ASTVผู้จัดการรายวัน-หุ้นกู้มาแรงเม็ดเงินรวมปีนี้มีลุ้นโตถึง 4แสนล้าน จาก2.3แสนล้านบาทในปีก่อน หลังนักลงทุนเหลือทางเลือกน้อย แห่เข้าจองซื้อจนทะลัก และบริษัทเซ็งปัญหาแบงก์ปล่อยกู้ยากโดดหาเครื่องมืออ่อนเสริมสภาพคล่อง ล่าสุด “น้ำประปาไทย”ยิ้มแป้นยอดจองล้น 4 เท่า ต้องออกเพิ่มอีก 300 ล้านบาท รวม 7พันล้านบาท ส่วนสัปดาห์หน้าจัดประชุมบอร์ดสรุปจ่ายปันผล พบอีก4 บริษัทจ่อคิวขาย นำทีมโดย ปตท. ด้านผู้จัดการกองทุนเผยกระแสลูกค้าถามถึงมีมาก และให้ความสนใจหุ้นกู้รายใหญ่
นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้ยอดการเสนอขายหุ้นกู้เอกชนจะเพิ่มขึ้นจนมาอยู่ที่ 400,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100 % จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเอกชนมีการออกหุ้นกู้รวมเป็นมูลค่า 230,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้จะมีผู้ออกขายหุ้นกู้ มูลค่า 200,000 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่การออกหุ้นกู้ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากเพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินในการดำเนินธุรกิจ และจากที่ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวประกอบกับภาวะตลาดหุ้นไทยที่ไม่ดี ทำให้บริษัทมีการระดมทุนที่ยากขึ้น อีกทั้งธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยกู้ยากขึ้นเช่นกัน
ส่วนปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในการซื้อหุ้นกู้มากขึ้น เป็นเพราะได้ตอบแทนที่ดีกว่าในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ อีกทั้งจากปัจจัยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงก็มีส่วนกระตุ้นให้นักลงทุนมองว่าหุ้นกู้ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีและเหมาะสม อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่สนใจที่จะลงทุนในหุ้นกู้นั้น ควรที่จะมีการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิด เพราะหุ้นกู้มีความเสี่ยงตรงที่อาจถูกลดการจัดอันดับเครดิตได้ พร้อมกับต้องติดตามดูการจ่ายปันผลถูกต้องตามเวลาหรือไม่
ทั้งนี้ พบว่า หุ้นกู้ที่จะออกในปีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิมากขึ้น เพราะให้ผลตอบแทนในระดับสูง โดยองค์กรขนาดใหญ่ที่ออกหุ้นกู้จะมีความเสี่ยงต่ำในการล้มเลิกกิจการ ทำให้ที่ผ่านมาองค์กรเหล่านี้จะประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ หรือได้รับความสนใจจากนักลงทุนจนถึงปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตามยังถือว่านักลงทุนมีความเสี่ยงในการลงทุนมากกว่าหุ้นกู้มีหลักประกันปกติ
นางสาวสุวภา กล่าวว่า จากภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ดีนั้น ทำให้บล.ธนชาต หันมาเน้นการงานด้านที่ปรึกษาทางการเงิน และการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เนื่องจาก บริษัทเอกชนมีความต้องการออกหุ้นกู้มากขึ้น โดยรายได้ปีนี้คาดว่าจะมากจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการเสนอขายหุ้นกู้ในสัดส่วน 60% หากในสมมติฐานกรณีที่ไม่มีหุ้นไอพีโอสามารถเข้าจดทะเบียน ซึ่งปัจจุบันมีมีลูกค้าของบริษัท 5-7 บริษัทเตรียมที่จะหุ้นกู้ออกมาเสนอขาย ซึ่งเป็นบริษัที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน
บริษัทยื่นไฟลิ่งขายหุ้นกู้ปีนี้4 บริษัท
ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)พบว่า มีบริษัทที่ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)ที่จะเสนอขายหุ้นกู้ ในปีนี้ จำนวน 4 บริษัท คือ 1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)หรือ PTT เสนอขายหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นกู้ไม่มีประกัน ผู้ถือหุ้นไม่สามารถไถ่ถอนได้ก่อนกำหนด อายุ 15 ปี ไถ่ถอนปี 2567 โดยจะออกกหุ้นกู้วันที่ 6 มีนาคมปีนี้ซึ่งปีที่ 1 ถึงปีที่ 5 จะได้รับอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5% ต่อปี ขณะที่ปีที่6 ถึงปีที่ 8 ดอกเบี้ยอยู่ที่ 6.20%ต่อปี ปีที่ 9 ถึงปีที่ 15 อัตราดอกเบี้ย 6.80%ต่อปี
2. บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันมูลค่า 1,300 ล้านบาท 3.บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) จะออกหุ้นกู้มีหลักประกัน 2 ชุด ซึ่งมีมูลค่ารวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและ ผู้ลงทุนทั่วไป อายุชุดละ 3 ปี และ4.บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย)
ธนชาตเชื่อแผนฟื้นฟูTSFCมาถูกทาง
นางสาวสุวภา กล่าวถึงกรณีการเป็นที่ปรึกษาการปรับโครงสร้างหนี้บล.เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ หรือ TSFC ว่าเรื่องดังกล่าวมาถูกทางแล้วและเชื่อว่า TSFC จะกลับมามีรายได้และไม่ขาดทุนจากการทำธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตร (รีโป )ที่เหมาะสมกับภาวะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน และส่วนการทำธุรกิจการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์นั้น ควรต้องดำเนินธุรกิจต่อไป แต่จะต้องมีการระมัดวังในการปล่อยสินเชื่อให้ดีขึ้น อีกทั้งส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมาที่TSFC ขาดทุนไม่ใช่ข้อบกพร่องของทีมผู้บริหาร แต่เกิดจากภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงและไม่สามารถควบคุมได้
TTWยอดจองหุ้นกู้ล้น4เท่า
นายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TTW เปิดเผยว่า บริษัทได้เพิ่มจำนวนการออกหุ้นกู้อีก 300 ล้านบาท จากเดิมที่จะออกเสนอขาย 6,700 ล้านบาท เนื่องจาก มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นกู้ของบริษัทจำนวนมากซึ่งสูงกว่าจำนวนหุ้นกู้ที่เสนอขายถึง 4 เท่า มากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งอาจเป็นเพราะ นักลงทุนมีความมั่นใจในเรื่องผลประกอบการของบริษัทที่มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
“เดิมนั้นบริษัทจะเสนอขายหหุ้นกู้ 1,500 ล้านบาท เพื่อที่จะนำเงินไปใช้ในการเพิ่มกำลังการผลิต แต่จากนักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมากบริษัทจึงเพิ่มเป็น 6,700 ล้านบาท และล่าสุดจากที่มีการสำรวจความสนใจพบว่ามีความต้องการสูงกว่าจำนวนที่เสนอขายถึง 4 เท่า บริษัทจึงเพิ่มจำนวนหุ้นกู้ออกไปอีก 300 ล้านบาท รวมเป็น 7,000 ล้านบาท ”นายสมโพธิ์ กล่าว
สำหรับหุ้นกู้ของTTW เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ แบ่งเป็น 3 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี มีกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 มูลค่า 3,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่4%ต่อปี ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี กำหนดไถ่ถอนปี 2557 มูลค่า 1,700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.75% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี กำหนดไถ่ถอนปี 2559 มูลค่า 1,800 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5.35%ต่อปี ซึ่งบริษัทจะชำระดอกเบี้ยทุก6เดือน โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือจาก ทริสเรทติ้งที่ AA-ซึ่งเท่ากับเรทติ้งของบริษัท และจะเปิดให้จองซื้อหุ้นกู้ในวันที่ 20-25 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งนักลงทุนสามารถจองผ่าน บล.ทิสโก้, บล.ธนชาต และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยบริษัทจะออกขายในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นี้ ส่วนเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปชำระเงินกู้เดิมทั้งหมดที่มี 5,990 ล้านบาท
ส่วนที่เหลืออีก 1,000 ล้านบาท บริษัทจะนำไปขยายกำลังการผลิตน้ำประปาของโรงกรองน้ำบางเลนเพิ่มขึ้นอีก 1.2 แสน ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 1,300 ล้านบาท และภายหลังดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 4.4 แสนล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
"การที่บริษัทออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อเป็นการบริหารต้นทุนในการลดภาระการจ่ายดอกเบี้ย ได้ประมาณ 60 ล้านบาทต่อปี เพราะ เงินกู้เดิมนั้นเป็นอัตราลอยตัว MLR- 1 แต่หุ้นกู้ชุดนี้มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ โดยที่ผ่านมาTTWต้องใช้เงินในการจ่ายดอกเบี้ยถึง 450 ล้านบาท ทำให้หลังจากนี้ไปบริษัทจะไม่มีเงินกู้ระยะสั้น แต่จะมีหนี้หุ้นกู้ระยะยาวเท่านั้น
25ก.พ.ถกบอร์ดสรุปปันผล
ขณะเดียวกันในวันที่ 25 ก.พ.บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ซึ่งจะมีวาระในเรื่องการพิจารณาจ่ายเงินปันผลสำรับผลประกอบการปี 2551ด้วย โดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50%ของกำไรสุทธิ ด้านรายได้รวมปีนี้TTWตั้งเป้าเติบโต 14-15% จากปีที่ผ่านมา เพราะมีการปรับขึ้นราคาขายน้ำเพิ่ม3.5 % ขณะที่บริษัทน้ำประปาปทุมเพิ่มขึ้น 9.2% และยอดขายน้ำจะโตเพิ่มขึ้น 10-11% ประกอบกับการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.)ได้มีการรับซื้อน้ำขั้นต่ำเป็น 3 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากเดิมที่ 2.5 แสนลูกบาศก์เมตร โดยก่อนหน้านี้นายสมโพธิ เคยตั้งเป้าผลประกอบการปี 2551ว่า จะอยู่ที่ระดับ 3,500-3,600 ล้านบาท
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการบริหารบล. กล่าวว่า บริษัทได้มีการสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้นกู้ของTTWกับนักลงทุนสถาบัน (บุ๊กบิวดิ้ง)ในวันที่ 16 ก.พ. พบว่านักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมาก โดยบริษัทจะมีการเสนอขายหุ้นกู้ แก่นักลงทุนสถาบันกว่า 70% ของหุ้นกู้ที่เสนอขายทั้งหมด 7 พันล้านบาท และอีกกว่า 20% เสนอขายให้แก่นักลงทุนรายย่อย
ชูหุ้นกู้มีรัฐค้ำประกันโดดเด่นสุด
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด กล่าวถึงความนิยมลงทุนในหุ้นกู้ของลูกค้าบริษัทจัดการกองทุนรวมว่า ตอนนี้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุนมาก เพราะตราสารหนี้ภาคเอกชนมีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตามมีเสียงเรียกร้องหรือข้อสอบถามถึงหุ้นกู้จากลูกค้าของบริษัทเช่นกัน ซึ่งโดยรวมจะพบว่านักลงทุนให้ความสนใจกับหุ้นกู้ของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่แปรสภาพมาเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้วมากกว่า เนื่องจากจะมีการค้ำประกันจากรัฐบาล จึงถือว่าช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ลงทุนเพิ่มขึ้น
“หากถามถึงกลุ่มนักลงทุนที่สนใจในหุ้นกู้ต้องบอกว่า ส่วนใหญ่คือกลุ่มลูกค้าเศรษฐี หรือกลุ่มลูกค้าสถาบัน รวมทั้งกลุ่มที่มีเงินเก็บและไม่รีบร้อนนำเงินดังกล่าวออกมาใช้ เพราะการลงทุนในหุ้นกู้จะต้องใช้ระยะเวลา 2-3ปี”
นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้ยอดการเสนอขายหุ้นกู้เอกชนจะเพิ่มขึ้นจนมาอยู่ที่ 400,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100 % จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเอกชนมีการออกหุ้นกู้รวมเป็นมูลค่า 230,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้จะมีผู้ออกขายหุ้นกู้ มูลค่า 200,000 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่การออกหุ้นกู้ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากเพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินในการดำเนินธุรกิจ และจากที่ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวประกอบกับภาวะตลาดหุ้นไทยที่ไม่ดี ทำให้บริษัทมีการระดมทุนที่ยากขึ้น อีกทั้งธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยกู้ยากขึ้นเช่นกัน
ส่วนปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในการซื้อหุ้นกู้มากขึ้น เป็นเพราะได้ตอบแทนที่ดีกว่าในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ อีกทั้งจากปัจจัยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงก็มีส่วนกระตุ้นให้นักลงทุนมองว่าหุ้นกู้ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีและเหมาะสม อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่สนใจที่จะลงทุนในหุ้นกู้นั้น ควรที่จะมีการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิด เพราะหุ้นกู้มีความเสี่ยงตรงที่อาจถูกลดการจัดอันดับเครดิตได้ พร้อมกับต้องติดตามดูการจ่ายปันผลถูกต้องตามเวลาหรือไม่
ทั้งนี้ พบว่า หุ้นกู้ที่จะออกในปีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิมากขึ้น เพราะให้ผลตอบแทนในระดับสูง โดยองค์กรขนาดใหญ่ที่ออกหุ้นกู้จะมีความเสี่ยงต่ำในการล้มเลิกกิจการ ทำให้ที่ผ่านมาองค์กรเหล่านี้จะประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ หรือได้รับความสนใจจากนักลงทุนจนถึงปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตามยังถือว่านักลงทุนมีความเสี่ยงในการลงทุนมากกว่าหุ้นกู้มีหลักประกันปกติ
นางสาวสุวภา กล่าวว่า จากภาวะตลาดหุ้นไทยไม่ดีนั้น ทำให้บล.ธนชาต หันมาเน้นการงานด้านที่ปรึกษาทางการเงิน และการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เนื่องจาก บริษัทเอกชนมีความต้องการออกหุ้นกู้มากขึ้น โดยรายได้ปีนี้คาดว่าจะมากจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการเสนอขายหุ้นกู้ในสัดส่วน 60% หากในสมมติฐานกรณีที่ไม่มีหุ้นไอพีโอสามารถเข้าจดทะเบียน ซึ่งปัจจุบันมีมีลูกค้าของบริษัท 5-7 บริษัทเตรียมที่จะหุ้นกู้ออกมาเสนอขาย ซึ่งเป็นบริษัที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน
บริษัทยื่นไฟลิ่งขายหุ้นกู้ปีนี้4 บริษัท
ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)พบว่า มีบริษัทที่ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)ที่จะเสนอขายหุ้นกู้ ในปีนี้ จำนวน 4 บริษัท คือ 1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)หรือ PTT เสนอขายหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นกู้ไม่มีประกัน ผู้ถือหุ้นไม่สามารถไถ่ถอนได้ก่อนกำหนด อายุ 15 ปี ไถ่ถอนปี 2567 โดยจะออกกหุ้นกู้วันที่ 6 มีนาคมปีนี้ซึ่งปีที่ 1 ถึงปีที่ 5 จะได้รับอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5% ต่อปี ขณะที่ปีที่6 ถึงปีที่ 8 ดอกเบี้ยอยู่ที่ 6.20%ต่อปี ปีที่ 9 ถึงปีที่ 15 อัตราดอกเบี้ย 6.80%ต่อปี
2. บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันมูลค่า 1,300 ล้านบาท 3.บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) จะออกหุ้นกู้มีหลักประกัน 2 ชุด ซึ่งมีมูลค่ารวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและ ผู้ลงทุนทั่วไป อายุชุดละ 3 ปี และ4.บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย)
ธนชาตเชื่อแผนฟื้นฟูTSFCมาถูกทาง
นางสาวสุวภา กล่าวถึงกรณีการเป็นที่ปรึกษาการปรับโครงสร้างหนี้บล.เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ หรือ TSFC ว่าเรื่องดังกล่าวมาถูกทางแล้วและเชื่อว่า TSFC จะกลับมามีรายได้และไม่ขาดทุนจากการทำธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตร (รีโป )ที่เหมาะสมกับภาวะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน และส่วนการทำธุรกิจการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์นั้น ควรต้องดำเนินธุรกิจต่อไป แต่จะต้องมีการระมัดวังในการปล่อยสินเชื่อให้ดีขึ้น อีกทั้งส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมาที่TSFC ขาดทุนไม่ใช่ข้อบกพร่องของทีมผู้บริหาร แต่เกิดจากภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงและไม่สามารถควบคุมได้
TTWยอดจองหุ้นกู้ล้น4เท่า
นายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TTW เปิดเผยว่า บริษัทได้เพิ่มจำนวนการออกหุ้นกู้อีก 300 ล้านบาท จากเดิมที่จะออกเสนอขาย 6,700 ล้านบาท เนื่องจาก มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นกู้ของบริษัทจำนวนมากซึ่งสูงกว่าจำนวนหุ้นกู้ที่เสนอขายถึง 4 เท่า มากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งอาจเป็นเพราะ นักลงทุนมีความมั่นใจในเรื่องผลประกอบการของบริษัทที่มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
“เดิมนั้นบริษัทจะเสนอขายหหุ้นกู้ 1,500 ล้านบาท เพื่อที่จะนำเงินไปใช้ในการเพิ่มกำลังการผลิต แต่จากนักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมากบริษัทจึงเพิ่มเป็น 6,700 ล้านบาท และล่าสุดจากที่มีการสำรวจความสนใจพบว่ามีความต้องการสูงกว่าจำนวนที่เสนอขายถึง 4 เท่า บริษัทจึงเพิ่มจำนวนหุ้นกู้ออกไปอีก 300 ล้านบาท รวมเป็น 7,000 ล้านบาท ”นายสมโพธิ์ กล่าว
สำหรับหุ้นกู้ของTTW เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ แบ่งเป็น 3 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี มีกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 มูลค่า 3,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่4%ต่อปี ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี กำหนดไถ่ถอนปี 2557 มูลค่า 1,700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.75% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี กำหนดไถ่ถอนปี 2559 มูลค่า 1,800 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5.35%ต่อปี ซึ่งบริษัทจะชำระดอกเบี้ยทุก6เดือน โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือจาก ทริสเรทติ้งที่ AA-ซึ่งเท่ากับเรทติ้งของบริษัท และจะเปิดให้จองซื้อหุ้นกู้ในวันที่ 20-25 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งนักลงทุนสามารถจองผ่าน บล.ทิสโก้, บล.ธนชาต และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยบริษัทจะออกขายในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นี้ ส่วนเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปชำระเงินกู้เดิมทั้งหมดที่มี 5,990 ล้านบาท
ส่วนที่เหลืออีก 1,000 ล้านบาท บริษัทจะนำไปขยายกำลังการผลิตน้ำประปาของโรงกรองน้ำบางเลนเพิ่มขึ้นอีก 1.2 แสน ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 1,300 ล้านบาท และภายหลังดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 4.4 แสนล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
"การที่บริษัทออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อเป็นการบริหารต้นทุนในการลดภาระการจ่ายดอกเบี้ย ได้ประมาณ 60 ล้านบาทต่อปี เพราะ เงินกู้เดิมนั้นเป็นอัตราลอยตัว MLR- 1 แต่หุ้นกู้ชุดนี้มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ โดยที่ผ่านมาTTWต้องใช้เงินในการจ่ายดอกเบี้ยถึง 450 ล้านบาท ทำให้หลังจากนี้ไปบริษัทจะไม่มีเงินกู้ระยะสั้น แต่จะมีหนี้หุ้นกู้ระยะยาวเท่านั้น
25ก.พ.ถกบอร์ดสรุปปันผล
ขณะเดียวกันในวันที่ 25 ก.พ.บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ซึ่งจะมีวาระในเรื่องการพิจารณาจ่ายเงินปันผลสำรับผลประกอบการปี 2551ด้วย โดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50%ของกำไรสุทธิ ด้านรายได้รวมปีนี้TTWตั้งเป้าเติบโต 14-15% จากปีที่ผ่านมา เพราะมีการปรับขึ้นราคาขายน้ำเพิ่ม3.5 % ขณะที่บริษัทน้ำประปาปทุมเพิ่มขึ้น 9.2% และยอดขายน้ำจะโตเพิ่มขึ้น 10-11% ประกอบกับการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.)ได้มีการรับซื้อน้ำขั้นต่ำเป็น 3 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากเดิมที่ 2.5 แสนลูกบาศก์เมตร โดยก่อนหน้านี้นายสมโพธิ เคยตั้งเป้าผลประกอบการปี 2551ว่า จะอยู่ที่ระดับ 3,500-3,600 ล้านบาท
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการบริหารบล. กล่าวว่า บริษัทได้มีการสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้นกู้ของTTWกับนักลงทุนสถาบัน (บุ๊กบิวดิ้ง)ในวันที่ 16 ก.พ. พบว่านักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมาก โดยบริษัทจะมีการเสนอขายหุ้นกู้ แก่นักลงทุนสถาบันกว่า 70% ของหุ้นกู้ที่เสนอขายทั้งหมด 7 พันล้านบาท และอีกกว่า 20% เสนอขายให้แก่นักลงทุนรายย่อย
ชูหุ้นกู้มีรัฐค้ำประกันโดดเด่นสุด
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด กล่าวถึงความนิยมลงทุนในหุ้นกู้ของลูกค้าบริษัทจัดการกองทุนรวมว่า ตอนนี้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุนมาก เพราะตราสารหนี้ภาคเอกชนมีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตามมีเสียงเรียกร้องหรือข้อสอบถามถึงหุ้นกู้จากลูกค้าของบริษัทเช่นกัน ซึ่งโดยรวมจะพบว่านักลงทุนให้ความสนใจกับหุ้นกู้ของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่แปรสภาพมาเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้วมากกว่า เนื่องจากจะมีการค้ำประกันจากรัฐบาล จึงถือว่าช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ลงทุนเพิ่มขึ้น
“หากถามถึงกลุ่มนักลงทุนที่สนใจในหุ้นกู้ต้องบอกว่า ส่วนใหญ่คือกลุ่มลูกค้าเศรษฐี หรือกลุ่มลูกค้าสถาบัน รวมทั้งกลุ่มที่มีเงินเก็บและไม่รีบร้อนนำเงินดังกล่าวออกมาใช้ เพราะการลงทุนในหุ้นกู้จะต้องใช้ระยะเวลา 2-3ปี”