ASTVผู้จัดการรายวัน – นายกสมาคมอุตฯ ของเล่นไทย ชี้ศักยภาพการผลิตของเล่นในไทยพร้อมแข่งขัน หลังพลิกวิกฤตการเรียกคืนของเล่นที่ผลิตในจีนกลับ บริษัทยักษ์ใหญ่ หันมองไทย สั่งเพิ่มการผลิต คาดเทรนด์ของไทยจะเน้นไปที่วัสดุจากธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะไม้ยางพาราที่ไทยเป็นผู้นำอันดับต้น เชื่อโชว์ศักยภาพ BIG&BIH 2009 ต่างชาติจะเชื่อมั่นในสินค้าของเล่นไทยมากขึ้น จากคุณภาพผู้ประกอบการไทยที่มาออกบูธกว่า 50 ราย
นางดวงใจ คูห์ศรีวินิจ นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดส่งออกสินค้าประเภทของเล่นไทยว่า ตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2550 ที่ผ่านมา ตลาดโตแบบก้าวกระโดดคือ 18% จากเดิมโดยเฉลี่ยตลาดของเล่นในไทยอัตราการเติบโตอยู่ที่ 3-5% เท่านั้น สาเหตุเกิดจากคุณภาพสินค้าของจากประเทศจีนที่ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งๆ ที่เป็นการจ้างผลิตของเล่นจากบริษัทรายใหญ่ของโลก ส่งผลให้ผู้ผลิตต่างหันมามองสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ และมีผู้ความรับผลิตชอบต่อผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งหนีไม่พ้นตลาดของไทย ที่ยึดมั่นในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง
“ช่วงปี 2550 ที่ผ่านมาถือเป็นโอกาสตลาดส่งออกของเล่นไทย เพราะสินค้าจากประเทศจีนถูกตีกลับหมด จากการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นแบรนด์ของเล่นรายใหญ่ขากต่างประเทศ จึงสั่งเพิ่มกำลังการผลิตในไทยมากขึ้น จากการกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน รวมถึงมีการสร้างแรงจูงใจในเรื่องราคาที่ทางไทยได้ปรับราคาให้ลดลงมา เพื่อเพิ่มการตัดสินใจซื้อของลูกค้าต่างชาติมากขึ้น” นายกสมาคมอุตฯ ของเล่นไทยกล่าว
สำหรับตลาดขอเล่น ไทย ขณะนี้ยังถือว่าไม่เติบโตไม่เท่าที่ควร เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้ามาจากประเทศจีน เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า และผู้ปกครอง โดยเฉพาะคนชั้นกลางที่กลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของเล่นที่ควร ยังคิดเพียงว่าให้ของเล่นเป็นสิ่งฆ่าเวลาให้กับลูกเท่านั้น โดยไมได้คำนึงถึงความปลอดภัยในของเล่น ดังนั้นอุตสาหกรรมของเล่นไทยจึงเน้นไปที่ตลาดส่งออกประมาณ 80% ซึ่งมูลค่าตลาดรวมส่งออกของเล่นอยู่ที่ 237 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการและผู้ผลิตของเล่นไทย จะแสดงศักยภาพการผลิตสินค้าของเล่นที่ได้มาตรฐานสู่สายตาชาวต่างชาติ หวังขยายตลาดส่งออก โดยได้ร่วมกันออกบูธกว่า 50 ราย แสดงสินค้าในงาน BIG&BIH 2009 ระหว่างวันที่ 21-26 เมษายน 2552 เป็นวันเจรจาธุรกิจ 21-24 เมษายน เวลา 10.00-18.00 น. และวันจำหน่ายปลีก 25-26 เมษายน เวลา 10.00-21.00 น. ณ อาคาร 1-8 อิมแพค เมืองทองธานี บนพื้นที่ 47,000 ตารางเมตร โดยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 27 ภายใต้แนวคิด “Unique Lifestyle” คาดจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งทางยุโรป สหรัฐฯ และตลาดใหม่ อย่างประเทศแถบตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก ย้ายฐานการสั่งซื้อสินค้าประเภทของเล่นมายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
นางดวงใจ กล่าวต่อว่า สำหรับเทรนด์สินค้าประเภทของเล่นในอนาคตจะเน้นไปที่วัสดุจากธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการเพิ่มยอดส่งออกได้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการของไทยได้มีการผลิตของเล่นที่ทำจากไม้ยางพาราที่มีคุณภาพ โดยได้รับความไว้วางไจจากประเทศผู้นำเข้ามายาวนาน ดังนั้นเชื่อแน่ว่าตลาดส่งออกของเล่นไทยยังเติบโตได้ในเวทีการค้าโลก
นางดวงใจ คูห์ศรีวินิจ นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดส่งออกสินค้าประเภทของเล่นไทยว่า ตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2550 ที่ผ่านมา ตลาดโตแบบก้าวกระโดดคือ 18% จากเดิมโดยเฉลี่ยตลาดของเล่นในไทยอัตราการเติบโตอยู่ที่ 3-5% เท่านั้น สาเหตุเกิดจากคุณภาพสินค้าของจากประเทศจีนที่ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งๆ ที่เป็นการจ้างผลิตของเล่นจากบริษัทรายใหญ่ของโลก ส่งผลให้ผู้ผลิตต่างหันมามองสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ และมีผู้ความรับผลิตชอบต่อผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งหนีไม่พ้นตลาดของไทย ที่ยึดมั่นในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง
“ช่วงปี 2550 ที่ผ่านมาถือเป็นโอกาสตลาดส่งออกของเล่นไทย เพราะสินค้าจากประเทศจีนถูกตีกลับหมด จากการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นแบรนด์ของเล่นรายใหญ่ขากต่างประเทศ จึงสั่งเพิ่มกำลังการผลิตในไทยมากขึ้น จากการกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน รวมถึงมีการสร้างแรงจูงใจในเรื่องราคาที่ทางไทยได้ปรับราคาให้ลดลงมา เพื่อเพิ่มการตัดสินใจซื้อของลูกค้าต่างชาติมากขึ้น” นายกสมาคมอุตฯ ของเล่นไทยกล่าว
สำหรับตลาดขอเล่น ไทย ขณะนี้ยังถือว่าไม่เติบโตไม่เท่าที่ควร เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้ามาจากประเทศจีน เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า และผู้ปกครอง โดยเฉพาะคนชั้นกลางที่กลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของเล่นที่ควร ยังคิดเพียงว่าให้ของเล่นเป็นสิ่งฆ่าเวลาให้กับลูกเท่านั้น โดยไมได้คำนึงถึงความปลอดภัยในของเล่น ดังนั้นอุตสาหกรรมของเล่นไทยจึงเน้นไปที่ตลาดส่งออกประมาณ 80% ซึ่งมูลค่าตลาดรวมส่งออกของเล่นอยู่ที่ 237 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการและผู้ผลิตของเล่นไทย จะแสดงศักยภาพการผลิตสินค้าของเล่นที่ได้มาตรฐานสู่สายตาชาวต่างชาติ หวังขยายตลาดส่งออก โดยได้ร่วมกันออกบูธกว่า 50 ราย แสดงสินค้าในงาน BIG&BIH 2009 ระหว่างวันที่ 21-26 เมษายน 2552 เป็นวันเจรจาธุรกิจ 21-24 เมษายน เวลา 10.00-18.00 น. และวันจำหน่ายปลีก 25-26 เมษายน เวลา 10.00-21.00 น. ณ อาคาร 1-8 อิมแพค เมืองทองธานี บนพื้นที่ 47,000 ตารางเมตร โดยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 27 ภายใต้แนวคิด “Unique Lifestyle” คาดจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งทางยุโรป สหรัฐฯ และตลาดใหม่ อย่างประเทศแถบตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก ย้ายฐานการสั่งซื้อสินค้าประเภทของเล่นมายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
นางดวงใจ กล่าวต่อว่า สำหรับเทรนด์สินค้าประเภทของเล่นในอนาคตจะเน้นไปที่วัสดุจากธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการเพิ่มยอดส่งออกได้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการของไทยได้มีการผลิตของเล่นที่ทำจากไม้ยางพาราที่มีคุณภาพ โดยได้รับความไว้วางไจจากประเทศผู้นำเข้ามายาวนาน ดังนั้นเชื่อแน่ว่าตลาดส่งออกของเล่นไทยยังเติบโตได้ในเวทีการค้าโลก
