xs
xsm
sm
md
lg

นายใหม่โฟร์โมสต์เล่นบทรุกตัดทิ้งนมถั่วเหลือง-เพิ่มผลิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน –  เอ็มดีคนใหม่โฟร์โมสต์ ปรับนโยบายรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ โฟกัสธุรกิจเรือธงนมพร้อมดื่ม เลิกทำตลาดนมถั่วเหลืองไฮไฟว์ อัดฉีดงบกว่า 200 ล้านบาท หวังปลุกตลาดนมคึกคัก หลังปีที่ผ่านมาตลาดทรุดโตไม่ถึง 10% ครั้งแรกรอบ 5 ปี  ลุยแคมเปญ-กิจกรรมดันคนไทยดื่มนมเพิ่ม พร้อมอิงกระแสช่วยลดปัญหานมดิบล้นตลาด สิ้นปีโตอย่างน้อย 10%
นายฮ้านส์ เฮ้าสตร้า กรรมการผู้จัดการคนใหม่ของ บริษัท ฟรีสแลนด์ ฟู้ดส์ โฟร์โมสต์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  ผู้ผลิตและจำหน่าย นมโฟร์โมสต์  เปิดเผยว่า การเข้ามาบริหารงานในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่ผันผวนถือว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเรื่องของกำลังการซื้อและดื่มนมของผู้บริโภค โดยพบว่ายอดขายนมไตรมาส4 ในปีที่ผ่านมา ลดลง 20% ส่งผลให้การเติบโตของตลาดนมพร้อมดื่มลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาไม่ถึง10% เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
นโยบายปีนี้บริษัทได้เลิกทำตลาดนมถั่วเหลืองไฮไฟว์ลงตั้งแต่ต้นปีนี้จนกว่าสินค้าหมดสต๊อก โดยหันมาโฟกัสธุรกิจหลักของบริษัท คือ นมพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ “โฟร์โมสต์” ซึ่งเป็นผู้นำตลาดนมพร้อมดื่มยูเอชที 54% โดยจะใช้แบรนด์โฟร์โมสต์ที่แข็งแกร่งตอกย้ำสื่อสารกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวพร้อมดื่มโยโมสต์ และแคลซีแม็กซ์ในเชิงรุกมากขึ้น
ปีนี้ใช้งบตลาดกว่า 200 ล้านบาทในการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กับ “โฟร์โมสต์” ภายใต้กลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุก ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญการตลาดภายใต้แนวคิด “โฟร์โมสต์ ดื่มได้ตลอด ดื่มเลย”   พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่พร้อมกัน 5 เรื่อง เป็น  Teaser  3 เรื่อง ตามด้วยภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่อง
อีกยังได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาด แผนการสนับสนุนสำหรับการสื่อสารกับผู้บริโภค อาทิ สื่อบนรถไฟฟ้าและสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สื่อตามทางเดิน การปรับโฉมเว็บไซต์ สื่อโฆษณา ณ จุดขายต่าง ๆ และการส่งเสริมการขายแบบครบวงจร เพื่อกระตุ้นการบริโภคนมและยอดขายของบริษัท รวมถึงการช่วยเพิ่มการขายของตลาดนมโดยรวม และช่วยให้เกษตรกรฟาร์มโคนมขายน้ำนมดิบได้มากขึ้น จากปัจจุบันประสบกับปัญหาภาวะนมดิบล้นตลาด
ที่ผ่านมาบริษัทซื้อนมดิบในประเทศจำนวน 400 ตันต่อวัน คิดเป็น 20% ของนมดิบในประเทศที่ทีปริมาณ 2,300 ตันต่อวัน เป็นบริษัทที่รับซื้อนมดิบมากเป็นอันดับ 1  ของบริษัทที่ผลิตนมในประเทศ แต่จะซื้อนมดิบเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการดื่มนมของคนไทยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันคนไทยยังดื่มนมปริมาณที่น้อยมากเพียง 12 ลิตรต่อคนต่อปี ดังนั้นบริษัทจึงออกมากระตุ้นด้วยแคมเปญและการตลาดต่างๆ เพื่อผลักดันให้คนไทยดื่มนมเพิ่มขึ้น 18 ลิตรต่อคนต่อปี เท่ากับประเทศมาเลเซีย
ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายกำลังผลิตที่โรงงานสำโรงมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยเพิ่มกำลังผลิตจาก 1,000 ล้านแพก เป็น 2,000 ล้านแพก คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า พร้อมแผนการขยายไปยังตลาดต่างประเทศจาก 15% เป็น 25%โดยเฉพาะในตลาดอินโดจีน ฟิลิปปินส์ และบังคลาเทศ สำหรับตลาดในประเทศไทย ปีนี้ตั้งเป้าเติบโตในเชิงมูลค่าและปริมาณ 10% จากปีที่แล้วโตไม่ถึง 10% แบ่งเป็น รายได้จากนมพร้อมดื่มยูเอชทีมากกว่า 50% ที่เหลือเกือบ 50% เป็น นมพลาสเจอร์ไรซ์ โยเกิรต์  นมเปรี้ยว และ นมข้นหวาน ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น