นายกสมาคมฯของเล่นเผยครึ่งปีแรกตลาดส่งออกไทยพุ่ง 20% ชี้ช่องว่างราคากับจีนแคบลง เหลือแค่ 15% จากเดิมที่ไทยแพงกว่า 30% เผยตลาดใหม่น่าสนใจ รัสเซีย บราซิล
นางสาวดวงใจ คูห์ศรีวินิจ นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย เปิดเผยว่า ตลาดส่งออกของเล่นของไทยมีอัตราการเติบโตที่ดีมาก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ พบว่า ตัวเลขการส่งออกเติบโตขึ้นมากถึง 20% ขณะที่ยอดตัวเลขการส่งออกทั้งอุตสาหกรรมเมื่อปีที่แล้วพบว่า มีประมาณ 213 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่ทำให้การส่งออกของเล่นไทยมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากว่า เมื่อปีที่แล้วที่ไทยได้หันมามุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการโปรโมทในเรื่องของ คุณภาพและความปลอดภัยของของเล่นที่ผลิตในไทย รวมทั้งดีไซน์ของเล่นที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงทำให้ตลาดขยายตัวอย่างมาก
ขณะเดียวกันแนวโน้มที่ราคาสินค้าของเล่นที่ผลิตจากไทยนั้น ก็เริ่มต่ำลงเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่ผลิตในประเทศจีนที่เป็นคู่แข่งสำคัญทางด้านราคา ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาสินค้าที่ผลิตจากไทยจะมีอัตราที่สูงกว่าที่ผลิตจากจีนประมาณ 30% โดยเฉลี่ย เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่แพงกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่า ราคาสินค้าเริ่มมีช่องว่างที่ใกล้กันมากขึ้น โดยพบว่าราคาของไทยสูงกว่าลดลงเหลือประมาณ 15% เท่านั้นเอง
“ตรงนี้เองที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดส่งออกของเล่น่ไทยโตเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะตลาดที่เจริญแล้วอย่างในยุโรป หรืออเมริกา ที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ และมีมาตรฐาน แม้ว่าจะมีราคาแพงขึ้นก็ตาม ซึ่งหากเป็นไปได้ในอนาคตโอกาสที่ต้นทุนการผลิตของไทยจะต่ำลงและราคาสินค้าที่ไม่แตกต่างจากที่ผลิตจากจีนมากนักขณะที่คุณภาพดีกว่า แน่นอนว่าตลาดต่างประเทศต้องหันมาออร์เดอร์จากไทย ก็จะทำให้ไทยได้ตลาดใหญ่ๆเพิ่มขึ้นอีกมากด้วย” นางสาวดวงใจกล่าว
ปัจจุบันตลาดใหญ่ของเล่นจากไทยคือ อเมริกา ซึ่งครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ ตลาดในอเมริกามีการเติบโตมากถึง 30% นอกจากนั้นตลาดที่เริ่มมาแรงและเป็นที่น่าสนใจเช่น บราซิล ซึ่งครึ่งปีแรกนี้เติบโตกว่า 1,000% แต่ก็ยังมีอุปสรรคโดยเฉพาะเรื่องของการกีดกันทางการค้า และการตรวจสอบที่เข้มงวด และตลาดอีกแห่งที่น่าสนใจคือ รัสเซีย น่าจับตามองอย่างมาก เพราะรัสเซียเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันรายใหญ่รายหนึ่งของโลก ประชากรมีกำลังซื้อสูง มีผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่กี่รายเท่านั้นเอง ซึ่งหากเจาะตลาดนี้ได้ก็จะทำให้มูลค่าส่งออกเพิ่มมากขึ้นอีก
ส่วนตลาดที่ใหญ่และเป็นตลาดหลักก็เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเซ็กเม้นท์ของเล่นที่ได้รับความสนใจและเติบโตดีคือ ของเล่นเพื่อเสริมทักษะ หรือประเภท เอดดูเทนเม้นท์ ซึ่งเป็นเทรนด์ไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม หากมองสภาพในประเทศไทยเองนั้น ถึงแม้ว่าการส่งออกจะดีก็ตาม แต่ในแง่ของการผลิตพบว่า ขณะนี้แทบจะไม่มีผู้ประกอบการของเล่นรายใดที่เพิ่มกำลังผลิตมากนัก เนื่องจากว่าปัญหาด้านการเมืองและเศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการลงทุน ซึ่งตลาดของเล่นเด็กในไทยมีมูลค่ามากกว่า 12,000 ล้านบาท ก็ยังคงเพิ่มเช่นกัน
นางสาวดวงใจ คูห์ศรีวินิจ นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย เปิดเผยว่า ตลาดส่งออกของเล่นของไทยมีอัตราการเติบโตที่ดีมาก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ พบว่า ตัวเลขการส่งออกเติบโตขึ้นมากถึง 20% ขณะที่ยอดตัวเลขการส่งออกทั้งอุตสาหกรรมเมื่อปีที่แล้วพบว่า มีประมาณ 213 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่ทำให้การส่งออกของเล่นไทยมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากว่า เมื่อปีที่แล้วที่ไทยได้หันมามุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการโปรโมทในเรื่องของ คุณภาพและความปลอดภัยของของเล่นที่ผลิตในไทย รวมทั้งดีไซน์ของเล่นที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงทำให้ตลาดขยายตัวอย่างมาก
ขณะเดียวกันแนวโน้มที่ราคาสินค้าของเล่นที่ผลิตจากไทยนั้น ก็เริ่มต่ำลงเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่ผลิตในประเทศจีนที่เป็นคู่แข่งสำคัญทางด้านราคา ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาสินค้าที่ผลิตจากไทยจะมีอัตราที่สูงกว่าที่ผลิตจากจีนประมาณ 30% โดยเฉลี่ย เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่แพงกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่า ราคาสินค้าเริ่มมีช่องว่างที่ใกล้กันมากขึ้น โดยพบว่าราคาของไทยสูงกว่าลดลงเหลือประมาณ 15% เท่านั้นเอง
“ตรงนี้เองที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดส่งออกของเล่น่ไทยโตเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะตลาดที่เจริญแล้วอย่างในยุโรป หรืออเมริกา ที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ และมีมาตรฐาน แม้ว่าจะมีราคาแพงขึ้นก็ตาม ซึ่งหากเป็นไปได้ในอนาคตโอกาสที่ต้นทุนการผลิตของไทยจะต่ำลงและราคาสินค้าที่ไม่แตกต่างจากที่ผลิตจากจีนมากนักขณะที่คุณภาพดีกว่า แน่นอนว่าตลาดต่างประเทศต้องหันมาออร์เดอร์จากไทย ก็จะทำให้ไทยได้ตลาดใหญ่ๆเพิ่มขึ้นอีกมากด้วย” นางสาวดวงใจกล่าว
ปัจจุบันตลาดใหญ่ของเล่นจากไทยคือ อเมริกา ซึ่งครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ ตลาดในอเมริกามีการเติบโตมากถึง 30% นอกจากนั้นตลาดที่เริ่มมาแรงและเป็นที่น่าสนใจเช่น บราซิล ซึ่งครึ่งปีแรกนี้เติบโตกว่า 1,000% แต่ก็ยังมีอุปสรรคโดยเฉพาะเรื่องของการกีดกันทางการค้า และการตรวจสอบที่เข้มงวด และตลาดอีกแห่งที่น่าสนใจคือ รัสเซีย น่าจับตามองอย่างมาก เพราะรัสเซียเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันรายใหญ่รายหนึ่งของโลก ประชากรมีกำลังซื้อสูง มีผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่กี่รายเท่านั้นเอง ซึ่งหากเจาะตลาดนี้ได้ก็จะทำให้มูลค่าส่งออกเพิ่มมากขึ้นอีก
ส่วนตลาดที่ใหญ่และเป็นตลาดหลักก็เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเซ็กเม้นท์ของเล่นที่ได้รับความสนใจและเติบโตดีคือ ของเล่นเพื่อเสริมทักษะ หรือประเภท เอดดูเทนเม้นท์ ซึ่งเป็นเทรนด์ไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม หากมองสภาพในประเทศไทยเองนั้น ถึงแม้ว่าการส่งออกจะดีก็ตาม แต่ในแง่ของการผลิตพบว่า ขณะนี้แทบจะไม่มีผู้ประกอบการของเล่นรายใดที่เพิ่มกำลังผลิตมากนัก เนื่องจากว่าปัญหาด้านการเมืองและเศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการลงทุน ซึ่งตลาดของเล่นเด็กในไทยมีมูลค่ามากกว่า 12,000 ล้านบาท ก็ยังคงเพิ่มเช่นกัน