,300 คัน จากเดิมที่มีอยู่เพียง 3,000 คันเท่านั้น”นายปิยะพันธ์กล่าว
นายปิยะพันธ์กล่าวว่า ได้แต่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยมี นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ กรรมการทอท.เป็นประธานและ นายประสงค์ พูนธเนศ เป็นรองประธาน เพื่อตรวจสอบว่ารถเข็นกระเป๋าหายไปได้อย่างไร ส่งมอบครบหรือไม่ และข้อเท็จจริงว่าขโมยไปจริงทั้ง 6,000 คันหรือไม่ นอกจากนี้ แต่งตั้งให้ นายสุทธิ เกรียงชัยพฤกษ์ เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบสัญญา และการดำเนินงานของ แทกส์ ในฐานะที่ทอท.เป็นผู้ถือหุ้นในแทกส์ 28.5% ว่า การจัดซื้อของแทกส์ครบถ้วนหรือไม่และส่งมอบให้ทอท.เท่าไร โดยให้ดำเนินการเร็วที่สุด
นอกจากนี้ ได้แต่งตั้งอนุกรรมการจัดระเบียบการจราจรภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อไข้ปัญหาการร้องเรียนจากผู้โดยสาร และผู้ใช้บริการเกี่ยวกับความไม่เป็นระเบียบและปัญหาแท็กซี่ป้ายดำภายในเขตท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.)เป็นประธาน
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า บอร์ดยังได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือระยะยาวแก่สายการบินและผู้ประกอบการ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ตที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินเมื่อวันที่ 26 พ.ย.– 5 ธ.ค.2551 โดยขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมในการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Fee) และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (Parking Fee) รวมทั้งปรับลดค่าเช่าและค่าตอบแทน
นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังประชุมเยียวยาหน่วยงานต่างๆ ที่ช่วยเหลือคนไทยและต่างชาติที่ประสบปัญหาในช่วงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองปิด ว่า กระทรวงคมนาคมจะของบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้หน่วยงานต่างๆ ที่ช่วยคนไทยและต่างชาติในช่วงสนามบินปิด เช่น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ขนส่งชาวต่างชาติจากไบเทค ที่เปิดเป็นเคานเตอร์เช็คอินชั่วคราวไปยังสนามบินอู่ตะเภา โดยไบเทค ให้บริการฟรี แต่ขอค่าไฟและน้ำประปา 2 ล้านบาท สนามบินอู่ตะเภา 542,000 บาท 37 สายการบินดำเนินการแก้ปัญหาและช่วยเหลือผู้โดยสารทั้งชาวไทยและต่างประเทศ มีค่าใช้จ่าย 81 ล้านบาท