xs
xsm
sm
md
lg

ถ่อย!ตีหัวบก.บันเทิงASTVผู้จัดการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV/ผู้จัดการรายวัน - คนเถื่อนดักตีหัว บก.บันเทิงเอเอสทีวีผู้จัดการ แตกเลือดอาบ เย็บ 5 เข็ม เจ้าตัวสงสัยพวกเสียประโยชน์ทางการเมือง-บันเทิง โดยเฉพาะคนบันเทิงเอี่ยวคดีฉาว อาจไม่พอใจการวิพากษ์วิจารณ์ รับก่อนเกิดเหตุถูกขู่นับ 10 ครั้ง ขณะที่ ตำรวจส่งสายสืบหาข่าว ยอมรับคดีไม่ซับซ้อน "อัญชะลี" เชื่อสาเหตุเพราะเรื่องงานสื่อมวลชนที่ทำ เผยตนเคยถูกข่มขู่คุกคามสารพัดทั้งคนในและนอกเครื่องแบบ ด้านสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ เตรียมออกหนังสือประนามพร้อมจี้ตำรวจจับคนร้าย

วานนี้ (16 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า นายต่อพงษ์ เศวตามร์ บรรณาธิการข่าวบันเทิง หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน และ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ถูกคนร้าย ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ นำส่ง รพ.วชิรพยาบาล เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงพบ นายต่อพงษ์ อยู่ภายในห้องฉุกเฉิน โดยมีบาดแผลศีรษะข้างขวาแตกยาว 5 ซม. เลือดอาบ แผลเย็บ 5 เข็ม ก่อนนำตัวไปเอกซเรยอาการสมองเพื่อดูอาการมีผลกระทบกระเทือนหรือไม่ โดยผลการเอกซเรย์เบื้องต้น กระโหลกศีรษะไม่แตก สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน แพทย์ให้รับยากลับบ้านได้
จากนั้นเวลา 13.00 น.ที่ สน.ชนะสงคราม นายต่อพงษ์ เศวตามร์ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.กิตติศักดิ์ จันทร์ทอง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ชนะสงคราม เพื่อแจ้งความว่า ถูกคนร้ายใช้เหล็กแป๊บฟาดที่ศีรษะแตก โดยมี พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.สุเมธ จิตต์พานิชย์ รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม ร่วมทำการสอบปากคำ
นายต่อพงษ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลา 09.45 น.ได้ขับรถออกจากบ้านมาทำงานปกติ โดยนำรถไปจอดอาคารสถานีวิทยุคลื่น 97.75 เมกะเฮิรตซ์ ซอยรามบุตรี แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. จากนั้นเดินออกมาตามทางในซอยมาที่สำนักงานบ้านพระอาทิตย์ เพื่อเข้าร่วมประชุมในเวลา 10.00 น.เมื่อถึงทางโค้งใกล้กับร้านขายของชำก็มีของแข็งกระแทกใส่ศีรษะอย่างแรง ซึ่งตอนแรกนึกว่าอะไรตกใส่หัว เมื่อมองขึ้นไปข้างบนก็ไม่เห็นอะไร มีเพียงเหล็กแป๊บของกลางยาวประมาณ 1 ฟุต ตกอยู่ในจุดเกิดเหตุเท่านั้น
นายต่อพงษ์ ให้การต่อว่า หลังจากนั้นมีคนตะโกนบอกว่าตนถูกตีหัว เลยหันไปมองด้านหลังก็เห็นคนร้ายเป็นชายใส่หมวกกันน็อกเต็มใบปิดบังใบหน้า สูงประมาณ 170 ซม. การแต่งกายจำได้เพียงสวมเสื้อยืดสีขาวเท่านั้น กำลังวิ่งหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ จำสีและหมายเลขทะเบียนไม่ได้ หลบหนีออกไปทางตรอกโรงไหม ก่อนที่ชาวบ้านในย่านดังกล่าวจะนำกระดาษทิชชูมาซับเลือดให้ จากนั้นก็รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลเพื่อรักษาบาดแผล โดยแพทย์เย็บแผลไป 5 เข็ม ส่วนผลการเอ็กซเรย์กระโหลกไม่แตก สมองไม่ได้รับความกระทบกระเทือน
นายต่อพงษ์ ให้การต่อว่า สาเหตุที่ถูกทำร้ายครั้งนี้น่าจะมาจากที่ตนเป็นบรรณธิการข่าวบันเทิงหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน และ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ อีกทั้งยังจัดรายการวิทยุคลื่น 97.75 ซึ่งพูดวิพากษ์วิจารณ์ถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาตลอด นอกจากนี้ยังจัดรายการวิจารณ์ข่าวบันเทิงในช่องเอเอสทีวี 3 อีกด้วย ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าการวิจารณ์ของตนไปทำให้ผู้เสียประโยชน์เหล่านั้นไม่พอใจก็เป็นได้
“สำหรับข่าวที่นำเสนอในช่วงนี้ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องนั้นกับเหตุการณ์นี้ก็มีอยู่เรื่องหนึ่ง คือ เมื่อประมาณเดือน ม.ค.ที่ผ่านมามีคอลัมน์บีบสิวในเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ เขียนเนื้อหาคล้ายกับว่ามีดาราชายคนหนึ่งเป็นเกย์ โดยหลังจากนั้น “นีโน่” นายเมทนี บูรณะศิริ ก็คิดว่าดาราชายผู้นั้นเป็นตัวเองจึงออกมาให้สัมภาษณ์ว่ารู้ตัวคนเขียนคอลัมน์นี้ มีชื่ออักษรย่อ ต. ซึ่งเขาอาจคิดว่าเป็นผมเป็นคนเขียนก็เลยโทรศัพท์เข้ามาขู่ผมเป็น 10 ครั้งว่าให้เลิกเขียนคอลัมน์นี้ แต่ผมยืนยันว่าเป็นบรรณาธิการข่าวบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนเขียนคอลัมน์นี้แต่อย่างใด และไม่รู้ว่าใครเป็นคนเขียนด้วย”
นอกจากนี้ก็ยังมีกรณีข่าวฉาวของนายเกรียงศักดิ์ สกุลชัย หรือต้อย แอ็คเนอร์ เจ้าของหนังสือพิมพ์บันเทิงมายาแชนแนลด้วย โดยทราบว่าได้มีการติดต่อผู้บริหารระดับสูงของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ เพื่อให้งดเสนอข่าวฉาวดังกล่าวแต่ตนและทีมงานก็ยังเสนอข่าวไปตามหน้าที่สื่อมวลชน จึงอาจสร้างความไม่พอใจให้บุคคลดังกล่าวได้
ด้าน พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า หลังรับแจ้งความก็ได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว เพื่อหาพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งตรวจสอบว่าบริเวณจุดเกิดเหตุมีกล้องวิดีโอวงจรปิดตัวใดสามารถจับภาพขณะเกิดเหตุเอาไว้ได้บ้างหรือไม่ ทั้งนี้ก็จะส่งเหล็กแป๊บของกลางที่เก็บได้ในจุดเกิดเหตุ ส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งคดีนี้เป็นคดีทำร้ายร่างกายที่ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ต.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในซอยรามบุตรีอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาพยานหลักฐาน โดยพบว่า จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณทางโค้งหน้าบริษัท พี.เอส.เอ.คอนซัลแทนท์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 28/6 ในซอยดังกล่าว โดยบริเวณหน้าบริษัทมีกล้องวงจรปิด 1 ตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประสานขอไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะคาดว่าน่าจะจับภาพคนร้ายช่วงเวลาก่อเหตุเอาไว้ได้

**"อัญชะลี" ชี้คุกคามสื่อ
ด้านน.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ซึ่งเป็นดีเจรายการวิทยุ "นักรบมือตบ" ทางคลื่นเอฟเอ็ม 97.75 ร่วมกับนายต่อพงษ์ เศวตามร์ เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวตนมองว่าสาเหตุของการลอบทำร้ายเพื่อนดีเจในครั้งนี้น่าจะมาจากเรื่องของการทำงานล้วนๆ และถือเป็นการคุกคามการทำงานของสื่อมวลชนอย่างหนึ่ง
"เท่าที่ทำงานด้วยกันมาไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องส่วนตัวนะ น่าจะเป็นเรื่องงานมากกว่า อาจจะเป็นพวกที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้วรับไม่ได้ อ่านแล้วฟังแล้วมันไปกระทบจิตใจ-ความรู้สึก หรืออีกส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นพวกที่เสียผลประโยชน์ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาคนทำงานสื่อมักจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้มาโดยตลอด เนื่องจากอาชีพของเรานั้นเป็นอาชีพที่ต้องขุดคุ้ย มีการวิพากษ์วิจารณ์"
ที่ผ่านมาตนก็เคยถูกคุกคาม ข่มขู่มาแล้วสารพัดหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถตาม เฝ้าหน้าบ้าน โทรมาขู่ แต่ก็ยังไม่เคยถึงขนาดที่จะเข้ามาทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด เพียงแต่ทำให้รู้สึกเกรงกลัว
"ดิฉันเคยโดนตอนไปทำวิทยุชมชุนในยุครัฐบาลคุณทักษิณ คือตอนนั้นมันยังไม่เคยมีปรากฏการณ์ของรายการวิทยุที่มันจะไปโจมตีโจมตีวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลแต่อย่างใด พอทำๆ ไปก็มีทั้งคนในเครื่องแบบก็มี นอกเครื่องแบบก็มี เข้ามาคุกคาม ข่มขู่"
"คือเขาอาจจะไม่ได้เข้ามากับเราตรงๆ แต่ก็มีมาทั้งแบบขับรถตามเรา ให้เราเห็น หรือว่ามาจอดรถที่หน้าปากซอย โทรศัพท์มาข่มขู่ ทำตัวแบบจิ๊กโก๋ แล้วก็เคยมีกระทั่งคนในเครื่องแบบเข้ามาขอค้นที่ทำงานโดยที่ไม่มีหมาย อย่างนี้ก็เคยเจอ โดนมาทุกรูปแบบ แต่ครั้งนี้มันทุเรศนะ เพราะมันเหมือนกับหมาลอบกัดน่ะ แล้วมันก็ดูอุกอาจมากนะ กลางวันแสกๆ ในที่ชุมชน แล้วก็มีการพกอาวุธ จำได้ว่าครั้งหนึ่งตอนที่ทำข่าวอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ ก็มีพี่นักข่าวคนหนึ่งเคยถูกลอบดักตีหัวในกระทรวงฯ มาแล้ว ตีกันในกระทรวงเลยนะ"
"สาเหตุก็มาจากการที่เขาอาจจะไปทำข่าวขุดคุ้ยเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่าจริงๆ มันเป็นอย่างไร ใครทำ ใครจ้างใครไปทำ เพราะทุกวันนี้ก็ยังจับใครไม่ได้เลย"
"ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะยังมีอยู่ในสังคมไทยแล้วนะ แต่ก็มีจนได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่เองจะต้องเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ แล้วก็ต้องคาดคั้นให้ได้ว่าทำไปเพราะอะไร มีใครจ้างมาหรือเปล่า อย่าปล่อยให้เรื่องมันเงียบหายไปเพราะรู้สึกหมั่นไส้สื่ออยู่ เพราะเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดกับสื่อหรอก ใครก็ตาม บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะ ถ้าทำกันอย่างนี้สังคมไทยมันจะอยู่กันได้อย่างไร"

***สมาคมนักข่าวเตรียมประนาม
ในส่วนท่าทีของทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนาตยา เชษฐโชติรส นายกสมาคมนักข่าวฯ ได้รับรู้เรื่องราวดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นจะให้เจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร และถ้าหากพบว่าเป็นเรื่องของการคุกคามสื่อจริงๆ ก็อาจจะต้องออกแถลงการณ์ประนามรวมถึงทำหนังสือไปยังฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเพื่อให้เร่งรัดตรวจสอบจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าวต่อไป
“เราเพิ่งตั้งศูนย์ขึ้นมาตรวจสอบ ติดตามเรื่องนักข่าวถูกคุกคามอยู่แล้ว อย่างกรณีของคุณต่อพงษ์ก็อยู่ในข่ายถูกคุกคาม โดยกลุ่มคนที่ไม่ทราบชื่อ เราก็คงจะมีการติดต่อเข้าไปสอบถามข้อมูลกับทางคุณต่อพงษ์ก่อน ว่าอยากให้ทางเราช่วยเหลืออะไรหรือไม่ เรามีความเป็นห่วงนักข่าวที่เขาทำตามหน้าที่ของตัวเอง แล้วไปขัดผลประโยชน์กับใครเข้า แล้วใช่วิธีสกปรกเล่นงานนักข่าว ซึ่งจริงๆ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองทางกฎหมายอยู่แล้ว สามารถตอบโต้กันทางกฎหมายได้ ถ้าหากคิดว่าสื่อนั้นนำเสนอข่าวที่ไม่จริง ไม่น่าจะใช้ความรุนแรง ใช้วิธีศาลเตี้ยแบบนี้ ทางเราคัดค้านการใช้วิธีการแบบนี้อยู่แล้ว” นางนาตยากล่าว
จุดยืนเรื่องการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพเราก็ยึดมั่นมาตลอด รวมไปถึงการดูแลเรื่องสวัสดิการ การรักษาพยาบาล รวมไปถึงการให้ทุนการศึกษาแก่บุตรนักข่าว ซึ่งเราไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งสิ้นในการที่จะไปตรวจสอบ หรือเข้าไปควบคุมการทำงานของสื่อ ให้ต้องเปลี่ยนจุดยืน
"เช่นเดียวกัน ใครที่คิดว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการนำเสนอข่าว ก็สามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้ ด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดีกันตามกฎหมายได้ แต่เราไม่มีอำนาจควบคุมตรงนั้น การทำงานขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ และจรรยาบรรณของสื่อนั้นๆ ซึ่งถ้าสื่อทำความเสียหายให้กับใคร เขาก็ต้องรับผิดชอบเองทางกฎหมาย แต่ไม่มีสิทธิเข้าไปควบคุมการทำงาน”.
กำลังโหลดความคิดเห็น