ASTVผู้จัดการรายวัน – น้ำมันพืชคิง รุกต่อยอดธุรกิจรอบ 32 ปี ลุยสร้างมูลค่าเพิ่ม 4-5 เท่า ปั้นโปรดักส์ไลน์น้ำมันทาป้อนอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง-สปา ตั้งการ์ดรับวิกฤตเศรษฐกิจกระทบส่งออกโต 10% เบนเข็มเจาะตลาดตะวันออกกลาง ระเบิดสินค้าใหม่น้ำมันสลัด น้ำมันผสมสมุนไพร ลงไตรมาส 2 หวังปลุกตลาดน้ำมันพืชบรรจุขวด 9,000 ล้านบาท หลังปีนี้โตแค่ 3-5% สิ้นปีรายได้รวมโต 10% กวาด 1,200 ล้านบาท
นายประวิทย์ สันติวัฒนา กรรมการบริหาร บริษัท น้ำมันบริโภคไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันรำข้าวคิง เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจน้ำมันรำข้าวคิงมา 32 ปี เพื่อต่อยอดและสร้างการเติบโต บริษัทวางแนวทางขยายโปรดักส์ไลน์จากการทำน้ำมันเพื่อการปรุงอาหารมาสู่การทา เนื่องจากสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในแง่รายได้ 4-5 เท่า โดยบริษัทผลิตน้ำมันป้อนแก่ให้กับอุตสาหกรรมสปา เครื่องสำอาง ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการ จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้กลุ่มน้ำมันทา 2-3% เมื่อเทียบกับน้ำมันเพื่อการกิน 97-98%
แม้ว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้ แต่คาดว่าตลาดอาหารจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอาหารที่เกี่ยวกับสุขภาพมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับการทำตลาดน้ำมันพืชในปีนี้ การส่งออกอาจทำตลาดลำบากมากขึ้น แต่บริษัทมีความพร้อมในการทำตลาดมากกว่า เทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 40
สำหรับตลาดน้ำมันพืชบรรจุขวดมูลค่า 9,000 ล้านบาท ปีนี้เติบโต 3-5% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว และราคาน้ำมันพืชที่ลดลง จึงเกิดการแข่งขันกลยุทธ์ราคา เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดน้ำมันพืชโตกว่า 10% โดยแบ่งเป็น น้ำมันรำข้าว 7% น้ำมันปาล์ม 65% ถั่วเหลือง 25% และอื่นๆ 3%
นโยบายการทำตลาดต่างประเทศ จากผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก มีแนวโน้มทำให้การส่งออกปีนี้ของบริษัทโต 10% ซึ่งหากเป็นภาวะปกติคาดว่าโต 20% จากช่วง 5 ปี การส่งออกของบริษัทเติบโต 20-25% บริษัทมุ่งขยายตลาดใหม่ อาทิ ตะวันออกกลาง ได้แก่ อียิปต์ โอมาน จอห์แดน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเจรจาตัวแทนจำหน่าย รวมทั้งรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีปัจจัยบวกหนุนน้ำมันพืชคิงทำตลาด จากการมีกฎหมายให้ร้านอาหารใช้น้ำมันพืชปราศจากกรดไขมันทรานส์
ทั้งนี้การขยายตลาดใหม่ๆ เพื่อทดแทนกับรายได้ที่หดตัวในบางตลาด โดยเฉพาะตลาดอเมริกามีสัดส่วนรายได้ 25-30% แต่ปัจจุบันการขยายตัวลดลง 10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนตลาดเอเชีย สัดส่วน 30% ในประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้น เกิดจากกระแสสุขภาพการตื่นตัวการใช้น้ำมันพืชปราศจากกรดไขมันทรานส์
นายประวิทย์ กล่าวว่า สำหรับการทำตลาดในประเทศ ช่วงไตรมาส 2 บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ได้แก่ น้ำมันสลัด และน้ำมันผสมสมุนไพร เพื่อตอบรับกระแสสุขภาพที่มาแรง ขณะเดียวกันขยายช่องทางจำหน่ายน้ำมันพืชคิงพรีเมียม ส่วนงบการตลาด 15 ล้านบาท เน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์ ผ่านการให้ความรู้เรื่องคุณประโยชน์ของน้ำมันรำข้างคิงและขยายฐานลูกค้า และอะโบฟ์เดอะไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้า 1,200 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา 1,100 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ในประเทศเพิ่มจาก 450 ล้านบาท เป็น 480 ล้านบาท และต่างประเทศเพิ่มจาก 650ล้านบาท เป็น 720ล้านบาท โดยปัจจุบันน้ำมันรำข้าวคิง เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 70-75% จากมูลค่า 630 ล้านบาท ส่วนบนของฟอร์ม
นายประวิทย์ สันติวัฒนา กรรมการบริหาร บริษัท น้ำมันบริโภคไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันรำข้าวคิง เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจน้ำมันรำข้าวคิงมา 32 ปี เพื่อต่อยอดและสร้างการเติบโต บริษัทวางแนวทางขยายโปรดักส์ไลน์จากการทำน้ำมันเพื่อการปรุงอาหารมาสู่การทา เนื่องจากสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในแง่รายได้ 4-5 เท่า โดยบริษัทผลิตน้ำมันป้อนแก่ให้กับอุตสาหกรรมสปา เครื่องสำอาง ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการ จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้กลุ่มน้ำมันทา 2-3% เมื่อเทียบกับน้ำมันเพื่อการกิน 97-98%
แม้ว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้ แต่คาดว่าตลาดอาหารจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอาหารที่เกี่ยวกับสุขภาพมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับการทำตลาดน้ำมันพืชในปีนี้ การส่งออกอาจทำตลาดลำบากมากขึ้น แต่บริษัทมีความพร้อมในการทำตลาดมากกว่า เทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 40
สำหรับตลาดน้ำมันพืชบรรจุขวดมูลค่า 9,000 ล้านบาท ปีนี้เติบโต 3-5% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว และราคาน้ำมันพืชที่ลดลง จึงเกิดการแข่งขันกลยุทธ์ราคา เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดน้ำมันพืชโตกว่า 10% โดยแบ่งเป็น น้ำมันรำข้าว 7% น้ำมันปาล์ม 65% ถั่วเหลือง 25% และอื่นๆ 3%
นโยบายการทำตลาดต่างประเทศ จากผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก มีแนวโน้มทำให้การส่งออกปีนี้ของบริษัทโต 10% ซึ่งหากเป็นภาวะปกติคาดว่าโต 20% จากช่วง 5 ปี การส่งออกของบริษัทเติบโต 20-25% บริษัทมุ่งขยายตลาดใหม่ อาทิ ตะวันออกกลาง ได้แก่ อียิปต์ โอมาน จอห์แดน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเจรจาตัวแทนจำหน่าย รวมทั้งรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีปัจจัยบวกหนุนน้ำมันพืชคิงทำตลาด จากการมีกฎหมายให้ร้านอาหารใช้น้ำมันพืชปราศจากกรดไขมันทรานส์
ทั้งนี้การขยายตลาดใหม่ๆ เพื่อทดแทนกับรายได้ที่หดตัวในบางตลาด โดยเฉพาะตลาดอเมริกามีสัดส่วนรายได้ 25-30% แต่ปัจจุบันการขยายตัวลดลง 10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนตลาดเอเชีย สัดส่วน 30% ในประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้น เกิดจากกระแสสุขภาพการตื่นตัวการใช้น้ำมันพืชปราศจากกรดไขมันทรานส์
นายประวิทย์ กล่าวว่า สำหรับการทำตลาดในประเทศ ช่วงไตรมาส 2 บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ได้แก่ น้ำมันสลัด และน้ำมันผสมสมุนไพร เพื่อตอบรับกระแสสุขภาพที่มาแรง ขณะเดียวกันขยายช่องทางจำหน่ายน้ำมันพืชคิงพรีเมียม ส่วนงบการตลาด 15 ล้านบาท เน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์ ผ่านการให้ความรู้เรื่องคุณประโยชน์ของน้ำมันรำข้างคิงและขยายฐานลูกค้า และอะโบฟ์เดอะไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้า 1,200 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา 1,100 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ในประเทศเพิ่มจาก 450 ล้านบาท เป็น 480 ล้านบาท และต่างประเทศเพิ่มจาก 650ล้านบาท เป็น 720ล้านบาท โดยปัจจุบันน้ำมันรำข้าวคิง เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 70-75% จากมูลค่า 630 ล้านบาท ส่วนบนของฟอร์ม