ASTVผู้จัดการรายวัน – อาร์เอสกอดรัด 2 คลื่นวิทยุแน่น ยังไม่กล้าขยายธุรกิจ ขอเติบโตแค่ 5.5%
นายคมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกาย-ไฮเน็ตเวิร์ค จำกัด ในเครือบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ทางบริษัทยังมีแผนที่จะขยายคลื่นใหม่ซึ่งขึ้นอยู่กับโอกาส แต่จะพยายามที่จะประคองคลื่นที่มีอยู่ 2 คลื่นให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมองว่าสภาวะเศรษฐกิจบวกกับความไม่แน่นอนจากภาครัฐ จึงยังไม่ควรขยายธุรกิจ
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มฐานกลุ่มผู้ฟังประจำและเพิ่มคุณค่าในสายตาลูกค้า ได้ ใช้งบ 65 ล้านบาทในการจัดกิจกรรมต่างๆโดยแบ่งเป็นกิจกรรมของคลื่น Cool 93 Fahrenheit 40 ล้านบาท และคลื่น 103 I Feel max 25 ล้านบาท ในการเดินหน้าแนวความคิดการตลาดเพื่อสังคมหรือCSRโดยการปรับบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อที่เพียงรณรงค์ให้ข้อมูลถึงผลกระทบของภาวะโลกร้อนแก่ผู้ฟังมาสู่แนวคิดในการเริ่มต้นลงมือทำ เพื่อสร้างแบบอย่างไปสู่กลุ่มผู้ฟัง ผ่านแผนการตลาดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Eco Experience” ด้วยรูปแบบกิจกรรมที่จะมอบประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ผู้ฟัง
ปัจจุบันคลื่น Cool 93 Fahrenheit มีกลุ่มผู้ฟังประมาณ 1 ล้านคน ทั้งนี้จะมีการใช้กลยุทธ์คูลแอมบาสเดอร์ ที่จะส่งผลให้คาแรกเตอร์คลื่นมีความชัดเจนมาก และสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ปลายปีมีผู้ฟังเพิ่มเป็น2 ล้านคน ซึ่งรายได้คลื่นนี้มาจากกิจกรรม 40% และจากโฆษณา 60%
สำหรับคลื่น103 I feel max ซึ่งปัจจุบันมีผู้ฟังประมาณ 2.5- 3 แสนคน ซึ่งตั้งเป้าไว้ปลายปีว่าจะเพิ่มกลุ่มผู้ฟังอีก 5 แสนคน โดยเจาะไปที่กลุ่มมัธยมต้นไปจนถึงมหาวิทยาลัยเนื่องจากการจัดกิจกรรมและการสร้างคุณค่าให้กับตัวPJ ของคลื่น โดยคลื่นนี้มีรายได้จากกิจกรรม 60% และโฆษณา 40%
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 355 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มจากปีก่อน 5.5% เนื่องมาจาการมุ่งสร้างแบรนด์และตอกย้ำภาพลักษณ์ของคลื่นให้แข็งแกร่ง ด้านภาพรวมของธุรกิจในปี 2550 มีรายได้อยู่ที่ 340 ล้านบาท หรือคิดเป็น14 % ของรายได้ทั้งหมดในเครืออาร์เอส โดยแบ่งเป็นรายได้จากสปอนเซอร์และลูกค้าที่ซื้อเวลาโฆษณาจากคลื่นCOOL 93 คิดเป็น 70 % และคลื่น 103 I Feel Max เป็น30 %
ทั้งนี้ในไตรมาสแรกของปี2552 ทางบริษัทมียอดการซื้อสื่อโฆษณายาวทั้งปีกับทางคลื่นประมาณ 50 -60% ซึ่งลูกค้าที่ซื้อสปอตโฆษณาส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มกลุ่มสินค้าประเภท โอเปอเรเตอร์ต่างๆ อาทิ AIS DTAC, TRUE MOVE, สินค้าประเภท Cosmatic, กลุ่มธนาคารต่างๆ, คอนซูเมอร์โปรดักส์ รวมทั้งสินค้าสุขภัณฑ์ต่างๆ
นายคมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกาย-ไฮเน็ตเวิร์ค จำกัด ในเครือบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ทางบริษัทยังมีแผนที่จะขยายคลื่นใหม่ซึ่งขึ้นอยู่กับโอกาส แต่จะพยายามที่จะประคองคลื่นที่มีอยู่ 2 คลื่นให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมองว่าสภาวะเศรษฐกิจบวกกับความไม่แน่นอนจากภาครัฐ จึงยังไม่ควรขยายธุรกิจ
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มฐานกลุ่มผู้ฟังประจำและเพิ่มคุณค่าในสายตาลูกค้า ได้ ใช้งบ 65 ล้านบาทในการจัดกิจกรรมต่างๆโดยแบ่งเป็นกิจกรรมของคลื่น Cool 93 Fahrenheit 40 ล้านบาท และคลื่น 103 I Feel max 25 ล้านบาท ในการเดินหน้าแนวความคิดการตลาดเพื่อสังคมหรือCSRโดยการปรับบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อที่เพียงรณรงค์ให้ข้อมูลถึงผลกระทบของภาวะโลกร้อนแก่ผู้ฟังมาสู่แนวคิดในการเริ่มต้นลงมือทำ เพื่อสร้างแบบอย่างไปสู่กลุ่มผู้ฟัง ผ่านแผนการตลาดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Eco Experience” ด้วยรูปแบบกิจกรรมที่จะมอบประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ผู้ฟัง
ปัจจุบันคลื่น Cool 93 Fahrenheit มีกลุ่มผู้ฟังประมาณ 1 ล้านคน ทั้งนี้จะมีการใช้กลยุทธ์คูลแอมบาสเดอร์ ที่จะส่งผลให้คาแรกเตอร์คลื่นมีความชัดเจนมาก และสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ปลายปีมีผู้ฟังเพิ่มเป็น2 ล้านคน ซึ่งรายได้คลื่นนี้มาจากกิจกรรม 40% และจากโฆษณา 60%
สำหรับคลื่น103 I feel max ซึ่งปัจจุบันมีผู้ฟังประมาณ 2.5- 3 แสนคน ซึ่งตั้งเป้าไว้ปลายปีว่าจะเพิ่มกลุ่มผู้ฟังอีก 5 แสนคน โดยเจาะไปที่กลุ่มมัธยมต้นไปจนถึงมหาวิทยาลัยเนื่องจากการจัดกิจกรรมและการสร้างคุณค่าให้กับตัวPJ ของคลื่น โดยคลื่นนี้มีรายได้จากกิจกรรม 60% และโฆษณา 40%
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 355 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มจากปีก่อน 5.5% เนื่องมาจาการมุ่งสร้างแบรนด์และตอกย้ำภาพลักษณ์ของคลื่นให้แข็งแกร่ง ด้านภาพรวมของธุรกิจในปี 2550 มีรายได้อยู่ที่ 340 ล้านบาท หรือคิดเป็น14 % ของรายได้ทั้งหมดในเครืออาร์เอส โดยแบ่งเป็นรายได้จากสปอนเซอร์และลูกค้าที่ซื้อเวลาโฆษณาจากคลื่นCOOL 93 คิดเป็น 70 % และคลื่น 103 I Feel Max เป็น30 %
ทั้งนี้ในไตรมาสแรกของปี2552 ทางบริษัทมียอดการซื้อสื่อโฆษณายาวทั้งปีกับทางคลื่นประมาณ 50 -60% ซึ่งลูกค้าที่ซื้อสปอตโฆษณาส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มกลุ่มสินค้าประเภท โอเปอเรเตอร์ต่างๆ อาทิ AIS DTAC, TRUE MOVE, สินค้าประเภท Cosmatic, กลุ่มธนาคารต่างๆ, คอนซูเมอร์โปรดักส์ รวมทั้งสินค้าสุขภัณฑ์ต่างๆ