วานนี้(2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรม พระสุพจน์ สุวโจ ประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ สถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม จำนวนกว่า 1,500 ไร่ ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ล่าสุด พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ คืนวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า มีไฟไหม้สวนป่าอนุรักษ์เมตตาธรรมกว่า 200 ไร่ และไฟลุกลามอยู่นานกว่า 4 ชั่วโมง จนถึงเที่ยงคืน ซึ่งขณะเกิดเหตุมีชาวบ้านสังเกตเห็น ไฟไหม้พร้อมกันหลายจุด และยังเห็นคล้ายแสงไฟฉายส่อง จึงคาดว่าเหตุไฟไหม้ดังกล่าว ไม่น่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่น่าจะมีคนร้ายเข้ามาเผา สำหรับความเสียหาย พบว่า มีต้นไม้สักถูกไฟไหม้ ประมาณ 3,000 ต้น กล้วยที่ปลูกไว้กว่า 1,000 ต้น รวมทั้งไม้ยืนต้นตามธรรมชาติอื่นๆ
"ขณะเกิดเหตุมีชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ อบต.และผู้ใหญ่บ้านหลายสิบคน ไปช่วยกันดับไฟ แต่ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นช่วงหน้าแล้ง หญ้าคา และใบไม้ตามพื้นค่อนข้างแห้ง ทำให้พื้นป่าเสียหายกว่า 200 ไร่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ฉีดน้ำเป็นแนวกันไฟไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ ส่วนที่วัดมีเพียงพระพระมหาเชิดชัยและชาวบ้าน 2-3 ครอบครัว จนประมาณเที่ยงคืนเพลิงไหม้จึงสงบลง” พระกิตติศักดิ์ กล่าว
พระกิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า การเกิดไฟไหม้ครั้งนี้ น่าจะมาจากความพยายามที่จะรื้อฟื้นคดีของพระสุพจน์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็มีเสียงยิงปืนขู่หลายนัดที่วัด และมีกลุ่มชายฉกรรจ์ นั่งรถกระบะเข้าไปสอบถามชาวบ้านในพื้นที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของพระสวนเมตตาธรรม กระทั่งล่าสุด โทรทัศน์ช่อง 9 รายการ “ตรวจสอบความจริง” ได้ออกอากาศกรณีการเสียชีวิตของพระสุพจน์ ในช่วงหลังข่าวประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง โดยนำเสนอว่าสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่บุกรุกป่าและความขัดแย้งประเด็นการเมือง หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเกิดไฟไหม้ที่สวนเมตตาธรรมขึ้น
"การเกิดไฟไหม้ครั้งนี้ คาดว่า เป็นการส่งสัญญาณในพื้นที่ให้ทราบว่า คนร้ายยังจะมีการใช้ความรุนแรงอยู่" พระกิตติศักดิ์ ตั้งข้อสังเกต
ด้านพ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ พนักงานสอบสวนเข้าของคดี กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีไฟไหม้สวนป่าเมตตาธรรมเบื้องต้นทราบว่าเหตุเกิดประมาณ 2 ทุ่มเศษ หลังมีการออกอากาศรายการ “ตรวจสอบความจริง” ทางช่อง 9 หลังข่าวภาคค่ำ
โดยมีการพูดถึงประเด็นสาเหตุการเสียชีวิตของพระสุพจน์ ที่อาจเชื่อมโยงกับการบุกรุกป่าในพื้นที่ และประเด็นทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เร่งเข้าไปตรวจสอบข้อมูลพื้นที่แล้ว คาดว่า อีก 1-2 วัน คงจะทราบข้อเท็จจริงของการเกิดไฟไหม้
"ขณะเกิดเหตุมีชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ อบต.และผู้ใหญ่บ้านหลายสิบคน ไปช่วยกันดับไฟ แต่ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นช่วงหน้าแล้ง หญ้าคา และใบไม้ตามพื้นค่อนข้างแห้ง ทำให้พื้นป่าเสียหายกว่า 200 ไร่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ฉีดน้ำเป็นแนวกันไฟไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ ส่วนที่วัดมีเพียงพระพระมหาเชิดชัยและชาวบ้าน 2-3 ครอบครัว จนประมาณเที่ยงคืนเพลิงไหม้จึงสงบลง” พระกิตติศักดิ์ กล่าว
พระกิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า การเกิดไฟไหม้ครั้งนี้ น่าจะมาจากความพยายามที่จะรื้อฟื้นคดีของพระสุพจน์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็มีเสียงยิงปืนขู่หลายนัดที่วัด และมีกลุ่มชายฉกรรจ์ นั่งรถกระบะเข้าไปสอบถามชาวบ้านในพื้นที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของพระสวนเมตตาธรรม กระทั่งล่าสุด โทรทัศน์ช่อง 9 รายการ “ตรวจสอบความจริง” ได้ออกอากาศกรณีการเสียชีวิตของพระสุพจน์ ในช่วงหลังข่าวประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง โดยนำเสนอว่าสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่บุกรุกป่าและความขัดแย้งประเด็นการเมือง หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเกิดไฟไหม้ที่สวนเมตตาธรรมขึ้น
"การเกิดไฟไหม้ครั้งนี้ คาดว่า เป็นการส่งสัญญาณในพื้นที่ให้ทราบว่า คนร้ายยังจะมีการใช้ความรุนแรงอยู่" พระกิตติศักดิ์ ตั้งข้อสังเกต
ด้านพ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ พนักงานสอบสวนเข้าของคดี กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีไฟไหม้สวนป่าเมตตาธรรมเบื้องต้นทราบว่าเหตุเกิดประมาณ 2 ทุ่มเศษ หลังมีการออกอากาศรายการ “ตรวจสอบความจริง” ทางช่อง 9 หลังข่าวภาคค่ำ
โดยมีการพูดถึงประเด็นสาเหตุการเสียชีวิตของพระสุพจน์ ที่อาจเชื่อมโยงกับการบุกรุกป่าในพื้นที่ และประเด็นทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เร่งเข้าไปตรวจสอบข้อมูลพื้นที่แล้ว คาดว่า อีก 1-2 วัน คงจะทราบข้อเท็จจริงของการเกิดไฟไหม้
