ASTVผู้จัดการรายวัน – ส.พ.จ.ท. ชี้พิษเศรษฐกิจกระทบธุรกิจสำนักพิมพ์ปีนี้โต 1-2% รายเล็กทยอยปิดกิจการ จ่อคิวชง “อภิสิทธิ์” ดันการอ่านหนังสือคนไทยเป็นวาระแห่งชาติ ชูระบบลดภาษี 3 โมเดล เข็นคนไทยอ่านหนังสือเพิ่ม จัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ สำนักพิมพ์แห่หั่นราคา 15-30% สูงสุดรอบหลายปี พร้อมรับเช็ค 2,000 บาทภายในงาน หวังดันเงินสะพัด 500 ล้านบาท โต 10%
นางริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (ส.พ.จ.ท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจสำนักพิมพ์ปีนี้คาดว่าเติบโต 1-2% ขณะที่จีดีพีไม่เติบโต โดยปีนี้มูลค่าธุรกิจสำนักพิมพ์เพิ่มจาก 19,000 ล้านบาท เป็น 19,100-19,200 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน
สนพ.เล็กทยอยปิดกิจการ
ทั้งนี้พบว่าสำนักพิมพ์ขนาดเล็กจะทยอยปิดตัวหรือลดจำนวนการออกหนังสือใหม่ เพราะประสบกับภาวะขาดทุน โดยปีที่ผ่านมาสำนักพิมพ์ขนาดเล็กปิดตัวไปแล้ว 4-5 ราย จากตัวเลขธุรกิจสำนักพิมพ์ปีที่ผ่ามามูลค่า 18,900 ล้านบาท โต 3% และถือเป็นการเติบโตลดลงต่อเนื่อง 4 ปี
สำหรับทิศทางการแข่งขันธุรกิจสำนักพิมพ์ปีนี้มีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ปริมาณหนังสือใหม่มีแนวโน้มลดลงหรือคงที่ เทรนด์หนังสือที่มาแรงเป็นประเภทเยาวชน วรรณกรรม โดยมาจากสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่และกลาง จะเป็นผู้ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโต จากการปรับตัวมุ่งใช้กลยุทธ์การตลาดเพิ่มขึ้น ล่าสุดเริ่มขยายช่องทางจำหน่ายผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือออนไลน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะลูกค้าต่างจังหวัด สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ และขณะเดียวกันลูกค้ายังสามารถเลือกหนังสือได้ง่ายขึ้น
ชงอภิสิทธิ์อ่านหนังสือเป็นวาระแห่งชาติ
นางริสรวล กล่าวว่า ได้เตรียมเข้าพบนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อผลักดันการอ่านหนังสือสำหรับคนไทยให้เป็นวาระแห่งชาติ ในวันที่ 20 มีนาคม นี้ โดยได้จับมือร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมาคมนักเขียนและแปล และทีเค ปาร์ค เพราะมองว่าการอ่านหนังสือเป็นการพัฒนาประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ทางสมาคมผลักดันวาระดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนปี 2549 แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
ทั้งนี้ได้วางกรอบยุทธศาสตร์การผลักดันการอ่านหนังสือของคนไทย โดยได้นำเสนอให้นำระบบลดภาษีมาใช้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อซื้อหนังสือ 1 เล่ม จากต้องเสียภาษีปกติ 7% มาเป็น 0% การลดภาษีนิติบุคคลของบริษัท 2-3 เท่า หรือลดภาษีสำหรับบุคคลทั่วไปที่ซื้อหนังสือไม่เกิน 1 หมื่นบาท เนื่องจากพบว่า คนไทยยังอ่านหนังสือน้อยมากประมาณ 2 เล่มต่อคนต่อปี เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อปี 2548 อ่านหนังสือ 2.9 นาทีต่อวัน หรือประมาณ 8 บรรทัดต่อวันเท่านั้น
นอกจากนี้พบว่า แม้คนไทยมีเงินซื้อหนังสือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประมาณ 300 บาทต่อคนต่อปี หรือคิดเป็น 0.23% เมื่อเทียบกับรายได้ต่อหัว สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านความรู้อย่างเพียงพอ โดยภาครัฐควรมีนโยบายพิเศษ เพื่อผลักดันให้เกิดร้านจำหน่ายหนังสือ ร้านหนังสือเช่าจำนวนมาก และกระจายไปยังท้องถิ่นต่างๆ
อย่างไรก็ตามขณะนี้แนวทางการผลักดันดังกล่าว สอดคล้องกับแนวทางของทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส่งเสริมเรื่องการอ่านตามอัธยาศัย เพื่อรณรงค์ให้คนไทยอ่านหนังสือมากขึ้น ซึ่งขณะนี้วาระการอ่านหนังสือแห่งชาติได้ดำเนินการไปแล้ว 2 ส่วน โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างรอเข้าครม.ในเร็วๆ นี้
สัปดาห์หนังสือหั่นราคา15-30%
นางริสรวล กล่าวถึงการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 37 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 7 ว่า มีผู้มาร่วมงาน 450 สำนักพิมพ์ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ มาร่วมออกบูธกว่า 900 บูธ หรือมีหนังสือกว่า 1 ล้านเล่ม ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งภายในงานแต่ละสำนักพิมพ์จะลดราคาหนังสือเพิ่มขึ้นอีก 5-10% จากปกติลดราคา 10-20% หรือเพิ่มส่วนลดเป็น 15-30% ในปีนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเคลียร์หนังสือค้างสต็อกจากที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีหนังสือใหม่กว่า 3,000 เรื่อง
ใช้เช็ค2,000บ.งานสัปดาห์หนังสือได้
อีกทั้งภายในงานยังสามารถนำเช็ค 2,000 บาท จากทางรัฐบาลมอบให้ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท สามารถนำมาใช้ภายในงานได้ และเมื่อซื้อสินค้าทางบูธจะคืนเงินทอนให้ตามมูลค่า โดยขอความร่วมมือกับสำนักพิมพ์ที่ออกบูธ ขณะเดียวกันยังมอบคูปองสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี มูลค่า 100 บาท จำนวน 10,000 ใบ เพื่อกระตุ้นยอดขายสำนักพิมพ์ โดยคาดว่างานสัปดาห์หนังสือปีนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ยอดขายเพิ่มขึ้น 10% หรือมีเงินสะพัด 500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนผู้เข้าร่วมงานปีที่ผ่านมา 1.5ล้านคน
นางริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (ส.พ.จ.ท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจสำนักพิมพ์ปีนี้คาดว่าเติบโต 1-2% ขณะที่จีดีพีไม่เติบโต โดยปีนี้มูลค่าธุรกิจสำนักพิมพ์เพิ่มจาก 19,000 ล้านบาท เป็น 19,100-19,200 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน
สนพ.เล็กทยอยปิดกิจการ
ทั้งนี้พบว่าสำนักพิมพ์ขนาดเล็กจะทยอยปิดตัวหรือลดจำนวนการออกหนังสือใหม่ เพราะประสบกับภาวะขาดทุน โดยปีที่ผ่านมาสำนักพิมพ์ขนาดเล็กปิดตัวไปแล้ว 4-5 ราย จากตัวเลขธุรกิจสำนักพิมพ์ปีที่ผ่ามามูลค่า 18,900 ล้านบาท โต 3% และถือเป็นการเติบโตลดลงต่อเนื่อง 4 ปี
สำหรับทิศทางการแข่งขันธุรกิจสำนักพิมพ์ปีนี้มีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ปริมาณหนังสือใหม่มีแนวโน้มลดลงหรือคงที่ เทรนด์หนังสือที่มาแรงเป็นประเภทเยาวชน วรรณกรรม โดยมาจากสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่และกลาง จะเป็นผู้ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโต จากการปรับตัวมุ่งใช้กลยุทธ์การตลาดเพิ่มขึ้น ล่าสุดเริ่มขยายช่องทางจำหน่ายผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือออนไลน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะลูกค้าต่างจังหวัด สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ และขณะเดียวกันลูกค้ายังสามารถเลือกหนังสือได้ง่ายขึ้น
ชงอภิสิทธิ์อ่านหนังสือเป็นวาระแห่งชาติ
นางริสรวล กล่าวว่า ได้เตรียมเข้าพบนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อผลักดันการอ่านหนังสือสำหรับคนไทยให้เป็นวาระแห่งชาติ ในวันที่ 20 มีนาคม นี้ โดยได้จับมือร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมาคมนักเขียนและแปล และทีเค ปาร์ค เพราะมองว่าการอ่านหนังสือเป็นการพัฒนาประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ทางสมาคมผลักดันวาระดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนปี 2549 แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
ทั้งนี้ได้วางกรอบยุทธศาสตร์การผลักดันการอ่านหนังสือของคนไทย โดยได้นำเสนอให้นำระบบลดภาษีมาใช้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อซื้อหนังสือ 1 เล่ม จากต้องเสียภาษีปกติ 7% มาเป็น 0% การลดภาษีนิติบุคคลของบริษัท 2-3 เท่า หรือลดภาษีสำหรับบุคคลทั่วไปที่ซื้อหนังสือไม่เกิน 1 หมื่นบาท เนื่องจากพบว่า คนไทยยังอ่านหนังสือน้อยมากประมาณ 2 เล่มต่อคนต่อปี เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อปี 2548 อ่านหนังสือ 2.9 นาทีต่อวัน หรือประมาณ 8 บรรทัดต่อวันเท่านั้น
นอกจากนี้พบว่า แม้คนไทยมีเงินซื้อหนังสือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประมาณ 300 บาทต่อคนต่อปี หรือคิดเป็น 0.23% เมื่อเทียบกับรายได้ต่อหัว สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านความรู้อย่างเพียงพอ โดยภาครัฐควรมีนโยบายพิเศษ เพื่อผลักดันให้เกิดร้านจำหน่ายหนังสือ ร้านหนังสือเช่าจำนวนมาก และกระจายไปยังท้องถิ่นต่างๆ
อย่างไรก็ตามขณะนี้แนวทางการผลักดันดังกล่าว สอดคล้องกับแนวทางของทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส่งเสริมเรื่องการอ่านตามอัธยาศัย เพื่อรณรงค์ให้คนไทยอ่านหนังสือมากขึ้น ซึ่งขณะนี้วาระการอ่านหนังสือแห่งชาติได้ดำเนินการไปแล้ว 2 ส่วน โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างรอเข้าครม.ในเร็วๆ นี้
สัปดาห์หนังสือหั่นราคา15-30%
นางริสรวล กล่าวถึงการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 37 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 7 ว่า มีผู้มาร่วมงาน 450 สำนักพิมพ์ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ มาร่วมออกบูธกว่า 900 บูธ หรือมีหนังสือกว่า 1 ล้านเล่ม ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งภายในงานแต่ละสำนักพิมพ์จะลดราคาหนังสือเพิ่มขึ้นอีก 5-10% จากปกติลดราคา 10-20% หรือเพิ่มส่วนลดเป็น 15-30% ในปีนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเคลียร์หนังสือค้างสต็อกจากที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีหนังสือใหม่กว่า 3,000 เรื่อง
ใช้เช็ค2,000บ.งานสัปดาห์หนังสือได้
อีกทั้งภายในงานยังสามารถนำเช็ค 2,000 บาท จากทางรัฐบาลมอบให้ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท สามารถนำมาใช้ภายในงานได้ และเมื่อซื้อสินค้าทางบูธจะคืนเงินทอนให้ตามมูลค่า โดยขอความร่วมมือกับสำนักพิมพ์ที่ออกบูธ ขณะเดียวกันยังมอบคูปองสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี มูลค่า 100 บาท จำนวน 10,000 ใบ เพื่อกระตุ้นยอดขายสำนักพิมพ์ โดยคาดว่างานสัปดาห์หนังสือปีนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ยอดขายเพิ่มขึ้น 10% หรือมีเงินสะพัด 500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนผู้เข้าร่วมงานปีที่ผ่านมา 1.5ล้านคน