xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นปันผลยังเสี่ยงปี52ยังเสี่ยงบจ.กำไรทรุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – โบรกเกอร์เตือนนักลงทุนเก็บหุ้นปันผลต้องทำใจ ประสานเสียงเทขายทำกำไรก่อนจะขึ้นเครื่องหมาย XD จะเหมาะสมกว่า หวั่นราคาหุ้นร่วงตามภาวะตลาดหุ้นขาลงหากจะถือยาวรอรับเงินปันผล ระบุหากต้องการถือยาวแนะนำให้เลือกหุ้นพื้นฐานดี อัตราผลตอบแทนเงินปันผลขั้นต่ำ 7% ชี้เหนือกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก-ตราสารหนี้-พันธบัตรรัฐ พร้อมคาการณ์ผลงานปี 51 หลายบริษัทจ่ายปันผลมากกว่า10% โดยเฉพาะกลุ่มพาณิชย์ – สื่อสารโดดเด่น ขณะที่ 52 เลิกหวังเงินปันผลสูง หลังเจอพิษเศรษฐกิจฉุดกำไรบจ.วูบ
จากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างชะลอการลงทุน เพื่อรอดูทิศทางมาตรการการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงของประเทศไทยด้วย กดดันให้ตลาดหุ้นไทยซบเซามาตั้งแต่ต้นปี 2552 ทำให้ความสามารถในการทำกำไรจากการซื้อขายหุ้นได้ยากขึ้น นักลงทุนส่วนใหญ่จึงหันไปลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานและอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดีมากขึ้น
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวถึง การลงทุนในหุ้นที่จะมีการจ่ายปันผลในเร็วๆ นี้ ว่า ประเด็นนี้สามารถมองได้ 2 ทาง ประเด็นแรกคือการเข้าซื้อหุ้นก่อนที่จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD จะเป็นจังหวะที่ดี หากไม่ต้องการถือยาวเพื่อรอเงินปันผล (Dividend Yield : DIY) สามารถขายทำกำไรก่อนได้ไม่ต้องรอให้หุ้นดังกล่าวขึ้น XD แล้ว ทั้งนี้เพราะส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยในตลาดหุ้นที่ยังผันผวนตามวิกฤตเศรษฐกิจ ดังนั้นมองว่าเมื่อราคาหุ้นขยับตัวเพิ่มขึ้นจึงขายทำกำไรจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนประเด็นที่สอง สำหรับนักลงทุนที่ไม่อยากขายหุ้นและต้องการรับเงินปันผล สามารถถือได้ เนื่องจากเชื่อว่าผลดำเนินงานในปีที่ผ่านมา (2551) บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะสามารถจ่ายปันผลได้ในระดับที่สูง โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่น่าจะมีอัตราการจ่ายปันผลมากกว่า 6 -10% ขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตามในรอบผลดำเนินงานปีนี้ (2552) หลายฝ่ายเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะลดต่ำลง ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ต้องการถือหุ้นระยะยาวเพื่อรอรับเงินปันผลของรอบปี 2552 ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ลดลงไปด้วย โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5-6%
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีจากการที่มีนักลงทุนหลายรายทยอยเข้าซื้อหุ้นของในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อหวังผลตอบแทนจากเงินปันผล เพราะการลงทุนในหุ้นจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์ พันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้ แต่จากภาวะตลาดหุ้นไทยที่ผันผวนนั้นนักลงทุนอาจจำเป็นต้องถือหุ้นในระยะยาวไม่เช่นนั้นอาจจะได้รับผลกระทบจากราคาที่ผันผวนได้
ทั้งนี้ จากการประเมินผลการดำเนินงานในช่วงปี 2551 พบว่าหุ้นของบมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ CSL น่าจะเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลค่อนข้างสูง ซึ่งจะเห็นได้จากการประกาศจ่ายเงินปันผลเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งกำหนดจ่ายปันผลหุ้นละ 0.27 บาท หรือคิดเป็น 9%ของกำไรสุทธิ เพระธุรกิจหลักของบริษัทนี้คือการให้บริการอินเตอร์เน็ตและมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ตลอดจนได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจน้อย อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจในปีที่ผ่านยังพบว่าไม่มีบริษัทแห่งมีการจ่ายเงินปันผลเกินกว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น
สำหรับในปี 2552 แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ แต่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกลุ่มค้าปลีกเช่น บมจ.ซีพีออล์ หรือ CPALL บมจ.บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ หรือ BIGC และบมจ.สยามแม็คโคร หรือ MAKRO เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ขายสินค้าประเภทการอุปโภคและบริโภคซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ประกอบกับได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเน้นกระตุ้นการบริโภคในประเทศเป็นหลัก จึงเชื่อว่าผลตอบแทนของกลุ่มค้าปลีกน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5%
ด้านนางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ จำกัด กล่าวว่า ทิศทางการเข้าลงทุนเพื่อหวังเงินปันผลถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะหุ้นของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งสามารถผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น เช่น การฝากเงินกับแบงก์ ฯลฯ แต่การให้ผลตอบแทนที่ดีนั้นก็ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงของราคาหุ้นที่สามารถปรับขึ้นลงทุกเวลาเช่นกัน ดังนั้นหากต้องการลงทุนก็จะต้องยอมรับกับปัจจัยดังกล่าวให้ได้
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาปรากฏว่ามีบริษัทจดทะเบียนหลานยแห่งมีการจ่ายเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น หรือ AMATA บมจ.ศุภาลัย หรือ SPALI และบมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน หรือ KK อันเป็นผลมาจากบริษัทเหล่านี้มีฐานการเงินที่แข็งแกร่งและมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ขณะเดียวจากการสำรวจยังไม่พบว่าบริษัทจดทะเบียนแห่งใดมีการจ่ายเงินปันผลเกินกว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น โดยมีแต่เพียงบริษัทที่จ่ายเงินปันผลใกล้เคียงกับกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่านั้น คือ บมจ.แอ๊ดว๊าน อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC

**โบรกฯแนะทางเลือกหุ้นปันผล**
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ ให้คำแนะนำในเรื่องนี้ว่า หากต้องการลงทุนในหุ้นเพื่อรอเงินปันผล ควรเลือกลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยใช้เงินสดเป็นหลักเพราะมีหนี้เสียน้อย ขณะเดียวกันธุรกิจที่ทำต้องมีหนี้สินและการกู้ยืมเงินไม่เยอะ ไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ลงต่ำลง ต้นทุนในการดำเนินงานมีความยืดหยุ่น เมื่อรายได้ที่จะรับลดลง ต้นทุนก็ควรลดลงไปด้วย จึงมองว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค ที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้ เช่นโทรศัพท์มือถือ ค้าปลีก จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย และจะทำให้มีความสามารถจ่ายปันผลในระดับสูง รวมทั้งหุ้นโรงภาพยนต์อย่างMAJOR ก็มีความน่าสนใจเพราะรายได้ 70% มากจากเงินสด อีกทั้งยังมีรายได้เพิ่มเติมจากธุรกิจเสริมที่เกี่ยวข้อง เช่นค่าเช่า โบว์ลิ่ง ฯลฯ โดยคาดว่าปี2551 ผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลจะสูงถึงประมาณ9% และปี 2552 มีโอกาสเพิ่มขึ้นถึงประมาณ10%
“ถ้าต้องการจะลงทุนในหุ้นปันผล ต้องดูข้อมูลย้อนหลังด้วยว่ามีการจ่ายปันผลต่อเนื่องหรือไม่ ไม่ใช่จ่ายครั้งนี้แค่รอบเดียว กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็น่าสนใจแต่ต้องดูเป็นรายตัว ส่วนพลังงานต้องยกเว้นกลุ่มโรงกลั่น เพราะมีวัฏจักรทางธุรกิจน้อยกว่ากลุ่มสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ในที่นี้ต้องมองดูหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง HANA และ DELTAไว้พิจารณาด้วย เพราะแม้ตัวเลขส่งออกจะไม่ดี แต่ที่ผ่านมากลุ่มนี้มีหนี้สินน้อยและผลดำเนินงานในอนาคตยังมีโอกาสเติบโตด้วยคุณภาพการผลิต ปีนี้น่ามีDIYอยู่ในระดับสูง”
พร้อมกันนี้ จากการสอบถามนักวิเคราะห์ และข้อมูลงานวิจัยของสถาบันต่างๆ พบว่าส่วนใหญ่ให้ความเห็นคล้ายกัน คือ ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่ให้ Dividend Yield อย่างต่ำที่7% และตอนนี้หลังจากที่มีการประกาศจ่ายปันผลแล้ว พบว่าหุ้นบางตัวให้อัตราการปันผลได้ในระดับสูง เช่น TICON DELTA ADVANC CPALL KSL PS AP LPN SPALI SCCC SHIN TOP PTT PTTCH PTTAR แต่จากที่ผลประกอบการไตรมาส 4/2551 และทั้งปี 2551ของบจ. ที่จะออกมาไม่ดีนัก ทำให้คาดว่ากำไรต่อหุ้นเฉลี่ยของบจ.ในปีนี้จะเติบโตเพียง 1.89%  โดยปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในหุ้นช่วงนี้คือ มูลค่าหุ้นในปัจจุบันจะให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนในเกณฑ์ดี ถึงดีมาก ทั้งในแง่ กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น (Capital Gains) และเงินปันผล รวมถึงดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่น้อย เพียงไม่ถึง 2.00% และคาดว่าจะลดลงเหลือ 1.25% หลังดอกเบี้ยนโยบายลดลงเป็น 1.50% จากระดับปัจจุบันที่อยู่ที่ 2.00% จะทำให้นักลงทุนมองเงินปันผลที่ 6-8% น่าจูงใจในการลงทุน อีกทั้งสภาพคล่องที่จะฟื้นตัวในไตรมาส 2 เนื่องจากเงินอัดฉีดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจำนวน 1.15 แสนล้านบาท
ขณะที่บทรวมประมาณการโดยนักวิเคราะห์ให้10 หุ้นแรกที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงสุดโดยใช้ประมาณการของปี 2009 ได้แก่  CIG 17.4% CSL 16.2% SPALI 15.1% LPN14.7% PLE14.0% PSL 13.7% UMS 13.36% SHIN 13.6% TICON 13.6% UEC 13.4% ส่วนสถิติที่ผ่านมาพบว่า การลงทุนก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนหลังขึ้น XD เพราะผู้ลงทุนมีโอกาสทำกำไรจากราคาหุ้นที่ปรับลดน้อยกว่าอัตราเงินปันผลที่จ่าย
ด้านบล. เกียรตินาคิน จัดทำบทวิเคราะห์ถึง PTTAR ว่า บริษัทมีผลขาดทุนรวม 8,465 ล้านบาท เป็นไปตามทิศทางของอุตสาหกรรมโรงกลั่น ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของราคาขายปิโตรเคมี และราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามบริษัทยังประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง2551 จำนวน 0.50 บาท (Div. Yld. 4.9%) ทำให้ทั้งปี 51 บริษัทประกาศจ่ายปันผลรวม 0.18 บาท (Div. Yld. 9.38%) โดยบริษัทจะทำการขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 มี.ค. 52 และจ่ายเงินปันผล 24 มี.ค. 52 โดยประเมินราคาที่เหมาะสมไว้ที่ 11.75 บาท เพราะราคาที่เหมาะสมของ PTTAR มี Upside Gain กว่า 15% ทำให้ยังคงแนะนำ ซื้อลงทุน

**บลจ.ย้ำคำนึงถึงความสม่ำเสมอ**
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ กล่าวว่าสำหรับการลงทุนในกองทุนหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผล นักลงทุนจะต่องศึกษาถึงผลตอบแทนของกองทุนใน 2 รูปแบบ คือนักลงทุนต้องดูในเรื่องของการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่เข้าไปลงทุน และจะต้องพิจารณาถึงส่วนต่างของราคาหุ้นว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ จากเศรษฐกิจที่ผันผวน นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีความแปรปรวนน้อยตามเศรษฐกิจ ทำให้การจ่ายเงินปันผลของ บริษัทมีความน่าสนใจมากขึ้น หรือบริษัทที่เข้าลงทุนควรที่จะมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ สำหรับนักลงทุนที่มีเงินเก็บและไม่ต้องรีบใช้จ่าย การลงทุนในตลาดหุ้นระยะยาวถือว่ามีความน่าสนใจมากที่เดียว เพราะความสามารถในการจ่ายปันผล คือการทำกำไรอีกทางของการลงทุนในหุ้น และบริษัทที่เลือกเข้าไปลงทุนจะต้องมีกระแสเงินสดมากพอด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น