นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงข่าวการออกหมายจับ 21 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีข่าวว่านายกษิต มีชื่ออยู่ด้วยว่า ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย รัฐบาล นาย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีรวะ นายกรัฐมนตรี เคารพกฎหมาย เล่นตามกติกา ใครก็ตามที่ต้องตกไปอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ก็ต้องเข้าไปอยู่ในกระบวนการยุติธรรม จะมากจะน้อย ขั้นตอนต่างๆ ต้องดูในรายละเอียด
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงมีการเรียกร้องให้ตัวท่านลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศจะกระทบต่อการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือไม่นั้น นายกษิต กล่าวว่า ไม่ ตนไม่รู้จะมาเรียกร้องตนด้วยเนื้อหาสาระอะไร สองเดือนที่ผ่านมาสื่อก็เห็นว่าทำงานอะไรกันไปบ้างทั้งโดยรัฐบาลและโดยกระทรวงการต่างประเทศ เราทำงานกันไม่หยุดยั้ง นโยบายที่นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมาชัดเจน กฎหมายต่างๆโดยเฉพาะงบประมาณกลางปีที่จะช่วยจุนเจือภาวะเศรษฐกิจของคนไทย ทุกคนได้ผ่านไปหมดแล้ว เงินจะถึงมือประชาชนภายในเดือนเมษายนนี้ เราทำงานอย่างเต็มที่ สิ่งนี้สะท้อนออกไปในต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบจะมีสาเหตุอันใดไม่ชอบหน้ากันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่ตนเข้ามาทำงาน
ส่วนที่มีข่าวถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เคยวิเคราะห์หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด นายกษิต กล่าวว่า คิดว่าประชาชนชาวไทย 35 ล้านคนตระหนักดีว่ารัฐบาลนี้ได้ทำอะไรและกำลังทำอะไรอยู่และจะทำอะไร
แน่นอนอาจจะมีคนไม่กี่พันคนทำการประท้วง ประท้วงกันได้ทุกวันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ที่ญี่ปุ่นมีการประท้วงกันทุกวัน มันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นประชาธิปไตยของสังคมไทย อยากจะประท้วงก็ประท้วง หากการประท้วงมีสาระเนื้อหา สังคมไทยก็จะรับฟัง แต่ถ้าการประท้วงแล้วไร้สาระมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คิดว่าประชาชนชาวไทยคงทราบดีว่าอะไรเป็นอะไร คงไม่ต้องไปแจง แต่รัฐบาลนี้ทำงานมาแล้ว 2 เดือน มีผลงาน และจะมีผลงานต่อและอะไรที่ให้คำสั่นสัญญาต่อสังคมก็จะทำไม่มีการหลีกเลี่ยงหรือหนีความรับผิดชอบใดๆ เลยทั้งสิ้นและสิ่งที่จะทำนั้นพูดชัดว่าจะทำอะไรบ้าง ไม่ต้องห่วงครับ
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงการดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ 21 คน ว่า คณะทำงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ส่งสำนวนการสอบสวนกรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมหน้ารัฐสภา ไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาแล้ว ส่วนจะออกหมายเรียกเพื่อนำไปสู่การออกหมายจับใครบ้างนั้น เป็นหน้าที่ของคณะทำงานระดับ สตช.ที่ต้องดำเนินการ ซึ่งผู้ที่กระทำความผิดที่มีการออกหมายเรียกนั้น ส่วนใหญ่ เป็นแกนนำที่สั่งการให้ผู้ชุมนุมบุกรุกเข้าไปภายในรัฐสภา และให้ผู้ชุมนุมปิดล้อม ทางเข้า-ออกไม่ให้คณะรัฐบาล ส.ส.และ ส.ว. เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่ผ่านมา
ส่วนคดีบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล และสนามบินสุวรรณภูมินั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ยังไม่เสร็จสิ้นแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเตรียมออกหมายเรียกครั้งนี้มีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศด้วยหรือไม่ รอง ผบช.น. กล่าวว่า ที่ออกหมายเรียกเป็นคดีหน้ารัฐสภา ส่วนกรณีของนายกษิต ที่ขึ้นเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาลนั้นเป็นคนละคดีกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 ก.พ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้เปิดชื่อแกนนำพันธมิตรฯ ที่ถูกทาง บช.น.เสนอให้ออกหมายเรียก หรือหมายจับ 21 คน ดังนี้ 1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 3.นายสุริยะใส กตะศิลา 4.นายสำราญ รอดเพชร 5.นายสาวิต แก้วหวาน 6.นายวีระ สมความคิด 7.นายกิตติชัย ใสสะอาด 8.นายสุชาติ ศรีสังข์ 9.นายพิภพ ธงไชย 10.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
11.นายอมร รันตานนท์ 12.นายศิริชัย ไม้งาม 13.นายพิชิต ชัยมงคล 14.นายอำนาจ พละมี 15.นายประยุทธ วีระกิตตื 16.นายสมบูรณ์ ทองบุราน 17.นายประพันธ์ คูณมี 18.นายพิเชษฐ พัฒนโชติ 19.นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี 20.นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และ 21.น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงมีการเรียกร้องให้ตัวท่านลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศจะกระทบต่อการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือไม่นั้น นายกษิต กล่าวว่า ไม่ ตนไม่รู้จะมาเรียกร้องตนด้วยเนื้อหาสาระอะไร สองเดือนที่ผ่านมาสื่อก็เห็นว่าทำงานอะไรกันไปบ้างทั้งโดยรัฐบาลและโดยกระทรวงการต่างประเทศ เราทำงานกันไม่หยุดยั้ง นโยบายที่นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมาชัดเจน กฎหมายต่างๆโดยเฉพาะงบประมาณกลางปีที่จะช่วยจุนเจือภาวะเศรษฐกิจของคนไทย ทุกคนได้ผ่านไปหมดแล้ว เงินจะถึงมือประชาชนภายในเดือนเมษายนนี้ เราทำงานอย่างเต็มที่ สิ่งนี้สะท้อนออกไปในต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบจะมีสาเหตุอันใดไม่ชอบหน้ากันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่ตนเข้ามาทำงาน
ส่วนที่มีข่าวถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เคยวิเคราะห์หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด นายกษิต กล่าวว่า คิดว่าประชาชนชาวไทย 35 ล้านคนตระหนักดีว่ารัฐบาลนี้ได้ทำอะไรและกำลังทำอะไรอยู่และจะทำอะไร
แน่นอนอาจจะมีคนไม่กี่พันคนทำการประท้วง ประท้วงกันได้ทุกวันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ที่ญี่ปุ่นมีการประท้วงกันทุกวัน มันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นประชาธิปไตยของสังคมไทย อยากจะประท้วงก็ประท้วง หากการประท้วงมีสาระเนื้อหา สังคมไทยก็จะรับฟัง แต่ถ้าการประท้วงแล้วไร้สาระมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คิดว่าประชาชนชาวไทยคงทราบดีว่าอะไรเป็นอะไร คงไม่ต้องไปแจง แต่รัฐบาลนี้ทำงานมาแล้ว 2 เดือน มีผลงาน และจะมีผลงานต่อและอะไรที่ให้คำสั่นสัญญาต่อสังคมก็จะทำไม่มีการหลีกเลี่ยงหรือหนีความรับผิดชอบใดๆ เลยทั้งสิ้นและสิ่งที่จะทำนั้นพูดชัดว่าจะทำอะไรบ้าง ไม่ต้องห่วงครับ
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงการดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ 21 คน ว่า คณะทำงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ส่งสำนวนการสอบสวนกรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมหน้ารัฐสภา ไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาแล้ว ส่วนจะออกหมายเรียกเพื่อนำไปสู่การออกหมายจับใครบ้างนั้น เป็นหน้าที่ของคณะทำงานระดับ สตช.ที่ต้องดำเนินการ ซึ่งผู้ที่กระทำความผิดที่มีการออกหมายเรียกนั้น ส่วนใหญ่ เป็นแกนนำที่สั่งการให้ผู้ชุมนุมบุกรุกเข้าไปภายในรัฐสภา และให้ผู้ชุมนุมปิดล้อม ทางเข้า-ออกไม่ให้คณะรัฐบาล ส.ส.และ ส.ว. เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่ผ่านมา
ส่วนคดีบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล และสนามบินสุวรรณภูมินั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ยังไม่เสร็จสิ้นแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเตรียมออกหมายเรียกครั้งนี้มีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศด้วยหรือไม่ รอง ผบช.น. กล่าวว่า ที่ออกหมายเรียกเป็นคดีหน้ารัฐสภา ส่วนกรณีของนายกษิต ที่ขึ้นเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาลนั้นเป็นคนละคดีกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 ก.พ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้เปิดชื่อแกนนำพันธมิตรฯ ที่ถูกทาง บช.น.เสนอให้ออกหมายเรียก หรือหมายจับ 21 คน ดังนี้ 1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 3.นายสุริยะใส กตะศิลา 4.นายสำราญ รอดเพชร 5.นายสาวิต แก้วหวาน 6.นายวีระ สมความคิด 7.นายกิตติชัย ใสสะอาด 8.นายสุชาติ ศรีสังข์ 9.นายพิภพ ธงไชย 10.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
11.นายอมร รันตานนท์ 12.นายศิริชัย ไม้งาม 13.นายพิชิต ชัยมงคล 14.นายอำนาจ พละมี 15.นายประยุทธ วีระกิตตื 16.นายสมบูรณ์ ทองบุราน 17.นายประพันธ์ คูณมี 18.นายพิเชษฐ พัฒนโชติ 19.นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี 20.นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และ 21.น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์