พวกเขาชอบโอ่ว่ามีเพื่อนเป็นร้อยที่ส่งข้อความ รูปภาพ เรื่องขำขัน และจู๊บ..จู๊บให้กัน แต่ในความเป็นจริง สมาชิกเฟซบุ๊กมีเพื่อนจริงๆ แค่ไม่กี่คน นอกจากนี้ นักวิจัยเมืองผู้ดียังเตือนว่า เว็บไซต์เครือข่ายสังคมอาจทำให้สมองหนุ่มสาวเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางลบ
การวิจัยโดยเว็บไซต์เครือข่ายสังคมแห่งนี้พบว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใช้แต่ละคนจะมีเครือข่ายเพื่อนกว่าร้อยคน แต่ที่ติดต่อด้วยจริงๆ มีไม่เกินสิบ ส่วนคนอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นคนรู้จักเหมือนกับเพื่อนที่เจอกันในงานปาร์ตี้เท่านั้น
ดร.คาเมรอน มาร์โลว์ นักสังคมศาสตร์ของเฟซบุ๊กคำนวณว่า โดยเฉลี่ยสมาชิกแต่ละคนจะมีผู้ใช้คนอื่นที่นับเป็นเพื่อน 120 คน อย่างไรก็ดี บางคนมีเครือข่ายเพื่อนมากกว่า 500 คน โดยผู้หญิงมีแนวโน้มมีเพื่อนมากกว่าผู้ชาย
ขณะที่ผู้ชายอ้างว่ามีเพื่อน 120 คน แต่คนที่ติดต่อด้วยเป็นประจำกลับมีเพียง 4 คนเท่านั้น สำหรับผู้หญิง จำนวนเพื่อนจริงๆ คือ 6
รายงานการวิจัยชิ้นนี้ที่ตีพิมพ์อยู่ในนิตยสารอิโคโนมิสต์ยังระบุว่า ผู้ชายที่มีเพื่อนออนไลน์ 500 คน จะมีคนที่คุยกันเป็นประจำเพียง 10 คน ขณะที่ฝ่ายหญิงมี 16 คน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า จริงๆ แล้วคนที่เป็นสมาชิกเว็บไซต์เครือข่ายสังคมไม่ได้มีเครือข่ายกว้างขวางตามที่เผยแพร่แง่มุมชีวิตให้คนรู้จักรอบนอกได้รู้
“มนุษย์เราอาจโฆษณาตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังคงมีเพื่อนสนิทกลุ่มเล็กๆ เหมือนที่เคยเป็นมา”
กระนั้น เกรแฮม โจนส์ นักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับผลกระทบจากอินเทอร์เน็ต มองว่ามีแนวโน้มที่ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 25 ปีจะมีเพื่อนออนไลน์มากกว่าผู้ใช้ที่อายุมากกว่านั้น และมองต่างมุมว่าเครือข่ายออนไลน์เป็นการส่งเสริมให้คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นในชีวิตจริงมากขึ้น โดยช่วยในการเอาชนะความเขินอาย
“คนที่มีกิจกรรมสังคมในเฟซบุ๊กมากที่สุดคือคนที่มีกิจกรรมสังคมในชีวิตจริงมากที่สุดเช่นเดียวกัน แรกเริ่มเดิมทีนั้นเฟซบุ๊กก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยจัดการชีวิตสังคมของเด็กมหาวิทยาลัย ต่อมาไซต์นี้ถูกนำไปใช้ในการจัดปาร์ตี้และกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นไซต์ที่ช่วยส่งเสริมการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านที่ต้องมีการพบปะสังสรรค์”
แต่ใช่ว่าทุกคนเห็นด้วยในเรื่องนี้ สัปดาห์ที่แล้ว ซูซาน กรีนฟิลด์ นักประสาทวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อังกฤษ และผู้อำนวยการรอยัล อินสติติวชัน ระบุว่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคมเป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมองหนุ่มสาว
กรีนฟิลด์เตือนว่าเว็บไซต์ อาทิ เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ และบีโบ ทำให้เยาวชนสมาธิสั้น กระตุ้นให้เกิดความพึงพอใจระยะสั้น และเห็นแก่ตัว
การวิจัยโดยเว็บไซต์เครือข่ายสังคมแห่งนี้พบว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใช้แต่ละคนจะมีเครือข่ายเพื่อนกว่าร้อยคน แต่ที่ติดต่อด้วยจริงๆ มีไม่เกินสิบ ส่วนคนอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นคนรู้จักเหมือนกับเพื่อนที่เจอกันในงานปาร์ตี้เท่านั้น
ดร.คาเมรอน มาร์โลว์ นักสังคมศาสตร์ของเฟซบุ๊กคำนวณว่า โดยเฉลี่ยสมาชิกแต่ละคนจะมีผู้ใช้คนอื่นที่นับเป็นเพื่อน 120 คน อย่างไรก็ดี บางคนมีเครือข่ายเพื่อนมากกว่า 500 คน โดยผู้หญิงมีแนวโน้มมีเพื่อนมากกว่าผู้ชาย
ขณะที่ผู้ชายอ้างว่ามีเพื่อน 120 คน แต่คนที่ติดต่อด้วยเป็นประจำกลับมีเพียง 4 คนเท่านั้น สำหรับผู้หญิง จำนวนเพื่อนจริงๆ คือ 6
รายงานการวิจัยชิ้นนี้ที่ตีพิมพ์อยู่ในนิตยสารอิโคโนมิสต์ยังระบุว่า ผู้ชายที่มีเพื่อนออนไลน์ 500 คน จะมีคนที่คุยกันเป็นประจำเพียง 10 คน ขณะที่ฝ่ายหญิงมี 16 คน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า จริงๆ แล้วคนที่เป็นสมาชิกเว็บไซต์เครือข่ายสังคมไม่ได้มีเครือข่ายกว้างขวางตามที่เผยแพร่แง่มุมชีวิตให้คนรู้จักรอบนอกได้รู้
“มนุษย์เราอาจโฆษณาตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังคงมีเพื่อนสนิทกลุ่มเล็กๆ เหมือนที่เคยเป็นมา”
กระนั้น เกรแฮม โจนส์ นักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับผลกระทบจากอินเทอร์เน็ต มองว่ามีแนวโน้มที่ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 25 ปีจะมีเพื่อนออนไลน์มากกว่าผู้ใช้ที่อายุมากกว่านั้น และมองต่างมุมว่าเครือข่ายออนไลน์เป็นการส่งเสริมให้คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นในชีวิตจริงมากขึ้น โดยช่วยในการเอาชนะความเขินอาย
“คนที่มีกิจกรรมสังคมในเฟซบุ๊กมากที่สุดคือคนที่มีกิจกรรมสังคมในชีวิตจริงมากที่สุดเช่นเดียวกัน แรกเริ่มเดิมทีนั้นเฟซบุ๊กก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยจัดการชีวิตสังคมของเด็กมหาวิทยาลัย ต่อมาไซต์นี้ถูกนำไปใช้ในการจัดปาร์ตี้และกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นไซต์ที่ช่วยส่งเสริมการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านที่ต้องมีการพบปะสังสรรค์”
แต่ใช่ว่าทุกคนเห็นด้วยในเรื่องนี้ สัปดาห์ที่แล้ว ซูซาน กรีนฟิลด์ นักประสาทวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อังกฤษ และผู้อำนวยการรอยัล อินสติติวชัน ระบุว่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคมเป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมองหนุ่มสาว
กรีนฟิลด์เตือนว่าเว็บไซต์ อาทิ เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ และบีโบ ทำให้เยาวชนสมาธิสั้น กระตุ้นให้เกิดความพึงพอใจระยะสั้น และเห็นแก่ตัว
