ASTV ผู้จัดการรายวัน – แฉเลห์กองทุนเทมาเส็กฯ ขนเงินกลับสิงคโปร์ หลังบีบ “ชิน คอร์ปอเรชั่น” นำกำไรสะสมมาจ่ายปันผลสูงถึงหุ้นละ 2.40 บาท จากปี 51 ทำกำไรต่อหุ้นไว้แค่ 1.76 บาท พร้อมประกาศจ่ายปันผลล่วงหน้างวด 1 ม.ค. – 9 ม.ค. 52 อีกหุ้นละ 1.25 บาท และปี 52 ทั้งปี 3.30 บาท ระบุระยะเวลา 2 ปี เทมาเส็กฯ รับเต็มๆ เกือบ 1.8 หมื่นล้านบาท ด้านวงการหุ้น เผยเทมาเส็กฯ หวังขนเงินกลับไว้สำรองเพิ่มสภาพคล่องในอนาคต หลังเกิดวิกฤตการเงินโลก
นายสมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 5,649.36 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.76 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 960.00 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.30 บาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 4,689.36 ล้านบาท คิดเป็น 488.48%
ทั้งนี้ ในปี 2552 บริษัทมีรายได้หลักๆ จากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโทรคมนาคมไร้สายในประเทศซึ่งดำเนินการโดยบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (ADVANC) ลดลง 2.5% จากปี 2550 ธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจต่างประเทศจากบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (THCOM) มีส่วนแบ่งผลขาดทุน 270 ล้านบาท จากปีก่อนมีส่วนแบ่งผลกำไร 1,290 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจสื่อและโฆษณามีผลขาดทุน 432 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุน 2,450 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทไม่มีผลขาดทุนจากธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภค จากปีก่อนขรับรู้ผลขาดทุนถึง 3,481 ล้านบาท หลังจากได้ขายกิจการดังกล่าวออกไปเดือนธันวาคม 2550
เมื่อพิจารณาผลการดำเนินของกลุ่มชินคอร์ป รวมทั้งสิ้น 5 บริษัท ได้แก่ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บมจ. ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) บมจ. ไอทีวี (ITV) บมจ. ไทยคม (THCOM) และ SHIN พบว่ามีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 21,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 17,830.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.12% (ตารางประกอบข่าวหน้า 18)
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2552 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2551 และเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 9 เมษายน 2552 โดยผลการดำเนินงานปี 51 อนุมัติจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 2.40 บาท รวมเป็นเงินทังสิ้น 7,682 ล้านบาท และเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1 ม.ค. – 9 เม.ย. 2552 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 4,001 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1 ม.ค. – 9 เม.ย. 52 อยู่บนเงื่อนไขที่จะต้องได้รับการอนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 ของบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่จะประชุมในวันที่ 8 เมษายน 2552 โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผลในวันที่ 23 เมษายน 2552 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2552
สำหรับการจ่ายเงินปันผลพิเศษในงวดนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC (SHIN ถือหุ้นอยู่ 42.67%) เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 52 มีมติเสนอวาระการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 3.30 บาท โดยประมาณการงบการเงินระหว่างกาลของ ADVANC งวดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 9 เมษายน 52 มีกำไรสุทธิประมาณ 4,111 ล้านบาท และมียอดกำไรสะสมประมาณ 4,476 ล้านบาท คณะกรรมการจึงพิจารณาเสนอให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากยอดกำไรสะสมดังกล่าว
จากการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 3.30 บาท จะทำให้ SHIN สามารถจะรับรู้รายได้เงินปันผลจำนวน 4,170.2 ล้านบาท (1,263,712,000 หุ้น x 3.30 บาท) ขณะที่การประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (1 ม.ค. – 9 เม.ย. 52) ในอัตราหุ้นละ1.25 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 4,001 ล้านบาท
ด้านแหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ ได้ให้ความเห็นว่า การประกาศจ่ายเงินปันผลของบมจ. ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) น่าจะได้รับแรงผลักดันจากกองทุนเทมาเส็ก สิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกือบทั้งหมด หลังจากเข้าซื้อหุ้นจากกตระกูลชินวัตรและดามาพงษ์ เครือญาติของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดยถือหุ้นผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด จำนวน 1,742,407,239 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 54.43% และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้ง จำกัด 1,334,354,825 หุ้น หรือคิดเป็น 41.68% รวมทั้งสิ้น 3,076,762,064 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 96.11% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วทั้งหมด
ทั้งนี้ ฐานะทางการเงินของกลุ่มเทมาเส็ก สิงคโปร์ ได้ประสบปัญหาด้านสภาพคล่องเช่นเดียวกันกับสถาบันการเงินทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตทางการเงินทั่วโลก จนส่งผลต่อสภาพคล่องการเงินทั่วโลก ดังนั้นกองทุนเทมาเส็ก จึงจำเป็นต้องขายเงินลงทุนและนำเงินลงทุนกลับไปไว้เสริมฐานะการเงินของตนเอง
จากการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่จะได้รับในวันที่ 8 เมษายน 52 นี้ ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท จะทำให้เทมาเส็กได้รับเงินปันผลจาก SHIN จำนวนทั้งสิ้น 3,845.95 ล้านบาท หลังได้รับเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดปี 51 รวมกว่า 7,384,23 ล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 51 เทมาเส็กได้รับเงินปันผลจากชินคอร์ปรวมแล้วกว่า 11,230.18 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากเทมาเส็กฯ ถือหุ้นระยะยาวตลอดปี 52 จะทำให้เทมาเส็กฯ ได้รับเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 3.30 บาท ตามที่คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ในระยะเวลาผลการดำเนินงาน 2 ปี (51-52) เทมาเส็กฯ จะได้รับเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 17,537.54 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ได้มีการตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า เทมาเส็กฯ ได้ใช้อำนาจในการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ชินคอร์ป เสนอให้นำกำไรสะสมที่มีอยู่มาจ่ายเงินปันผล เนื่องจากประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง โดยเห็นได้จากในปี 2551 SHIN มีกำไรสุทธิต่อหุ้นเพียง 1.79 บาท แต่ประกาศจ่ายเงินปันผลถึง 2.40 บาท
ขณะเดียวกันยังใช้อำนาจในฐานะที่ SHIN เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทย่อยเสนอให้บริษัทที่มีผลกำไรสุทธิจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงเช่นเดียวกัน ประกอบด้วย ADVANC และ CSL ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 5.54 บาท และ 0.28 บาท แต่จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 6.30 บาท และ 0.72 บาท ตามลำดับ
นายสมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 5,649.36 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.76 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 960.00 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.30 บาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 4,689.36 ล้านบาท คิดเป็น 488.48%
ทั้งนี้ ในปี 2552 บริษัทมีรายได้หลักๆ จากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโทรคมนาคมไร้สายในประเทศซึ่งดำเนินการโดยบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (ADVANC) ลดลง 2.5% จากปี 2550 ธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจต่างประเทศจากบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (THCOM) มีส่วนแบ่งผลขาดทุน 270 ล้านบาท จากปีก่อนมีส่วนแบ่งผลกำไร 1,290 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจสื่อและโฆษณามีผลขาดทุน 432 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุน 2,450 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทไม่มีผลขาดทุนจากธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภค จากปีก่อนขรับรู้ผลขาดทุนถึง 3,481 ล้านบาท หลังจากได้ขายกิจการดังกล่าวออกไปเดือนธันวาคม 2550
เมื่อพิจารณาผลการดำเนินของกลุ่มชินคอร์ป รวมทั้งสิ้น 5 บริษัท ได้แก่ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บมจ. ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) บมจ. ไอทีวี (ITV) บมจ. ไทยคม (THCOM) และ SHIN พบว่ามีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 21,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 17,830.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.12% (ตารางประกอบข่าวหน้า 18)
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 2/2552 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2551 และเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 9 เมษายน 2552 โดยผลการดำเนินงานปี 51 อนุมัติจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 2.40 บาท รวมเป็นเงินทังสิ้น 7,682 ล้านบาท และเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1 ม.ค. – 9 เม.ย. 2552 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 4,001 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1 ม.ค. – 9 เม.ย. 52 อยู่บนเงื่อนไขที่จะต้องได้รับการอนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 ของบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่จะประชุมในวันที่ 8 เมษายน 2552 โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผลในวันที่ 23 เมษายน 2552 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2552
สำหรับการจ่ายเงินปันผลพิเศษในงวดนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC (SHIN ถือหุ้นอยู่ 42.67%) เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 52 มีมติเสนอวาระการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 3.30 บาท โดยประมาณการงบการเงินระหว่างกาลของ ADVANC งวดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 9 เมษายน 52 มีกำไรสุทธิประมาณ 4,111 ล้านบาท และมียอดกำไรสะสมประมาณ 4,476 ล้านบาท คณะกรรมการจึงพิจารณาเสนอให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากยอดกำไรสะสมดังกล่าว
จากการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 3.30 บาท จะทำให้ SHIN สามารถจะรับรู้รายได้เงินปันผลจำนวน 4,170.2 ล้านบาท (1,263,712,000 หุ้น x 3.30 บาท) ขณะที่การประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (1 ม.ค. – 9 เม.ย. 52) ในอัตราหุ้นละ1.25 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 4,001 ล้านบาท
ด้านแหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ ได้ให้ความเห็นว่า การประกาศจ่ายเงินปันผลของบมจ. ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) น่าจะได้รับแรงผลักดันจากกองทุนเทมาเส็ก สิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกือบทั้งหมด หลังจากเข้าซื้อหุ้นจากกตระกูลชินวัตรและดามาพงษ์ เครือญาติของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดยถือหุ้นผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด จำนวน 1,742,407,239 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 54.43% และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้ง จำกัด 1,334,354,825 หุ้น หรือคิดเป็น 41.68% รวมทั้งสิ้น 3,076,762,064 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 96.11% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วทั้งหมด
ทั้งนี้ ฐานะทางการเงินของกลุ่มเทมาเส็ก สิงคโปร์ ได้ประสบปัญหาด้านสภาพคล่องเช่นเดียวกันกับสถาบันการเงินทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตทางการเงินทั่วโลก จนส่งผลต่อสภาพคล่องการเงินทั่วโลก ดังนั้นกองทุนเทมาเส็ก จึงจำเป็นต้องขายเงินลงทุนและนำเงินลงทุนกลับไปไว้เสริมฐานะการเงินของตนเอง
จากการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่จะได้รับในวันที่ 8 เมษายน 52 นี้ ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท จะทำให้เทมาเส็กได้รับเงินปันผลจาก SHIN จำนวนทั้งสิ้น 3,845.95 ล้านบาท หลังได้รับเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดปี 51 รวมกว่า 7,384,23 ล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 51 เทมาเส็กได้รับเงินปันผลจากชินคอร์ปรวมแล้วกว่า 11,230.18 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากเทมาเส็กฯ ถือหุ้นระยะยาวตลอดปี 52 จะทำให้เทมาเส็กฯ ได้รับเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 3.30 บาท ตามที่คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ในระยะเวลาผลการดำเนินงาน 2 ปี (51-52) เทมาเส็กฯ จะได้รับเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 17,537.54 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ได้มีการตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า เทมาเส็กฯ ได้ใช้อำนาจในการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ชินคอร์ป เสนอให้นำกำไรสะสมที่มีอยู่มาจ่ายเงินปันผล เนื่องจากประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง โดยเห็นได้จากในปี 2551 SHIN มีกำไรสุทธิต่อหุ้นเพียง 1.79 บาท แต่ประกาศจ่ายเงินปันผลถึง 2.40 บาท
ขณะเดียวกันยังใช้อำนาจในฐานะที่ SHIN เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทย่อยเสนอให้บริษัทที่มีผลกำไรสุทธิจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงเช่นเดียวกัน ประกอบด้วย ADVANC และ CSL ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 5.54 บาท และ 0.28 บาท แต่จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 6.30 บาท และ 0.72 บาท ตามลำดับ