ASTVผู้จัดการรายวัน - มั่นคงฯมั่นใจฝีมือสามารถดันยอดขายทั้งปีโต 10% หรือ 2,500 ล้านบาท สวนทางเศรษฐกิจ ชี้ปัจจัยบวกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ-ดอกเบี้ยขาลง เพิ่มงบการตลาด ดึงแบงก์ออกดอกเบี้ยพิเศษ ครึ่งปีหลังเปิดโครงการใหม่-เฟสต่อเนื่อง ด้านบิ๊กกานดาฯอุ้มลูกค้า อยู่ฟรี-ผ่อนแทนลูกค้า 12 งวด หวังต่อยอดมาตรการรัฐ พร้อมเปิด2โครงการใหม่ในทำเลใหม่ประชาอุทิศ-พระประแดง
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ปี 52 เป็นปีที่ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก แต่เมื่อเทียบกับปี 40 แล้ว อสังหาฯในปีนี้ถือว่ามีโอกาศที่ดีกว่า เนื่องจากมีการสนับสนุนธุรกิจอสังหาฯจากรัฐบาล ทั้งการลดภาษีหรือการหักลดหย่อนภาษี รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ หากมีการก่อตั้งบริษัทรับประกันเงินฝากจะยิ่งช่วยให้กลุ่มผู้ซื้อบ้านมีมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่มีเงินออม
นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการเงินบัญชี บริษัทมั่นคงฯ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ทั้งในเรื่องของการลงทุนขยายโครงการใหม่ และการรักษาระดับหนี้สินต่อทุน(D/E)ให้อยู่ในระดับต่ำ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 0.52 : 1 เท่า หรือมีหนี้ที่ต้องชำระคืนสถาบันการเงินประมาณ 900 ล้านบาท ขณะที่ทรัพย์สินมีทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท ขณะที่ช่วงวิกฤต ปี 40 บริษัทฯมีหนี้สินสูงถึง 3 เท่า ส่วนกระแสเงินทุนหมุนเวียน ปัจจุบันมีประมาณ 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอีก
ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพงานก่อสร้างให้รวดเร็วขึ้น โดยปัจจุบันบ้านเดี่ยวใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4-5 เดือน จากอดีตใช้เวลา 8-12 เดือน อีกทั้งจะพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ ตั้งเป้าเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยเป็นเฟสต่อเนื่องโครงการเดิม 2 โครงการ คือโครงการชวนชื่น เพชรเกษม และชวนชื่นไอแลนด์ และ 3 โครงการที่เหลือเป็นโครงการเปิดใหม่ คาดว่าจะเปิดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเตรียมงบประมาณซื้อที่ดินไว้ 500 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี แม้จะมีโครงการในมือจำนวนมาก แต่บริษัทยังคงรักษาสต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่ตลาดสามารถดูดซับออกไปได้โดยเร็ว คือ ปกติจะมีสินค้าบ้านสร้างเสร็จโครงการละ 10 ยูนิต หรือรวมทุกโครงการ 100 ยูนิต มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ไม่สูงมาก
ส่วนกลยุทธ์ด้านการตลาดจะเน้นกิจกรรมทางการตลาดและการจัดแคมเปญพิเศษให้มากกว่าทุกปี รวมไปถึงการร่วมมือกับสถาบันการเงินในการจัดหาเงินกู้ในอัตราพิเศษให้แก่ลูกค้า โดยตั้งเป้าใช้งบการตลาดเพิ่มมากขึ้นประมาณ 70 ล้านบาท หรือประมาณ 3.5% ของยอดขายจากปกติใช้ 3%
ด้านเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขาย 2,500 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้า 10% ที่มียอดขาย 2,270 ล้านบาท โดยจะเป็นยอดขายที่มาจาก 5 โครงการใหม่และอีก 17 โครงการเก่า ที่มีมูลค่าเหลือขายประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้โอนมาจากปีที่แล้ว 1,100 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งแรกของปีนี้ ส่วนภาวะการขายในไตรมาส 4 ของปี 51 มียอดขาย 300 ล้านบาท ถือว่าต่ำที่สุดในรอบปี ส่วนเดือนมกราคมที่ผ่านมา มียอดขายกว่า 100 ล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าปกติที่มียอดขายประมาณเดือนละ 150 ล้านบาท
กานดาฯอัดแคมเปญผ่อนแทนลูกค้า2ปี
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า เพื่อให้สอดรับกับมาตรการทางภาษีต่างๆของภาครัฐ และเพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด บริษัทได้นำโครงการย่านพระราม2 มาร่วมจัดแคมปญ "Pomotion สบาย..สบาย 2 ปี " โดยในปีแรกผู้ซื้อบ้านในโครงการของบริษัทไม่ต้องผ่อนชำระกับสถาบันการเงินพร้อมกับไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และในปีที่สองทางโครงการจะช่วยผ่อนให้เป็นเวลา 12 งวด
โดยโครงการที่เข้าร่วมแคมเปญ ได้แก่ โครงการกานดาบ้านริมคลอง 3 บริษัทจะช่วยผ่อนเดือนละ 6,000 -25,000 บาท (12 งวด) ,บ้านแฝด -บ้านเดี่ยวในโครงการกานดา พาร์ค ช่วยผ่อนเดือนละ 5,000 -15,000 บาท(12 งวด) ,โครงการ The First Home ช่วยผ่อนเดือนละ 4,500-12,000 บาท (12งวด) เช่นกัน โดยก่อนหน้าในปี51 บริษัทได้ออกแคมเปญ"อยู่ฟรี 1 ปี กู้ 100% " ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับอย่างล้นหลาม ส่งผลให้ภาพรวมของยอดขายในปีที่ผ่านมาทำได้ถึง 800 ล้านบาท จากเป้าที่วางไว้ 700 ล้านบาท
ในส่วนของการลงทุน ในต้นปีมีแผนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่ม 2 โครงการ ซึ่งเป็นการขยายฐานกลุ่มลูกค้าในทำเลใหม่ ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับปานกลาง ได้แก่ 1. โครงการกานดา พาร์ค ประชาอุทิศ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว จำนวน 50 ยูนิต ขนาด 50 ตรว.ขึ้นไป ราคา 3.5 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการประมาณ 175 ล้านบาท 2. โครงการ The First Home ประชาอุทิศ (พระประแดง) เนื้อที่ 20 ไร่ รูปแบบคลัสเตอร์โฮม จำนวน 200 ยูนิต ขนาด 22 ตรว. ราคา 1.5-2 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลล์ประมาณเดือนเม.ย.นี้
"เป็นครั้งแรกที่บริษัทขยายฐานการพัฒนามาในทำเลประชาอุทิศและพระประแดง จากเดิมที่เน้นการพัฒนาในโซนพระราม 2 เป็นหลัก เนื่องจากที่ผ่านมาจากการสำรวจพบว่า มีลูกค้าจากโซนดังกล่าวมาซื้อบ้านของกานดาฯ ในทำเลพระราม2 ถึง 20-30 ยูนิต จาก 100 ยูนิต และแม้ว่าในโซนดังกล่าวจะมีการแข่งขันจากผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายกลางก็ตาม แต่มั่นใจว่าด้วยขนาดและราคาของบ้านในโครงการที่ใหญ่และถูกกว่าคู่แข่งประมาณ 20% น่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี"
ในส่วนทำเลพระราม 2 ทำเลหลักของบริษัทฯ ยังคงมีแผนลงทุนพัฒนาโครงการเฟสต่อเนื่องอีก 4 โครงการ คือ The First Home เป็นทาวน์เฮาส์ จำนวน 125 ยูนิต ราคา 1.3 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท ,กานดา บ้านริมคลอง3 เป็นคลัสเตอร์โฮม จำนวน 200 ยูนิต ราคา 1.6 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่า 400 ล้านบาท,กานดา พาร์ค เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 50 ยูนิต ราคา 2.4 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 175 ล้านบาท และสยาม เนเชอรัลโฮม บ้านเดี่ยว จำนวน 30 ยูนิต ราคา 4-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ปี 52 เป็นปีที่ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก แต่เมื่อเทียบกับปี 40 แล้ว อสังหาฯในปีนี้ถือว่ามีโอกาศที่ดีกว่า เนื่องจากมีการสนับสนุนธุรกิจอสังหาฯจากรัฐบาล ทั้งการลดภาษีหรือการหักลดหย่อนภาษี รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ หากมีการก่อตั้งบริษัทรับประกันเงินฝากจะยิ่งช่วยให้กลุ่มผู้ซื้อบ้านมีมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่มีเงินออม
นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการเงินบัญชี บริษัทมั่นคงฯ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ทั้งในเรื่องของการลงทุนขยายโครงการใหม่ และการรักษาระดับหนี้สินต่อทุน(D/E)ให้อยู่ในระดับต่ำ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 0.52 : 1 เท่า หรือมีหนี้ที่ต้องชำระคืนสถาบันการเงินประมาณ 900 ล้านบาท ขณะที่ทรัพย์สินมีทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท ขณะที่ช่วงวิกฤต ปี 40 บริษัทฯมีหนี้สินสูงถึง 3 เท่า ส่วนกระแสเงินทุนหมุนเวียน ปัจจุบันมีประมาณ 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอีก
ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพงานก่อสร้างให้รวดเร็วขึ้น โดยปัจจุบันบ้านเดี่ยวใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4-5 เดือน จากอดีตใช้เวลา 8-12 เดือน อีกทั้งจะพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ ตั้งเป้าเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยเป็นเฟสต่อเนื่องโครงการเดิม 2 โครงการ คือโครงการชวนชื่น เพชรเกษม และชวนชื่นไอแลนด์ และ 3 โครงการที่เหลือเป็นโครงการเปิดใหม่ คาดว่าจะเปิดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเตรียมงบประมาณซื้อที่ดินไว้ 500 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี แม้จะมีโครงการในมือจำนวนมาก แต่บริษัทยังคงรักษาสต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่ตลาดสามารถดูดซับออกไปได้โดยเร็ว คือ ปกติจะมีสินค้าบ้านสร้างเสร็จโครงการละ 10 ยูนิต หรือรวมทุกโครงการ 100 ยูนิต มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ไม่สูงมาก
ส่วนกลยุทธ์ด้านการตลาดจะเน้นกิจกรรมทางการตลาดและการจัดแคมเปญพิเศษให้มากกว่าทุกปี รวมไปถึงการร่วมมือกับสถาบันการเงินในการจัดหาเงินกู้ในอัตราพิเศษให้แก่ลูกค้า โดยตั้งเป้าใช้งบการตลาดเพิ่มมากขึ้นประมาณ 70 ล้านบาท หรือประมาณ 3.5% ของยอดขายจากปกติใช้ 3%
ด้านเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขาย 2,500 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้า 10% ที่มียอดขาย 2,270 ล้านบาท โดยจะเป็นยอดขายที่มาจาก 5 โครงการใหม่และอีก 17 โครงการเก่า ที่มีมูลค่าเหลือขายประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้โอนมาจากปีที่แล้ว 1,100 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งแรกของปีนี้ ส่วนภาวะการขายในไตรมาส 4 ของปี 51 มียอดขาย 300 ล้านบาท ถือว่าต่ำที่สุดในรอบปี ส่วนเดือนมกราคมที่ผ่านมา มียอดขายกว่า 100 ล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าปกติที่มียอดขายประมาณเดือนละ 150 ล้านบาท
กานดาฯอัดแคมเปญผ่อนแทนลูกค้า2ปี
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า เพื่อให้สอดรับกับมาตรการทางภาษีต่างๆของภาครัฐ และเพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด บริษัทได้นำโครงการย่านพระราม2 มาร่วมจัดแคมปญ "Pomotion สบาย..สบาย 2 ปี " โดยในปีแรกผู้ซื้อบ้านในโครงการของบริษัทไม่ต้องผ่อนชำระกับสถาบันการเงินพร้อมกับไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และในปีที่สองทางโครงการจะช่วยผ่อนให้เป็นเวลา 12 งวด
โดยโครงการที่เข้าร่วมแคมเปญ ได้แก่ โครงการกานดาบ้านริมคลอง 3 บริษัทจะช่วยผ่อนเดือนละ 6,000 -25,000 บาท (12 งวด) ,บ้านแฝด -บ้านเดี่ยวในโครงการกานดา พาร์ค ช่วยผ่อนเดือนละ 5,000 -15,000 บาท(12 งวด) ,โครงการ The First Home ช่วยผ่อนเดือนละ 4,500-12,000 บาท (12งวด) เช่นกัน โดยก่อนหน้าในปี51 บริษัทได้ออกแคมเปญ"อยู่ฟรี 1 ปี กู้ 100% " ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับอย่างล้นหลาม ส่งผลให้ภาพรวมของยอดขายในปีที่ผ่านมาทำได้ถึง 800 ล้านบาท จากเป้าที่วางไว้ 700 ล้านบาท
ในส่วนของการลงทุน ในต้นปีมีแผนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่ม 2 โครงการ ซึ่งเป็นการขยายฐานกลุ่มลูกค้าในทำเลใหม่ ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับปานกลาง ได้แก่ 1. โครงการกานดา พาร์ค ประชาอุทิศ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว จำนวน 50 ยูนิต ขนาด 50 ตรว.ขึ้นไป ราคา 3.5 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการประมาณ 175 ล้านบาท 2. โครงการ The First Home ประชาอุทิศ (พระประแดง) เนื้อที่ 20 ไร่ รูปแบบคลัสเตอร์โฮม จำนวน 200 ยูนิต ขนาด 22 ตรว. ราคา 1.5-2 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลล์ประมาณเดือนเม.ย.นี้
"เป็นครั้งแรกที่บริษัทขยายฐานการพัฒนามาในทำเลประชาอุทิศและพระประแดง จากเดิมที่เน้นการพัฒนาในโซนพระราม 2 เป็นหลัก เนื่องจากที่ผ่านมาจากการสำรวจพบว่า มีลูกค้าจากโซนดังกล่าวมาซื้อบ้านของกานดาฯ ในทำเลพระราม2 ถึง 20-30 ยูนิต จาก 100 ยูนิต และแม้ว่าในโซนดังกล่าวจะมีการแข่งขันจากผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายกลางก็ตาม แต่มั่นใจว่าด้วยขนาดและราคาของบ้านในโครงการที่ใหญ่และถูกกว่าคู่แข่งประมาณ 20% น่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี"
ในส่วนทำเลพระราม 2 ทำเลหลักของบริษัทฯ ยังคงมีแผนลงทุนพัฒนาโครงการเฟสต่อเนื่องอีก 4 โครงการ คือ The First Home เป็นทาวน์เฮาส์ จำนวน 125 ยูนิต ราคา 1.3 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท ,กานดา บ้านริมคลอง3 เป็นคลัสเตอร์โฮม จำนวน 200 ยูนิต ราคา 1.6 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่า 400 ล้านบาท,กานดา พาร์ค เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 50 ยูนิต ราคา 2.4 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 175 ล้านบาท และสยาม เนเชอรัลโฮม บ้านเดี่ยว จำนวน 30 ยูนิต ราคา 4-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท
