รอยเตอร์ - เกาหลีเหนือระบุวานนี้ (24) ว่ากำลังเตรียมยิงดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรโดยใช้จรวดที่สร้างขึ้นเอง ทว่าพวกนักวิเคราะห์มองว่าแท้จริงแล้วโสมแดงกำลังเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ส่วนทางด้านตลาดการเงินเกาหลีใต้อยู่ในอาการปั่นป่วน เพราะหวั่นเกรงว่าอาจเกิดสงครามในคาบสมุทรเกาหลี
พวกนักวิเคราะห์ระบุว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือกำลังใช้วิธีพยายามรุกคืบกดดันไปจนถึงปลายขอบสุดแห่งความเสี่ยง เพื่อบีบคั้นรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ รวมทั้งชาติพันธมิตรหลักๆ ในภูมิภาคคือเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ให้เปลี่ยนนโยบายต่อโสมแดง หลังจากที่ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวเตือนเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ก่อนในระหว่างการตระเวนเยือนเอเชียว่า อย่ากระทำการใดๆ ในเชิงยั่วยุ
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า "การเตรียมการยิงดาวเทียมสื่อสารทดลองคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก และหากประสบผลสำเร็จ เทคโนโลยีและวิทยาการด้านอวกาศของประเทศก็จะก้าวกระโดดจนถึงขั้นที่เราสามารถสร้างพลังอำนาจในทางเศรษฐกิจด้วย"
ส่วนรัฐบาลของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นบอกว่ากำลังเฝ้าจับตาดูความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวอยู่ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงหลายรายคาดหมายว่าเกาหลีเหนืออาจจะยิงขีปนาวุธภายในอีกไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
เกาหลีเหนือเคยทำให้ภูมิภาคนี้ตื่นตระหนกมาแล้วเมื่อยิงขีปนาวุธข้ามประเทศญี่ปุ่นในปี 1988 แต่อ้างว่าเป็นการยิงจรวดเพื่อส่งดาวเทียม
หากการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ เกาหลีเหนือก็น่าจะมีขีปนาวุธพิสัยไกลสูงสุดถึง 6,700 กิโลเมตร ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะพัฒนาไปสู่การติดหัวรบนิวเคลียร์ที่ยิงไปไกลถึงดินแดนของสหรัฐฯ แต่ไม่ถึงพื้นที่แผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯที่เป็นดินแดน 48 มลรัฐติดต่อกัน
นักวิเคราะห์ระบุว่าศักยภาพดังกล่าวจะเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ โดยตรงเป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือก็ได้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล "แตโปดอง-2" ไปแล้วเมื่อปี 2006 ทว่าขีปนาวุธดังกล่าวเกิดระเบิดหลังจากถูกยิงออกไปเพียงไม่กี่วินาที อีกทั้งในปีเดียวกันนั้นเกาหลีเหนือยังได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ด้วย แต่ยังขาดเทคโนโลยีในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ให้มีขนาดเล็กพอสำหรับเป็นหัวรบเพื่อติดกับจรวด
โจเซฟ เบอร์มิวเดซ นักวิเคราะห์ของนิตยสารด้านการทหาร Jane's Defence Weekly อ้างข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมว่าเกาหลีเหนือน่าจะยิงจรวดปล่อยดาวเทียมภายในไม่กี่วันนี้ แต่ฮัมเฮียงพิล นักวิจัยของสถาบันวิเคราะห์ด้านการทหารของเกาหลีใต้เห็นว่าการยิงดาวเทียมคงจะมีขึ้นในเดือนมีนาคม เขาบอกว่า "แม้กระทั่งเมื่อขีปนาวุธหรือจรวดที่จะยิง ได้ถูกติดตั้งให้อยู่ในแนวตั้ง ณ ฐานปล่อยจรวดแล้ว ก็ยังจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 7-10 วัน ซึ่งนี่ถือเป็นกรณีที่ทำได้รวดเร็วแล้ว กว่าที่จะยิงได้จริงๆ"
สื่อมวลชนเกาหลีใต้รายงานมาหลายวันแล้วว่า โสมแดงกำลังประกอบ แตโปดอง-2 อยู่ภายในอาคาร แต่ยังไม่ได้เคลื่อนขีปนาวุธที่ประกอบเสร็จแล้วเข้าสู่ฐานปล่อย ทั้งนี้ดาวเทียนจารกรรมของสหรัฐฯหลายๆ ดวงมีขีดความสามารถที่จะตรวจจับการเตรียมการของเกาหลีเหนือได้ ในทันทีที่มีการติดตั้งขีปนาวุธในแนวตั้ง และเคลื่อนย้ายไปสู่ฐานปล่อย
ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือนิยมใช้วิธีข่มขู่ทางการทหาร เพื่อต่อรองเรียกร้องความช่วยเหลือจากมหาอำนาจของโลก และขณะนี้ก็อาจกำลังสร้างข้อต่อรองกับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ โดยเลือกใช้วิธียั่วยุดังที่คลินตันเพิ่งกล่าวเตือนไปเช่นกัน
นอกจากนั้นเกาหลีเหนือยังจงใจประกาศแผนการดังกล่าวในจังหวะเวลาที่นายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะของญี่ปุ่นกำลังเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว อีกทั้งประธานาธิบดีลีเมียงบัคของเกาหลีใต้กำลังจะจัดงานฉลองการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศครบ 1 ปีด้วย
พวกนักวิเคราะห์ระบุว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือกำลังใช้วิธีพยายามรุกคืบกดดันไปจนถึงปลายขอบสุดแห่งความเสี่ยง เพื่อบีบคั้นรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ รวมทั้งชาติพันธมิตรหลักๆ ในภูมิภาคคือเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ให้เปลี่ยนนโยบายต่อโสมแดง หลังจากที่ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวเตือนเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ก่อนในระหว่างการตระเวนเยือนเอเชียว่า อย่ากระทำการใดๆ ในเชิงยั่วยุ
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า "การเตรียมการยิงดาวเทียมสื่อสารทดลองคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก และหากประสบผลสำเร็จ เทคโนโลยีและวิทยาการด้านอวกาศของประเทศก็จะก้าวกระโดดจนถึงขั้นที่เราสามารถสร้างพลังอำนาจในทางเศรษฐกิจด้วย"
ส่วนรัฐบาลของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นบอกว่ากำลังเฝ้าจับตาดูความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวอยู่ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงหลายรายคาดหมายว่าเกาหลีเหนืออาจจะยิงขีปนาวุธภายในอีกไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
เกาหลีเหนือเคยทำให้ภูมิภาคนี้ตื่นตระหนกมาแล้วเมื่อยิงขีปนาวุธข้ามประเทศญี่ปุ่นในปี 1988 แต่อ้างว่าเป็นการยิงจรวดเพื่อส่งดาวเทียม
หากการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ เกาหลีเหนือก็น่าจะมีขีปนาวุธพิสัยไกลสูงสุดถึง 6,700 กิโลเมตร ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะพัฒนาไปสู่การติดหัวรบนิวเคลียร์ที่ยิงไปไกลถึงดินแดนของสหรัฐฯ แต่ไม่ถึงพื้นที่แผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯที่เป็นดินแดน 48 มลรัฐติดต่อกัน
นักวิเคราะห์ระบุว่าศักยภาพดังกล่าวจะเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ โดยตรงเป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือก็ได้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล "แตโปดอง-2" ไปแล้วเมื่อปี 2006 ทว่าขีปนาวุธดังกล่าวเกิดระเบิดหลังจากถูกยิงออกไปเพียงไม่กี่วินาที อีกทั้งในปีเดียวกันนั้นเกาหลีเหนือยังได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ด้วย แต่ยังขาดเทคโนโลยีในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ให้มีขนาดเล็กพอสำหรับเป็นหัวรบเพื่อติดกับจรวด
โจเซฟ เบอร์มิวเดซ นักวิเคราะห์ของนิตยสารด้านการทหาร Jane's Defence Weekly อ้างข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมว่าเกาหลีเหนือน่าจะยิงจรวดปล่อยดาวเทียมภายในไม่กี่วันนี้ แต่ฮัมเฮียงพิล นักวิจัยของสถาบันวิเคราะห์ด้านการทหารของเกาหลีใต้เห็นว่าการยิงดาวเทียมคงจะมีขึ้นในเดือนมีนาคม เขาบอกว่า "แม้กระทั่งเมื่อขีปนาวุธหรือจรวดที่จะยิง ได้ถูกติดตั้งให้อยู่ในแนวตั้ง ณ ฐานปล่อยจรวดแล้ว ก็ยังจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 7-10 วัน ซึ่งนี่ถือเป็นกรณีที่ทำได้รวดเร็วแล้ว กว่าที่จะยิงได้จริงๆ"
สื่อมวลชนเกาหลีใต้รายงานมาหลายวันแล้วว่า โสมแดงกำลังประกอบ แตโปดอง-2 อยู่ภายในอาคาร แต่ยังไม่ได้เคลื่อนขีปนาวุธที่ประกอบเสร็จแล้วเข้าสู่ฐานปล่อย ทั้งนี้ดาวเทียนจารกรรมของสหรัฐฯหลายๆ ดวงมีขีดความสามารถที่จะตรวจจับการเตรียมการของเกาหลีเหนือได้ ในทันทีที่มีการติดตั้งขีปนาวุธในแนวตั้ง และเคลื่อนย้ายไปสู่ฐานปล่อย
ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือนิยมใช้วิธีข่มขู่ทางการทหาร เพื่อต่อรองเรียกร้องความช่วยเหลือจากมหาอำนาจของโลก และขณะนี้ก็อาจกำลังสร้างข้อต่อรองกับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ โดยเลือกใช้วิธียั่วยุดังที่คลินตันเพิ่งกล่าวเตือนไปเช่นกัน
นอกจากนั้นเกาหลีเหนือยังจงใจประกาศแผนการดังกล่าวในจังหวะเวลาที่นายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะของญี่ปุ่นกำลังเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว อีกทั้งประธานาธิบดีลีเมียงบัคของเกาหลีใต้กำลังจะจัดงานฉลองการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศครบ 1 ปีด้วย