กรณี นาย วิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม เรื่องการแจกถุงยังชีพและปลากระป๋องเน่า ยี่ห้อ ชาวดอย ให้กับผู้ประสบอุทกภัย จ.พัทลุง จนเป็นประเด็นร้อนที่สังคมให้การจับตามองมาตลอด 2 สัปดาห์ เพราะกระทบกับความรู้สึกของประชาชนทั่วไป และได้มีโอกาศชี้แจงข้อเท็จจริงมาแล้วถึง 3 ครั้ง
ล่าสุด นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เปิดแถลงไขก็อกขอลาออกจากตำแหน่ง เพื่อยุติปัญหาแจกถุงยังชีพและปลากระป๋องเน่า โดยระบุว่าสาเหตุที่ออกเพราะต้องการสร้างมาตรฐานทางจริยธรรม
แต่ทั้งนี้หลังแถลงเสร็จ นายวิฑูรย์ปฎิเสธที่จะตอบคำถามต่อสื่อมวลชน ถึงความชัดเจนกรณีดังกล่าว แต่จะขอชี้แจงข้อเท็จจริงในพรรคแทน ซึ่งเหมือนเป็นการทิ้งเครื่องหมายคำถามให้กับประชาชนโดยทั่วไปว่าข้อเท็จจริงที่แท้จริงเป็นเช่นไร
จากกรณีดังกล่าว ได้มีข้าราชการเก่าของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ส่งบทความเรื่อง " เหยื่อของสังคมหรือเหยื่อของข้าราชการประจำ?" มาให้กับกองบรรณาธิการ astv-ผู้จัดการ เนื้อหาของบทความของคุณ ปาริญา มีดังนี้
-----------------------------------------------------
ข่าวการเมืองซึ่งเป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนในขณะนี้ข่าวหนึ่งก็คือ ปลากระป๋องเน่า ของรัฐมนตรี วิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จนได้รับสมญานามว่า "รัฐมนตรีปลากระป๋อง" รู้สึกเห็นใจท่านรัฐมนตรีมาก แต่ขณะเดียวกันก็เห็นใจประชาชนชาวพัทลุงผู้เคราะห์ร้าย เพราะนอกจากจะได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติแล้ว ยังเสียความรู้สึกต่อหน่วยงานของรัฐ เรื่องในทำนองนี้เป็นมานานแล้ว แต่ไม่ได้หยิบมาเป็นข่าว บังเอิญยุคนี้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายแค้น จึงทำให้ข่าวนี้ร้อนแรง ความจริงเรื่องนี้เป็นข่าวเสียบ้างก็ดี เพราะจะทำให้ทุกฝ่ายตระหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของมนุษย์ ผู้รับผิดชอบซึ่งเป็นข้าราชการของสำนักงานพัฒนาสังคม
ทุกจังหวัด เวลาจะไปสั่งของจากร้านไหน ควรไปเลือกสินค้าด้วยตัวเอง และต้องดูวันหมดอายุก่อนเลือกของ รวมไปถึงควรเลือกของที่มียี่ห้อ ไม่ควรเลือกสินค้าโนเนม ควรถามตัวเองก่อนว่าถ้ามีผู้อื่นนำของชนิดเดียวกันนี้มาให้เรา เรารู้สึกพอใจไหม เอาใจเขามาใส่ใจเรา ดังนั้นของที่จะนำไปแจกควรเป็นของที่มีคุณภาพสักหน่อย เช่นผ้าห่มที่นำไปแจกประชาชน ที่ประสบภัยหนาวนั้นบางและเล็กเกินไป ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ เพราะต้องแจกทุกปี ถ้าเลือกผ้าห่มที่มีคุณภาพ หรือผ้านวม นอกจากจะทำให้อุ่นแล้ว ยังใช้ได้นานหลายปีไม่ต้องแจกทุกปี
เราทราบดีว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือเดิมชื่อว่า สำนักงานประชาสงเคราะห์จังหวัด ต้องทำงานหนักมาก เพราะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของกระทรวงในการดูแลทุกข์สุขประชาชน ในจังหวัดต่างๆที่ประสบความเดือนร้อน ดังนั้นต้องทำงานทุกอย่างตามนโยบายของกระทรวง ทั้งนโยบายของฝ่ายการเมือง นอกจากนี้ ยังมีงานจร งานฝากงานการกุศลต่างๆอีกมากมาย ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ แต่มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบเพียงน้อยนิด บางจังหวัดมีไม่ถึง10คน มีรถยนต์สำหรับปฏิบัติงานเพียง 1-2 คัน ซึ่งต้องแย่งกันใช้จนบางครั้งต้องมีเรื่องบาดหมางใจกันถ้าจัดระบบไม่ดี เพราะพื้นที่ต่างจังหวัดกว้างขวางและไกล ไม่มีรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือรถแท็กซี่ เหมือนในกรุงเทพฯ บางครั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานบางคนต้องเสียสละใช้รถยนต์ส่วนตัว
สำหรับงานสำคัญเร่งด่วนของหน่วยงานก็คือ ภัยพิบัติได้แก่ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ เพราะเหตุการ์ดังกล่าวมักเกิดขึ้นรวดเร็ว บางครั้งไม่สามารถคาดการณ์ได้ หน่วยงานต้องเร่งรีบให้ความช่วยเหลือ ประชาชนผู้เดือดร้อนโดยเร่งด่วน การช่วยเหลือเฉพาะหน้าคือ ถุงยังชีพ ซึ่งจะมีข้าวสาร อาหารแห้งตามจำนวนของผู้เดือดร้อนนับร้อยๆถุง
โจทย์ก็คือ จะเตรียมให้ทันต่อเหตุกาณ์ได้อย่างไร ภายใต้เงื่อนไขระยะเวลาเร่งด่วน ทางหน่วยงานเคยหาวิธีการต่างๆ เช่น จัดซื้อ ข้าวสาร เป็นกระสอบๆพร้อมอาหารแห้ง มาบรรจุใส่ถุงยังชีพแทนเอง ซึ่งต้องใช้กำลังคนจำนวนมากมาช่วยบรรจุ ต้องขอความร่วมมืออาสาสมัครมาช่วยกันห่อทั้งคืน รู้สึก ว่าเป็นงานหนักมาก เพราะสำนักงานยังมีงานด้านอื่นๆอีกมาก ต่อมาจึงติดต่อร้านค้าและร้านโชว์ห่วย ช่วยดำเนินการจัดข้าวสารอาหารแห้งบรรจุเป็นถุงให้สำเร็จเรียบร้อย เพียงแค่ยกโทรศัพท์สั่งทางร้านที่จะจัดการให้เรียบร้อย ส่วนใหญ่จะกำหนดเป็นรายการว่าว่ามีอะไรบ้าง
โดยเจ้าหน้าที่ เจ้าของเรื่องผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ส.ส. หรือรัฐมนตรีมักไม่มีโอกาศรู้ได้เลยว่า ทางร้านเอาของยี่ห้ออะไร หมดอายุหรือไม่บรรจุลงในถุงยังชีพ เพราะทางร้านจะปิดฝาถุงนำใส่รถมาส่งให้ที่สำนักงานฯ หรือสถานที่เกิดภัยพิบัติ แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานฯ ไม่ลืมใส่ลงไปในถุงยังชีพก็คือแผ่นข้อความ "ด้วยความห่วงใยจาก....." ( ใส่ตำแหน่งผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ส.ส.หรือรัฐมนตรี) โดยไม่ให้เครดิตหน่วยงานของตนเองเลย
เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมากเหมือนปิดทองหลังพระ เคยทักท้วงหัวหน้าหน่วยงานแล้วแต่ไม่รับคำตอบว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ กันมานานแล้ว นี่คือวิสัยทัศน์ของข้าราชการยุคเก่า ที่มักจะโดนผู้ใหญ่หรือนักการเมือง ทำให้ชาวบ้านที่ได้รับของเข้าใจผิดว่าเป็นของผู้ว่าหรือของ ส.ส. หรือของรัฐมนตรี ผู้แจก ทั้งๆที่เป็นงบประมาณของกระทรวงซึ่งเป็นเงินภาษีของพวกเรา
ดังนั้น การที่รัฐมนตรี คุณวิฑูรย์ นามบุตร เพิ่งเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้ เพียง 1-2 สัปดาห์ ซึ่งทำหน้าที่เพียงผู้กำกับนโยบายมิใช่ผู้ปฏิบัติคงไม่คิดที่จะไปเปิดถุงดูว่ามีอะไรบ้างเหมือนกับชาวบ้านที่ไปซื้อถังสังฆทาน หรือกระเช้าของขวัญปีใหม่ ที่ทางร้านหรือห้างสรรพสินค้า เขาจัดไว้สำเร็จรูปซึ่งผู้ซื้อไม่อาจรู้ได้ว่าของหมดอายุหรือไม่
คนที่รู้ดีคือ ผู้รับ แลัวบังเอิญรัฐมนตรี วิฑูรย์ เข้ามารับตำแหน่งในช่วงที่เกิดภัยพิบิติ พอดี สำนักงานเขาจึงเชิญไปมอบของให้ผู้เดือดร้อนในฐานะเจ้ากระทรวงผู้รับผิดชอบตามธรรมเนียมปฏิบัติของหน่วยงาน มักให้เกีรยติข้าราชการระดับสูง นักการเมืองที่มาเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนเป็นผู้มอบถุงยังชีพให้ประชาชน ปกติแล้วถ้าไม่มีนักการเมืองมาเยี่ยมเยียนผู้ว่าหรือรองผู้ว่า พร้อมพัฒนาสังคมฯจังหวัดมักจะเดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับความเดือดร้อนพร้อมมอบถุงยังชีพเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นผู้มอบก็ตาม ถ้าปลากระป๋องมันจะเน่ามันก็เน่าไม่ใช่เฉพาะคุณวิฑูรย์ เป็นผู้มอบเท่านั้น
แต่เหตุการณ์บังเอิญไปแจ๊กพ็อต ที่คุณ วิฑูรย์ ถ้าจะไล่เบี้ยไปหาคนผิดก็คือร้านค้าที่ทำการค้าโดยไม่สุจริต ค้ากำไรเกินควี หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคต้องแจ้งความนำตัวมาลงโทษให้ได้ คนต่อไปก็คือ ข้าราชการเจ้าของเรื่องผู้รับผิดชอบงานนี้ ละเลยไม่เอาใจใส่เท่าที่ควร เขาควรไปกำกับดูแลที่ร้าน โดยนำรายการไปให้ว่าจะเอาของอะไรบ้าง ยีห้ออะไร ขอดูสินค้า และกำชับร้านค้าให้เลือกของที่ดีมีคุณภาพไม่หมดอายุสุ่มตรวจของภายในถุงยังชีพ ร้านค้าส่วนมากจะเกรงใจข้าราชการ เจ้าของเรื่อง มักจะให้เปอเซ็นต์สำนักงานด้วย ( สำหรับใช้จ่ายในสำนักงานเป็นค่าเอนเตอร์เทนเนอร์ผู้บังคับบัญชาการระดับเวลามาเยี่ยมเยียนสำนักงาน ) ถ้าเรากำกับดูแลร้านค้าดีๆ ร้านค้าจะไม่กล้าทำแบบนี้กับเรา เพราะร้านค้ากลัวว่าเราจะเปลี่ยนไปสั่งร้านอื่นเรื่องนี้จึงเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ขอแสดงความเสียใจต่อ คุณ วิฑูรย์ นามบุตรที่ท่านต้องกลายมาเป็นเหยื่อของข้าราชการประจำ
---------------------------------------------------
ล่าสุด นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เปิดแถลงไขก็อกขอลาออกจากตำแหน่ง เพื่อยุติปัญหาแจกถุงยังชีพและปลากระป๋องเน่า โดยระบุว่าสาเหตุที่ออกเพราะต้องการสร้างมาตรฐานทางจริยธรรม
แต่ทั้งนี้หลังแถลงเสร็จ นายวิฑูรย์ปฎิเสธที่จะตอบคำถามต่อสื่อมวลชน ถึงความชัดเจนกรณีดังกล่าว แต่จะขอชี้แจงข้อเท็จจริงในพรรคแทน ซึ่งเหมือนเป็นการทิ้งเครื่องหมายคำถามให้กับประชาชนโดยทั่วไปว่าข้อเท็จจริงที่แท้จริงเป็นเช่นไร
จากกรณีดังกล่าว ได้มีข้าราชการเก่าของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ส่งบทความเรื่อง " เหยื่อของสังคมหรือเหยื่อของข้าราชการประจำ?" มาให้กับกองบรรณาธิการ astv-ผู้จัดการ เนื้อหาของบทความของคุณ ปาริญา มีดังนี้
-----------------------------------------------------
ข่าวการเมืองซึ่งเป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนในขณะนี้ข่าวหนึ่งก็คือ ปลากระป๋องเน่า ของรัฐมนตรี วิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จนได้รับสมญานามว่า "รัฐมนตรีปลากระป๋อง" รู้สึกเห็นใจท่านรัฐมนตรีมาก แต่ขณะเดียวกันก็เห็นใจประชาชนชาวพัทลุงผู้เคราะห์ร้าย เพราะนอกจากจะได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติแล้ว ยังเสียความรู้สึกต่อหน่วยงานของรัฐ เรื่องในทำนองนี้เป็นมานานแล้ว แต่ไม่ได้หยิบมาเป็นข่าว บังเอิญยุคนี้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายแค้น จึงทำให้ข่าวนี้ร้อนแรง ความจริงเรื่องนี้เป็นข่าวเสียบ้างก็ดี เพราะจะทำให้ทุกฝ่ายตระหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของมนุษย์ ผู้รับผิดชอบซึ่งเป็นข้าราชการของสำนักงานพัฒนาสังคม
ทุกจังหวัด เวลาจะไปสั่งของจากร้านไหน ควรไปเลือกสินค้าด้วยตัวเอง และต้องดูวันหมดอายุก่อนเลือกของ รวมไปถึงควรเลือกของที่มียี่ห้อ ไม่ควรเลือกสินค้าโนเนม ควรถามตัวเองก่อนว่าถ้ามีผู้อื่นนำของชนิดเดียวกันนี้มาให้เรา เรารู้สึกพอใจไหม เอาใจเขามาใส่ใจเรา ดังนั้นของที่จะนำไปแจกควรเป็นของที่มีคุณภาพสักหน่อย เช่นผ้าห่มที่นำไปแจกประชาชน ที่ประสบภัยหนาวนั้นบางและเล็กเกินไป ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ เพราะต้องแจกทุกปี ถ้าเลือกผ้าห่มที่มีคุณภาพ หรือผ้านวม นอกจากจะทำให้อุ่นแล้ว ยังใช้ได้นานหลายปีไม่ต้องแจกทุกปี
เราทราบดีว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือเดิมชื่อว่า สำนักงานประชาสงเคราะห์จังหวัด ต้องทำงานหนักมาก เพราะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของกระทรวงในการดูแลทุกข์สุขประชาชน ในจังหวัดต่างๆที่ประสบความเดือนร้อน ดังนั้นต้องทำงานทุกอย่างตามนโยบายของกระทรวง ทั้งนโยบายของฝ่ายการเมือง นอกจากนี้ ยังมีงานจร งานฝากงานการกุศลต่างๆอีกมากมาย ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ แต่มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบเพียงน้อยนิด บางจังหวัดมีไม่ถึง10คน มีรถยนต์สำหรับปฏิบัติงานเพียง 1-2 คัน ซึ่งต้องแย่งกันใช้จนบางครั้งต้องมีเรื่องบาดหมางใจกันถ้าจัดระบบไม่ดี เพราะพื้นที่ต่างจังหวัดกว้างขวางและไกล ไม่มีรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือรถแท็กซี่ เหมือนในกรุงเทพฯ บางครั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานบางคนต้องเสียสละใช้รถยนต์ส่วนตัว
สำหรับงานสำคัญเร่งด่วนของหน่วยงานก็คือ ภัยพิบัติได้แก่ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ เพราะเหตุการ์ดังกล่าวมักเกิดขึ้นรวดเร็ว บางครั้งไม่สามารถคาดการณ์ได้ หน่วยงานต้องเร่งรีบให้ความช่วยเหลือ ประชาชนผู้เดือดร้อนโดยเร่งด่วน การช่วยเหลือเฉพาะหน้าคือ ถุงยังชีพ ซึ่งจะมีข้าวสาร อาหารแห้งตามจำนวนของผู้เดือดร้อนนับร้อยๆถุง
โจทย์ก็คือ จะเตรียมให้ทันต่อเหตุกาณ์ได้อย่างไร ภายใต้เงื่อนไขระยะเวลาเร่งด่วน ทางหน่วยงานเคยหาวิธีการต่างๆ เช่น จัดซื้อ ข้าวสาร เป็นกระสอบๆพร้อมอาหารแห้ง มาบรรจุใส่ถุงยังชีพแทนเอง ซึ่งต้องใช้กำลังคนจำนวนมากมาช่วยบรรจุ ต้องขอความร่วมมืออาสาสมัครมาช่วยกันห่อทั้งคืน รู้สึก ว่าเป็นงานหนักมาก เพราะสำนักงานยังมีงานด้านอื่นๆอีกมาก ต่อมาจึงติดต่อร้านค้าและร้านโชว์ห่วย ช่วยดำเนินการจัดข้าวสารอาหารแห้งบรรจุเป็นถุงให้สำเร็จเรียบร้อย เพียงแค่ยกโทรศัพท์สั่งทางร้านที่จะจัดการให้เรียบร้อย ส่วนใหญ่จะกำหนดเป็นรายการว่าว่ามีอะไรบ้าง
โดยเจ้าหน้าที่ เจ้าของเรื่องผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ส.ส. หรือรัฐมนตรีมักไม่มีโอกาศรู้ได้เลยว่า ทางร้านเอาของยี่ห้ออะไร หมดอายุหรือไม่บรรจุลงในถุงยังชีพ เพราะทางร้านจะปิดฝาถุงนำใส่รถมาส่งให้ที่สำนักงานฯ หรือสถานที่เกิดภัยพิบัติ แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานฯ ไม่ลืมใส่ลงไปในถุงยังชีพก็คือแผ่นข้อความ "ด้วยความห่วงใยจาก....." ( ใส่ตำแหน่งผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ส.ส.หรือรัฐมนตรี) โดยไม่ให้เครดิตหน่วยงานของตนเองเลย
เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมากเหมือนปิดทองหลังพระ เคยทักท้วงหัวหน้าหน่วยงานแล้วแต่ไม่รับคำตอบว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ กันมานานแล้ว นี่คือวิสัยทัศน์ของข้าราชการยุคเก่า ที่มักจะโดนผู้ใหญ่หรือนักการเมือง ทำให้ชาวบ้านที่ได้รับของเข้าใจผิดว่าเป็นของผู้ว่าหรือของ ส.ส. หรือของรัฐมนตรี ผู้แจก ทั้งๆที่เป็นงบประมาณของกระทรวงซึ่งเป็นเงินภาษีของพวกเรา
ดังนั้น การที่รัฐมนตรี คุณวิฑูรย์ นามบุตร เพิ่งเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้ เพียง 1-2 สัปดาห์ ซึ่งทำหน้าที่เพียงผู้กำกับนโยบายมิใช่ผู้ปฏิบัติคงไม่คิดที่จะไปเปิดถุงดูว่ามีอะไรบ้างเหมือนกับชาวบ้านที่ไปซื้อถังสังฆทาน หรือกระเช้าของขวัญปีใหม่ ที่ทางร้านหรือห้างสรรพสินค้า เขาจัดไว้สำเร็จรูปซึ่งผู้ซื้อไม่อาจรู้ได้ว่าของหมดอายุหรือไม่
คนที่รู้ดีคือ ผู้รับ แลัวบังเอิญรัฐมนตรี วิฑูรย์ เข้ามารับตำแหน่งในช่วงที่เกิดภัยพิบิติ พอดี สำนักงานเขาจึงเชิญไปมอบของให้ผู้เดือดร้อนในฐานะเจ้ากระทรวงผู้รับผิดชอบตามธรรมเนียมปฏิบัติของหน่วยงาน มักให้เกีรยติข้าราชการระดับสูง นักการเมืองที่มาเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนเป็นผู้มอบถุงยังชีพให้ประชาชน ปกติแล้วถ้าไม่มีนักการเมืองมาเยี่ยมเยียนผู้ว่าหรือรองผู้ว่า พร้อมพัฒนาสังคมฯจังหวัดมักจะเดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับความเดือดร้อนพร้อมมอบถุงยังชีพเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นผู้มอบก็ตาม ถ้าปลากระป๋องมันจะเน่ามันก็เน่าไม่ใช่เฉพาะคุณวิฑูรย์ เป็นผู้มอบเท่านั้น
แต่เหตุการณ์บังเอิญไปแจ๊กพ็อต ที่คุณ วิฑูรย์ ถ้าจะไล่เบี้ยไปหาคนผิดก็คือร้านค้าที่ทำการค้าโดยไม่สุจริต ค้ากำไรเกินควี หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคต้องแจ้งความนำตัวมาลงโทษให้ได้ คนต่อไปก็คือ ข้าราชการเจ้าของเรื่องผู้รับผิดชอบงานนี้ ละเลยไม่เอาใจใส่เท่าที่ควร เขาควรไปกำกับดูแลที่ร้าน โดยนำรายการไปให้ว่าจะเอาของอะไรบ้าง ยีห้ออะไร ขอดูสินค้า และกำชับร้านค้าให้เลือกของที่ดีมีคุณภาพไม่หมดอายุสุ่มตรวจของภายในถุงยังชีพ ร้านค้าส่วนมากจะเกรงใจข้าราชการ เจ้าของเรื่อง มักจะให้เปอเซ็นต์สำนักงานด้วย ( สำหรับใช้จ่ายในสำนักงานเป็นค่าเอนเตอร์เทนเนอร์ผู้บังคับบัญชาการระดับเวลามาเยี่ยมเยียนสำนักงาน ) ถ้าเรากำกับดูแลร้านค้าดีๆ ร้านค้าจะไม่กล้าทำแบบนี้กับเรา เพราะร้านค้ากลัวว่าเราจะเปลี่ยนไปสั่งร้านอื่นเรื่องนี้จึงเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ขอแสดงความเสียใจต่อ คุณ วิฑูรย์ นามบุตรที่ท่านต้องกลายมาเป็นเหยื่อของข้าราชการประจำ
---------------------------------------------------