xs
xsm
sm
md
lg

‘ข้าวฮาง’ตอบโจทย์อร่อยได้สุขภาพ ยกเครื่องภูมิปัญญาโบราณบุกขึ้นห้าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- แม้ข้าวกล้องจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทว่า ข้อจำกัดเรื่องรสชาติความอร่อย และกระบวนการหุงค่อนข้างยาก ทำให้ความนิยมยังไม่สูงนัก เพื่อแก้ข้อด้อยดังกล่าว นำมาสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่สำหรับข้าวไทย โดยดึง “ข้าวฮาง” ภูมิปัญญาดั้งเดิมต่อยอดกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีคุณค่าสูง ทั้งทางโภชนาการ และศักยภาพการแข่งขันในตลาด

ผู้อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคือ จอมพจน์ เกษมรุ่งชัยกิจ วัย 29 ปี ทายาทรุ่น 3 ของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีรุ่งชัยกิจ ซึ่งทำธุรกิจโรงสีข้าวที่ จ.กาฬสินธุ์ มากว่า 30 ปีแล้ว

เนื่องจากคลุกคลีอยู่ในวงการข้าวมาตั้งแต่เกิด รู้ดีว่า การแข่งขันในธุรกิจนี้ใช้กลยุทธ์ด้านราคาเป็นหลัก เกิดปัญหาถูกกดราคาต่ำ และขายตัดราคากันเองเรื่อยมา ดังนั้น ได้สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเพิ่มค่าให้แก่ข้าว โดยนำ “ข้าวฮาง” ซึ่งเป็นข้าวกล้องงอกชนิดหนึ่ง ผลิตขึ้นตามกรรมวิธีท้องถิ่นของชาวเผ่าภูไทในภาคอีสาน มาต่อยอดด้วยผลงานการวิจัย และผลิตโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีคุณค่าทางอาหารสูง และยังกินได้ง่าย

“ผมคิดว่า ข้าวฮางเป็นสินค้าที่มีวัฒนธรรม เมื่อบวกด้วยเทคโนโลยี และขั้นตอนการผลิตที่ทันสมัย สามารถสร้างศักยภาพทางการตลาดได้ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับส่วนตัวผมศึกษาด้านอาหารชีวจิต และกินข้าวฮางในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว จึงอยากผลิตสินค้านี้ขึ้น นอกจากจะช่วยต่อยอดธุรกิจครอบครัวแล้ว ยังช่วยให้ผู้บริโภคได้กินข้าวที่มีประโยชน์ ในราคาเหมาะสมด้วย” จอมพจน์ ระบุ

ความโดดเด่นของข้าวฮาง คือ มีสารอาหารต่างๆ สูงมาก โดยเฉพาะสาร GABA (Gamma Amino Butyric Acid) ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตและปริมาณคลอเรสเตอรอล มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคอัลไซเมอร์ อีกทั้ง มีธาตุแมงกานีส ในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง นอกจากนั้น ข้าวฮางมีค่าการเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในกระแสเลือดต่ำจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

จอมพจน์ เผยว่า ที่ผ่านมา มีผู้ผลิตข้าวฮางแล้วเช่นกัน แต่แทบทั้งหมด ยังผลิตไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น แนวทางธุรกิจจะพยายามสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ข้าวฮาง โดยใช้ทุนไปแล้วกว่า 5 แสนบาท สำหรับวิจัยและพัฒนาสินค้าร่วมกับหน่วยงานที่น่าเชื่อถือต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เป็นต้น

สำหรับข้าวที่เลือกมาทำเป็นข้าวฮาง คัดเฉพาะข้าวหอมมะลิเกรดเอ จุดเด่นของข้าวฮางที่ผ่านกระบวนการต่างๆ แล้ว จะมีลักษณะพิเศษนิ่มอร่อยใกล้เคียงข้าวขาว สามารถหุงได้เหมือนกับข้าวขาวทั่วไป และมีกลิ่นหอมอ่อนๆของเปลือยข้าว ขณะที่สารอาหารต่างๆ สูงกว่าข้าวกล้องทั่วไป โดยมีข้อมูลจากผลวิจัยยืนยัน

ทั้งนี้ ดำเนินธุรกิจโดยจัดตั้งบริษัท อาร์ซีเค อะกริ มาร์เกตติ้ง จำกัด ขึ้น เมื่อเดือนธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา และเริ่มส่งสินค้าทดลองตลาดภายใต้แบรนด์ “Green Leaf” เมื่อเดือนตุลาคม 2551 วางขายตามร้านสินค้าเพื่อสุขภาพ ใน จ.กาฬสินธุ์ และใกล้เคียง มีปริมาณการผลิตประมาณ 2-3 ตันต่อเดือน นอกจากนั้น กำลังจะก่อสร้างโรงงานใหม่ เพื่อผลิตสินค้าแบบอุตสาหกรรมได้มาตรฐานสากล เช่น GMP HACCP เป็นต้น โดยใช้งบกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งมาจากสถาบันการเงินประมาณ 30 ล้านบาท ทุนส่วนตัวประมาณ 15 ล้านบาท และร่วมทุนกับหน่วยงานภาครัฐอย่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) อีก5 ล้านบาท

คาดโรงงานจะแล้วเสร็จ ปลายปีนี้ (2552) สามารถจะผลิตข้าวฮางได้สูงถึง 2,800 ตันต่อปี และเมื่อการผลิตพร้อม จะส่งเข้าขายตามโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายวางไว้ คือ กลุ่มผู้รักสุขภาพ โดยเฉพาะสตรีวัย 35 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ที่กินข้าวกล้องอยู่แล้วให้หันมากินข้าวฮางแทน นอกจากนั้น มีแผนส่งออกต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งมีกำลังซื้อสูง และให้ความสนใจข้าวไทยอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่า หลังสินค้าเข้าโมเดิร์นเทรดแล้ว ในปีแรก จะมียอดขายประมาณ 80 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นปีละ 10% จนถึงปีที่ 5 ยอดขายกว่า 180 ล้านบาท และสามารถถึงจุดคืนเงินลงทุนได้ภายใน 5 ปี

จอมพจน์ ระบุด้วยว่า ปัจจุบัน ข้าวหอมมะลิโดยเฉลี่ยขายประมาณ 30-40 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนข้าวกล้องหอมมะลิ ประมาณ 45 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาข้าวฮาง กำหนดราคาขายเบื้องต้นที่กิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งสามารถสร้างเพิ่มมูลค่าให้แก่ข้าวหอมมะลิจากเดิมกว่า 40% โดยการทำตลาด เน้นให้ความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ พยายามนำเสนอคุณสมบัติของข้าวฮางให้เป็นที่รับรู้แก่ผู้บริโภค รวมถึง นำเสนอความเป็นอาหารจากภูมิปัญญาไทยแท้ๆ ซึ่งต่างชาติให้การยอมรับอยู่แล้ว นอกจากนั้น ก่อนออกตลาดจริงปลายปีนี้ จะปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายยิ่งขึ้นด้วย

************************

รู้จัก “ข้าวฮาง” ให้มากขึ้น

ข้าวฮางเป็นข้าวที่ผลิตขึ้นตามกรรมวิธีโบราณตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวเผ่าภูไทในภาคอีสาน สืบต่อกันมากว่า 200 ปี โดยใช้วิธีนำข้าวเปลือกมาบ่มพักไว้ 2 คืน จากนั้นนำไปแช่น้ำประมาณ 12-48 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการงอก ขั้นตอนต่อมานำข้าวเปลือกที่แช่น้ำไว้นึ่งประมาณ 30-60 นาที แล้วตากให้แห้ง และสีเป็นข้าวกล้องต่อไป โดยรวมใช้ระยะเวลาประมาณ 5 วันต่อการผลิต 1รอบ

ทั้งนี้ การนำข้าวเปลือกมาแช่น้ำให้เกิดการงอกจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีในเมล็ดข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขึ้นของปริมาณสาร GABA ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายหลายด้าน นอกจากนั้น จากกรรมวิธีผลิตข้าวฮาง ทำให้ได้ข้าวเต็มเมล็ดที่มีจมูกข้าวและรำข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ รวมกว่า 20ชนิด อีกทั้ง ข้าวฮางมีเส้นใยอาหารปริมาณสูง ช่วยการทำงานของระบบขับถ่าย

โทร.08-1592-6099 , 043-811-231
กำลังโหลดความคิดเห็น