รอยเตอร์ - สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อกองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เริ่มการซ้อมรบร่วมประจำปีวานนี้ (9) ขณะที่เกาหลีเหนือประกาศให้กำลังทหารของตนเตรียมพร้อมตอบโต้อย่างเต็มที่ โดยระบุว่าการซ้อมรบเป็น "การยั่วยุ"
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือซึ่งกำลังเตรียมการเพื่อยิงจรวด โดยที่ฝ่ายตะวันตกกล่าวหาว่าเป็นการทดสอบยิงขีปนาวุธระยะไกล แต่โสมแดงเองยืนกรานว่าเป็นการยิงจรวดเพื่อส่งดาวเทียมนั้น ยังบอกด้วยว่า หากจรวดของตนถูกยิง ก็จะถือว่าเป็นการเปิดฉากสงคราม อีกทั้งกองทัพโสมแดงยังได้ตัดสายโทรศัพท์ฉุกเฉินที่ใช้ติดต่อกับกองทัพโสมขาวด้วย
ที่ผ่านมา ก่อนหน้าการซ้อมรบของสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ทุกครั้ง รัฐบาลเกาหลีเหนือจะกล่าวหาอยู่เสมอว่าเป็นการจงใจกระทำการยั่วยุ การสร้างความตึงเครียดเช่นนี้จะดำเนินการต่อเนื่องมาหลายปีแล้วโดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ
แต่สำหรับครั้งนี้สื่อโสมแดงได้ให้น้ำหนักกับการซ้อมรบดังกล่าวมาก โดยที่จะเป็นห้วงเวลาเดียวกับที่เกาหลีเหนือกำลังเตรียมการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล "แตโปดอง-2" อีกทั้งในระยะหลังก็มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับสุขภาพของประธานคิมจองอิล ของเกาหลีเหนือด้วย
เกาหลีเหนือกล่าวย้ำแล้วย้ำอีกว่า ตนกำลังเตรียมการเพื่อยิงจรวดส่งดาวเทียม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการด้านอวกาศเพื่อสันติ
"หากมายิงดาวเทียมของเราที่มีจุดประสงค์เพื่อสันติภาพ ก็จะหมายถึงสงครามอย่างแน่นอน" สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการรายงานคำกล่าวของโฆษกกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลเกาหลีเหนือยังระบุด้วยว่าจะไม่รับรองความปลอดภัยของเครื่องบินพลเรือนของเกาหลีใต้ที่บินเข้าใกล้น่านฟ้าของเกาหลีเหนือ จนทำให้สายการบินหลายสายเปลี่ยนเส้นทางบินเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
สำหรับการซ้อมรบร่วมในปีนี้จะมีไปจนถึงวันที่ 20 มีนาคม โดยทั้งระยะเวลาและขอบข่ายการปฏิบัติการนับว่ามากกว่าการซ้อมรบในปีก่อนๆ ส่วนเป้าหมายก็คือการทดสอบความพร้อมในการป้องกันตนเองของกองทหารสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ก่อนหน้าที่จะมีการสับเปลี่ยนการบังคับบัญชาในภาวะสงคราม จากสหรัฐฯเป็นเกาหลีใต้ในอีกหลายปีข้างหน้า
การซ้อมรบครั้งนี้ทำให้มีการเคลื่อนกำลังทหารทั่วเกาหลีใต้ โดยที่หน่วยนาวิกโยธินจะทำการซ้อมรบโดยใช้กระสุนจริงในบริเวณทางเหนือของกรุงโซล ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนเกาหลีเหนือ ส่วนกองทัพสหรัฐฯ ก็ระบุว่าจะมีการนำเรือบรรทุกเครื่องบินของตนเข้าร่วมในการซ้อมรบครั้งนี้ด้วย
รัฐบาลเกาหลีใต้ยังได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือต่อสายโทรศัพท์ฉุกเฉินทางการทหารทันที ขณะที่ตลาดการเงินเกาหลีใต้ก็ไม่เกิดความปั่นป่วนใดๆ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าเกาหลีเหนือคงจะไม่ทำอะไรมากไปกว่าพูดข่มขู่
ทางการเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ต่างบอกว่ายังไม่เห็นความแตกต่างใดๆ ระหว่างการยิงดาวเทียมกับการยิงขีปนาวุธ เพราะทั้งสองกรณีต่างก็ใช้เทคโนโลยีและจรวดนำขึ้นสู่อวกาศแบบเดียวกัน แต่เกาหลีเหนือนั้นถูกห้ามยิงขีปนาวุธพิสัยไกลตามมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ
**คิมยังได้รับเสียงสนับสนุน 100%**
แม้ว่าสุขภาพของประธานาธิบดีคิม จอง-อิลจะย่ำแย่ลงในระยะหลังและเกิดข่าวลือเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วว่าเขาล้มป่วยอย่างหนักด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ จนทำให้มีการคาดการณ์กันถึงตัวบุคคลที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ของเกาหลีเหนือ ทว่าล่าสุดในวันอาทิตย์ (8) เกาหลีเหนือได้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนชุดใหม่ขึ้น และคิมก็ยังได้รับการเลือกกลับเข้ามาอีกครั้งโดยได้รับคะแนนเสียง 100 เปอร์เซ็นต์ในหน่วยเลือกตั้งของเขาในกรุงเปียงยาง
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่าคิมจองอุน บุตรชายคนเล็กของคิมก็ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าเขาจะเป็นผู้รับช่วงตำแหน่งผู้นำต่อจากคิม
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือซึ่งกำลังเตรียมการเพื่อยิงจรวด โดยที่ฝ่ายตะวันตกกล่าวหาว่าเป็นการทดสอบยิงขีปนาวุธระยะไกล แต่โสมแดงเองยืนกรานว่าเป็นการยิงจรวดเพื่อส่งดาวเทียมนั้น ยังบอกด้วยว่า หากจรวดของตนถูกยิง ก็จะถือว่าเป็นการเปิดฉากสงคราม อีกทั้งกองทัพโสมแดงยังได้ตัดสายโทรศัพท์ฉุกเฉินที่ใช้ติดต่อกับกองทัพโสมขาวด้วย
ที่ผ่านมา ก่อนหน้าการซ้อมรบของสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ทุกครั้ง รัฐบาลเกาหลีเหนือจะกล่าวหาอยู่เสมอว่าเป็นการจงใจกระทำการยั่วยุ การสร้างความตึงเครียดเช่นนี้จะดำเนินการต่อเนื่องมาหลายปีแล้วโดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ
แต่สำหรับครั้งนี้สื่อโสมแดงได้ให้น้ำหนักกับการซ้อมรบดังกล่าวมาก โดยที่จะเป็นห้วงเวลาเดียวกับที่เกาหลีเหนือกำลังเตรียมการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล "แตโปดอง-2" อีกทั้งในระยะหลังก็มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับสุขภาพของประธานคิมจองอิล ของเกาหลีเหนือด้วย
เกาหลีเหนือกล่าวย้ำแล้วย้ำอีกว่า ตนกำลังเตรียมการเพื่อยิงจรวดส่งดาวเทียม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการด้านอวกาศเพื่อสันติ
"หากมายิงดาวเทียมของเราที่มีจุดประสงค์เพื่อสันติภาพ ก็จะหมายถึงสงครามอย่างแน่นอน" สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการรายงานคำกล่าวของโฆษกกองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลเกาหลีเหนือยังระบุด้วยว่าจะไม่รับรองความปลอดภัยของเครื่องบินพลเรือนของเกาหลีใต้ที่บินเข้าใกล้น่านฟ้าของเกาหลีเหนือ จนทำให้สายการบินหลายสายเปลี่ยนเส้นทางบินเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
สำหรับการซ้อมรบร่วมในปีนี้จะมีไปจนถึงวันที่ 20 มีนาคม โดยทั้งระยะเวลาและขอบข่ายการปฏิบัติการนับว่ามากกว่าการซ้อมรบในปีก่อนๆ ส่วนเป้าหมายก็คือการทดสอบความพร้อมในการป้องกันตนเองของกองทหารสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ก่อนหน้าที่จะมีการสับเปลี่ยนการบังคับบัญชาในภาวะสงคราม จากสหรัฐฯเป็นเกาหลีใต้ในอีกหลายปีข้างหน้า
การซ้อมรบครั้งนี้ทำให้มีการเคลื่อนกำลังทหารทั่วเกาหลีใต้ โดยที่หน่วยนาวิกโยธินจะทำการซ้อมรบโดยใช้กระสุนจริงในบริเวณทางเหนือของกรุงโซล ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนเกาหลีเหนือ ส่วนกองทัพสหรัฐฯ ก็ระบุว่าจะมีการนำเรือบรรทุกเครื่องบินของตนเข้าร่วมในการซ้อมรบครั้งนี้ด้วย
รัฐบาลเกาหลีใต้ยังได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือต่อสายโทรศัพท์ฉุกเฉินทางการทหารทันที ขณะที่ตลาดการเงินเกาหลีใต้ก็ไม่เกิดความปั่นป่วนใดๆ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าเกาหลีเหนือคงจะไม่ทำอะไรมากไปกว่าพูดข่มขู่
ทางการเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ต่างบอกว่ายังไม่เห็นความแตกต่างใดๆ ระหว่างการยิงดาวเทียมกับการยิงขีปนาวุธ เพราะทั้งสองกรณีต่างก็ใช้เทคโนโลยีและจรวดนำขึ้นสู่อวกาศแบบเดียวกัน แต่เกาหลีเหนือนั้นถูกห้ามยิงขีปนาวุธพิสัยไกลตามมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ
**คิมยังได้รับเสียงสนับสนุน 100%**
แม้ว่าสุขภาพของประธานาธิบดีคิม จอง-อิลจะย่ำแย่ลงในระยะหลังและเกิดข่าวลือเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วว่าเขาล้มป่วยอย่างหนักด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ จนทำให้มีการคาดการณ์กันถึงตัวบุคคลที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ของเกาหลีเหนือ ทว่าล่าสุดในวันอาทิตย์ (8) เกาหลีเหนือได้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนชุดใหม่ขึ้น และคิมก็ยังได้รับการเลือกกลับเข้ามาอีกครั้งโดยได้รับคะแนนเสียง 100 เปอร์เซ็นต์ในหน่วยเลือกตั้งของเขาในกรุงเปียงยาง
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่าคิมจองอุน บุตรชายคนเล็กของคิมก็ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าเขาจะเป็นผู้รับช่วงตำแหน่งผู้นำต่อจากคิม