ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ทัพพันธมิตรฯทั่วภาคใต้ตอนล่างหลั่งไหลร่วมเวทีทอล์กโชว์การเมือง “อัญชะลี”เผยการเมืองเก่าเกาเหลาการเมืองใหม่แน่หากยังมีผสมกับนักการเมืองระบอบทรราช ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์แม้มีหัวหน้า “มาร์ค” ภาพลักษณ์ดีกว่า “นช.แม้ว” แต่ยังอ่อนด้อยเกมการเมือง “เนวิน” ระทึกประชุมอาเซียนซัมมิตเป็นอุปสรรคอีกเปลาะหนึ่งที่ต้องฝ่า เหตุ “นายใหญ่” เตรียมแผนให้กลุ่มเสื้อแดงมาป่วนให้เกิดความวุ่นวาย และจะเดินทางกลับมาไทยสร้างข่าวให้สื่อมวลชนต่างชาติตีข่าวไปทั่วโลก แนะประชาชนรักษา ASTV เพื่อเป็นสื่อกลางในการเปิดโปงคนโกง
พันธมิตรฯใต้ล่างร่วมเวทีทอล์กโชว์การเมืองคึกคัก
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เวทีทอล์กโชว์การเมือง นำโดยนายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน และ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ผู้ดำเนินรายการทางเอเอสทีวี ซึ่งจัดโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา ณ โรงยิมเนเซียม สนามกีฬาจิระนคร เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นไปอย่างคึกคัก โดยประชาชนในภาคใต้ตอนล่าง ทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พัทลุง ตรัง สตูล และนครศรีธรรมราช ได้เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ท่ามกลางการสนธิกำลังคอยดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวก
ทั้งนี้ รายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมจะทำประโยชน์ใน 3 ส่วน ได้แก่ การจัดซื้อจาน ASTV เพื่อติดตั้งให้แก่ชุมชน มอบให้แก่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้สถานีข่าว NEWS1 สามารถให้บริการเป็นสถานีข่าวของประชาชนต่อไปได้ และอีกส่วนหนึ่งมอบให้แก่รายการค้นคนโกง
ศิลปินกู้ชาติร่วมเวทีคับคั่ง
สำหรับกิจกรรมบนเวทีนั้น มีศิลปินกู้ชาติวงภูเล นำโดยสองพี่น้อง “แดง-ขาว” และ “น้องคีตะ” ทายาท ได้นำบทเพลงใหม่ที่แต่งขึ้นระหว่างการชุมนุม 193 วันมาขับร้อง โดยเฉพาะเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งเกิดเหตุการณ์สลายกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา แต่อานุภาพนั้นร้ายแรงถึงขนาดคร่าชีวิตวีรชนผู้ปกป้องระบอบประชาธิปไตยและสถาบันกษัตริย์ ซึ่งล้วนอยู่ในความทรงจำของพี่น้องพันธมิตรฯ ที่หวนรำลึกสดุดีวีรชนมาอย่างต่อเนื่อง ร่วมด้วยศิลปินแสง ธรรมดา วงบาโรย
เช่นเดียวกับ สุกัญญา มิเกล ก็ได้มาร่วมมอบความสุขอย่างเต็มที่ด้วยบทเพลงให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แม้ว่าในขณะนี้จะตั้งครรภ์และต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษแต่ก็อดไม่ได้ที่จะมาพบพี่น้องพันธมิตรฯ ถึงที่ด้วยตัวเอง โดยเซอร์ไพรส์ในการจัดงานครั้งนี้มีนายสุชาติ ชวางกูร เจ้าของบทเพลง “ใจรัก” มาร่วมเวทีโดยที่พี่น้องพันธมิตรฯ ไม่ทราบก่อนล่วงหน้า
“ปอง” แฉหมดเปลือก"นช.แม้ว"มีแผนชั่วป่วนประชุมอาเซียน
น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ผู้ดำเนินรายการเอเอสทีวี ได้ขึ้นทอล์กโชว์การเมืองเก่า เกาเหลาการเมืองใหม่ โดยกล่าวถึงความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องพันธมิตรฯว่า ปรากฎการณ์ใดๆ ก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าการรวมตัวของพันธมิตรฯ แต่การต่อสู้ในปี 2549 เหมือนยังไม่เสร็จ เพราะรัฐบาลของ คมช. กลับไม่ได้ทำอะไรเลยนาน 1 ปีเต็ม หลังเลือกตั้งใหม่ตนเพิ่งกลับมาจากเมืองซิดนีย์ระหว่างปิดภาคเรียน โดยคิดว่าจะไม่เข้าร่วมต่อการเมืองภาคประชาชนอีกแล้ว
ทั้งนี้ เพราะการต่อสู้ในครั้งก่อนไม่ได้สร้างการเมืองให้เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเลย แม้แต่คนชั้นสูงก็ยังนิ่งดูดายปล่อยให้นักการเมืองทำปู้ยี่ปู้ยำกับบ้านเมืองได้โดยไม่มีใครเป็นเดือดเป็นร้อน แต่หลังจากที่เริ่มมีการชุมนุมของพลังเสื้อเหลืองในวันแรกๆ ซึ่งย้ายไปสู่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยถูกกลุ่มเสื้อแดงเขวี้ยงอิฐใส่ นายยุทธิยงค์ ลิ้มเลิศวาที และคนอื่นๆ นับตั้งแต่นั้นมา เมื่อตนขึ้นไปจับไมค์แล้วก็ไม่ยอมปล่อยอีกเลยตลอด 193 วัน
น.ส.อัญชะลี ยังตั้งคำถามต่อพี่น้องพันธมิตรฯ ภาคใต้ตอนล่างที่มาร่วมฟังในครั้งนี้ด้วยว่า ในการที่พันธมิตรฯลุกขึ้นต่อสู้อย่างยาวนานครั้งล่าสุด สุดท้ายเราได้มาซึ่งการพลิกขั้วทางการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แต่ทำไมเราถึงไม่ตื่นเต้น ไม่ดีใจ ก็เพราะมีคนของระบอบทักษิณเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลอยู่ด้วย และเป็นเพราะว่ามีพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคฝ่ายค้าน ทำให้ประชาชนต้องต่อสู้กันเองนาน 193 วัน ที่สุดความจริงก็ปรากฏ เราได้คนเลวๆ จากระบบเก่ามาเป็นรัฐมนตรี ทั้งมาจากวงการอาบอบนวด ได้คนซื้อการศึกษาเข้ามา แล้วระบบอุปถัมภ์ก็กลับคืนมา เราต้องการคนพวกนี้อีกไหม สิ่งที่เราต่อสู้มาแขนขาด ขาขาด เพื่อคนพวกนี้หรือ
“เรารู้ว่ารัฐบาลชุดนี้อยู่ได้ไม่จีรังยั่งยืนแน่ๆ เพราะเขายืนได้ไม่สง่างามและถูกที่ ถ้าเรารักพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องรักอย่างถูกทาง นายอภิสิทธิ์ในวันนี้ไม่ต่างจากนางเอกละครไทยที่อินโนเซนต์ ที่อ่อนเยาว์ เขลา วันหนึ่งเกิดตั้งท้องขึ้นมาหันไปหันมามีแต่ นายเนวิน ชิดชอบ ก็เลยเอามาร่วมรัฐบาล โดยไร้เงาการเมืองใหม่ที่ประชาชนเพรียกหา ว่าจะทำการเมืองใหม่ที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นศูนย์กลางคนทั้งชาติ การปกครองค้ำจุนชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ประชาชนมีความเท่าเทียมกัน ตัวแทนภาคประชาชนมีคุณธรรมในการบริหารประเทศ”
น.ส.อัญชะลี กล่าวอย่างรู้ทันว่า ระหว่างที่มีการประชุมอาเซียนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นักโทษชายทักษิณได้เตรียมแผนจุดชนวนความวุ่นวายเอาไว้แล้วจากกลุ่มเสื้อแดง และเขาจะบินกลับมาเมืองไทย เพื่อให้ติดคุกจุดชนวนความแตกแยก และอาศัยสื่อต่างชาติสร้างข่าวไปทั่วโลกถึงระบอบการเมืองของไทย ว่าเป็นประชาธิปไตยที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งหลังจากการเปลี่ยนแปลงพวกทรราชนี้ก็พร้อมจะเปลี่ยนสีไปอยู่กับฝ่ายไหนก็ได้เพื่อให้สามารถทุจริตคอร์รัปชัน และแสวงหาผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
ระบอบทักษิณได้เตรียมการล้มเจ้ามานานแล้ว เพราะความมักใหญ่ใฝ่สูง นำเงินที่โกงได้เป็นทุน เข้าหาประชาชนด้วยการนำเงินไปแจกและให้จำบุญคุณของตนไว้ เลือกตั้งคราวหน้าก็ต้องให้คะแนนด้วย ต่างจากในหลวงที่ทรงเข้าหาประชาชนด้วยการนำความรู้การทำมาหากินก่อนจะขยายออกไปอย่างยั่งยืนแบบเศรษฐกิจพอเพียง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ นำเงินไปมอมเมาประชาชนให้อยู่อย่างรอความช่วยเหลือ ก่อนที่จะยกตัวเองว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด มีเงินของเขาเท่านั้นที่จะช่วยประชาชนได้ ซึ่งเป็นการดึงประชาชนออกจากราชบัลลังก์ โดยมีเครือข่ายต่อต้านสถาบันกษัตริย์ทำงานอย่างเป็นขั้นตอน ดังจะเห็นได้ว่ามีทั้งนักวิชาการที่ประกาศตัวเองไม่เอากฎหมายปกป้องสถาบัน หรือแม้แต่เว็บไซต์หมิ่นสถาบันเกลื่อนเมือง และหนักเข้าถึงขั้นละเมอจะเป็นประธานาธิบดีให้ได้
“ถ้ามีการสู้คราวหน้าไม่ว่าพันธมิตรฯจะต้องปิดอะไรก็ตาม เป้าหมายจะต้องปิดฉากระบอบทักษิณให้ได้ และภารกิจนี้ต้องไม่ตกในรุ่นลูกรุ่นหลานอีกต่อไป” น.ส.อัญชะลี กล่าวด้วยความมุ่งมั่น
”วีระ” ฝาก ASTV เป็นสื่อกลางสร้างเครือข่ายต้านคอร์รัปชัน
ด้านนายวีระ สมความคิด ประธานกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ผู้ดำเนินรายการค้นคนโกง และนายเติมศักดิ์ จารุปราณ ผู้ดำเนินรายการวิเคราะห์ข่าว ASTV ช่อง NEWS1 ได้ร่วมเสวนาในรายการ"ค้นคนโกง" โดยเปิดเผยว่า เรื่องร้องเรียนที่รับมาจากประชาชนล้วนแล้วแต่มีมูลแห่งทุจริตทั้งนั้น และผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถชี้แจงได้ ซึ่งการทุจริตในบางเรื่องตนได้นำเสนอในรายการค้นคนโกงด้วย แต่ทุกเรื่องจะส่งไปยัง ป.ป.ช.ให้ติดตามตรวจสอบอย่างละเอียด
แต่การทำงานของ ป.ป.ช.ค่อนข้างช้าด้วยวิธีการทำงานแบบราชการ และการติดตามทุจริตในบางเรื่องต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่ง ป.ป.ช.ไม่มีผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ เมื่อมีการสอบทำให้ผู้ถูกกล่าวหาหลีกเลี่ยงใช้ศัพท์เทคนิคซึ่ง ป.ป.ช.ไม่สามารถสาวไปถึงได้ ต่างจากเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชันที่ตนทำอยู่ ซึ่งมีความคล่องตัวและติดตามการตรวจสอบได้ผลมากกว่า แม้ว่าจะทำงานโดยการบริจาคเงินที่มาจากผู้ใช้แรงงาน
นายวีระ ยังกล่าวต่อว่า เหตุผลของการเสี่ยงทำงานด้านนี้ก็เพื่อประเทศชาติ และอยากจุดประกายให้คนอื่นๆ ได้หันมาสนใจต่อต้านคอร์รัปชันบ้าง ซึ่งทุกวันนี้การทุจริตมีความแยบยลมากขึ้น แต่อาชญากรก็ต้องทิ้งร่องรอยของการทำผิดอยู่ดี และยิ่งมีการทำลายหลักฐานจะเป็นการยิ่งเพิ่มหลักฐานมากขึ้นที่ง่ายต่อการตรวจสอบได้มากขึ้น
ต่อข้อถามของนายเติมศักดิ์ ที่มีต่อการวิเคราะห์การเมืองในปัจจุบัน นายวีระแสดงความคิดเห็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปรียบเหมือนเด็กชายที่คนมีประสบการณ์เขี้ยวลากดินอย่างนายเนวินจะสามารถกล่อมได้ ส่วน นายเนวิน ในสายตาอภิสิทธิ์นั้นจะสามารถควบคุมนายเนวินได้ แต่ที่ผ่านมานั้น นายกฯอภิสิทธิ์ จะทำอะไรต้องรักษาน้ำใจเพื่อนร่วมรัฐบาล แม้แต่สื่อสาธารณะดังเช่น NBT ก็ไม่สามารถนำกลับมาเป็นของประชาชนได้ อย่าได้นึกถึง ASTV ว่าจะสามารถผลักดันสู่การเป็นฟรีทีวีได้ เพราะฉะนั้นพี่น้องจงรักษา ASTV ไว้เพื่อเป็นสื่อให้เราได้รู้ทันคนโกง