เมื่อวันที่ 7 มี.ค. นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต.ได้พิจารณาและตอบข้อหารือกรณี ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถามถึงกรณีที่มีหน่วยงานจากหลายหน่วยงานได้ขอความอนุเคราะห์ถ้วย หรือโล่รางวัล และขออนุญาตสลักนามนายกรัฐมนตรีลงบนถ้วย หรือโล่ เพื่อมอบในงานต่างๆนั้น จะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมกกต.เห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี สามารถกระทำได้ หากใช้งบประมาณของทางราชการ และหากเป็นไปตามประเพณีปฏิบัติไม่ได้กระทำเพื่อส่อไปในทางมุ่งเน้นเพื่อในการหาเสียงล่วงหน้า ก็ไม่มีปัญหาสามรถกระทำได้
นอกจากนี้ยังได้ตอบข้อหารือของสมาคมศูนย์ประสานงานองค์การเอกชนจังหวัดนครปฐม เกี่ยวกับการจัดทำถ้วย หรือโล่รางวัล เพื่อให้มอบในงานประจำปีของสมาคมฯ ซึ่งสมาคมฯ เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช่จ่ายในการจัดทำ อีกทั้งเป็นเพียงการขออนุญาตสลักนามนายกรัฐมนตรีเท่านั้น กรณีดังกล่าว กกต.เห็นว่า สามารถทำได้ แต่จะต้องไม่มีการเอื้อประโยชน์หรือมีเจตนาหาเสียงล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม นายอภิชาต ยังได้กล่าวอีกว่า หากการดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำของพรรค หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค หรือผู้มีตำแหน่งทางการเมืองของพรรค ก็ให้รวบรวมรายการต่างๆ ไว้ในแต่ละโอกาส เพื่อนำไปแสดงรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งต่อไป โดยจะเป็นไปตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 89 และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง จำนวน หลักเกณฑ์และวิธีการ ให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ตามปกติประเพณีของพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง และ สมาชิก ซึ่งเป็นส.ส. หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2551 ซึ่งได้กำหนดไว้ว่า หากเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และสิ่งของมีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ก็ให้นำมูลค่าในส่วนที่เกินนั้นขึ้นบัญชีรายจ่ายไว้ เพื่อรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้า ทั้งนี้การแจกหากแจกในนามผู้สมัคร ก็ให้ลงรายการที่มีมูลค่าเกินไว้ในส่วนของผู้สมัคร แต่หากการให้เป็นการให้ในนามของพรรค ก็ให้ลงไว้ในส่วนของพรรคการเมือง อย่างไรก็ตามในการดำเนินการกรณีดังกล่าว ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานตามปกติประเพณีปฏิบัติ
นอกจากนี้ยังได้ตอบข้อหารือของสมาคมศูนย์ประสานงานองค์การเอกชนจังหวัดนครปฐม เกี่ยวกับการจัดทำถ้วย หรือโล่รางวัล เพื่อให้มอบในงานประจำปีของสมาคมฯ ซึ่งสมาคมฯ เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช่จ่ายในการจัดทำ อีกทั้งเป็นเพียงการขออนุญาตสลักนามนายกรัฐมนตรีเท่านั้น กรณีดังกล่าว กกต.เห็นว่า สามารถทำได้ แต่จะต้องไม่มีการเอื้อประโยชน์หรือมีเจตนาหาเสียงล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม นายอภิชาต ยังได้กล่าวอีกว่า หากการดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำของพรรค หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค หรือผู้มีตำแหน่งทางการเมืองของพรรค ก็ให้รวบรวมรายการต่างๆ ไว้ในแต่ละโอกาส เพื่อนำไปแสดงรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งต่อไป โดยจะเป็นไปตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 89 และประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง จำนวน หลักเกณฑ์และวิธีการ ให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ตามปกติประเพณีของพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง และ สมาชิก ซึ่งเป็นส.ส. หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2551 ซึ่งได้กำหนดไว้ว่า หากเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และสิ่งของมีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ก็ให้นำมูลค่าในส่วนที่เกินนั้นขึ้นบัญชีรายจ่ายไว้ เพื่อรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้า ทั้งนี้การแจกหากแจกในนามผู้สมัคร ก็ให้ลงรายการที่มีมูลค่าเกินไว้ในส่วนของผู้สมัคร แต่หากการให้เป็นการให้ในนามของพรรค ก็ให้ลงไว้ในส่วนของพรรคการเมือง อย่างไรก็ตามในการดำเนินการกรณีดังกล่าว ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานตามปกติประเพณีปฏิบัติ