ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – แนวร่วมพันธมิตรฯเห็นช่องทางร่วมสร้างการเมืองใหม่ โดยได้เข้าร้องเรียนคณะกรรมการพันธมิตรฯสงขลา ถึงกรณีอาจารย์สอนวิชาฝรั่งเศสระดับมัธยมของโรงเรียนดังในท้องที่ อ.เมืองสงขลา มักใช้วิธีเล่นกลในการเรียนการสอนเพื่อเรียกเก็บเงินจากเด็กนักเรียน ซึ่งเชื่อว่ามีเงินจำนวนหนึ่งตกถึงกระเป๋าตัวเอง ด้านกรรมการพันธมิตรฯสงขลาชี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในสังคม ยันสอดรับกับปรัชญาการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯที่เน้นความเป็นธรรม เสียสละและกล้าหาญ
แนวร่วมพันธมิตรฯสงขลา ซึ่งเป็นผู้ปกครองเด็กนักเรียนของโรงเรียนรัฐบาลมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.สงขลา เปิดเผย “ASTVผู้จัดการรายวัน” ว่า ตนได้ตัดสินใจเข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลาเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าการที่พี่น้องพันธมิตรฯสงขลากำลังร่วมกันสร้างสรรค์การเมืองใหม่ โดยเรียกร้องให้ไม่เฉพาะแต่นักการเมืองเท่านั้น แต่ต้องการให้ทุกคนในสังคมมีใจเป็นธรรม เสียสละและกล้าหาญ ตนจึงตัดสินใจนำเรื่องเกี่ยวกับปัญหาในการศึกษาของบุตรไปร้องเรียนดังกล่าว
แนวร่วมพันธมิตรฯสงขลา ซึ่งเป็นผู้ปกครองเด็กนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าว บอกเล่าว่าตนรับไม่ได้กับพฤติกรรมอาจารย์คนหนึ่งที่สอนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ เพราะมักจะหาช่องทางขูดรีดเงินกับเด็กนักเรียนอยู่บ่อยครั้ง โดยยกเอาโครงการหรือกิจกรรมที่คิดขึ้นมาเอง แล้วอ้างว่าเป็นของโรงเรียนที่นักเรียนจำเป็นต้องเข้าร่วม ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีผลต่อคะแนนของนักเรียนที่ไม่เข้าร่วม โดยมีเสียงร่ำลือว่า น่าจะมีส่วนได้รับเปอร์เซ็นต์จากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับนักเรียนเหล่านั้นด้วย
“อาจารย์คนนี้มักจะจัดพานักเรียนไปทัศนศึกษาดูงาน หรือให้ร่วมกิจกรรมที่กำหนดขึ้น ซึ่งในแต่ละครั้งก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่ครอบครัวของเรานั้นไม่ใช่คนมีฐานะดี โดยมีอาชีพรับจ้างทำงานทั่วไป ในแต่ละเดือนก็มีรายได้เพียงเล็กน้อย เมื่อลูกมาขอเงินเพิ่มเติมจากที่ต้องจ่ายเป็นค่าลงทะเบียนเรียน ในฐานะพ่อแม่ก็สงสารลูก เพราะเราไม่มีเงินจะให้เขา” ผู้ปกครองเด็กนักเรียนคนนี้กล่าวและว่า
ตนได้สอบถามลูกถึงความจำเป็นที่ต้องใช้เงินเกี่ยวกับการศึกษาเช่นว่านี้แล้ว พบว่า จากการที่อาจารย์ท่านนี้สอนวิชาภาษาฝรั่งเศสระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งจะเน้นย้ำให้เด็กนักเรียนทราบบ่อยๆ ว่าต้องการสอนให้เด็กเกิดทักษะ ทั้งในเรื่องของการฟัง พูด อ่าน เขียนและโภชนาการ แม้ในแต่ละเทอม โรงเรียนจะกำหนดให้นักเรียนเลือกลงทะเบียนเรียนได้ตามที่สนใจ แต่อาจารย์ท่านนี้มักจะพูดชักจูงให้นักเรียนลงเรียนวิชาของตนเองอยู่บ่อยๆ
หลังจากที่ลูกตนลงเรียนวิชาดังกล่าว จึงทราบว่าต้องใช้เงินจำนวนมาก เพราะอาจารย์มักจะมีโครงการพานักเรียนไปเรียนรู้นอกสถานที่ ซึ่งในแต่ละครั้งอาจารย์ก็จะเก็บเงินจากเด็กนักเรียนค่อนข้างสูง เช่น พานักเรียนไปกินอาหารที่โรงแรมหรู โดยอ้างว่าไปเรียนรู้วิธีการรับประทานอาหารจากสถานที่จริง พานักเรียนไปพักที่โรงแรมมีชื่อเสียงเพื่อเรียนรู้การจัดห้องพักของโรงแรม ทั้งที่โรงแรมดังกล่าวก็อยู่ติดกับโรงเรียนแห่งนั้น ซึ่งการขอความร่วมมือไปศึกษาดูงานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายก็น่าจะพอ เป็นต้น โดยถ้านักเรียนคนใดไม่เข้าร่วมอาจารย์ก็ขู่ว่าจะหักคะแนน
นอกจากนี้แล้ว ในแต่ละสัปดาห์ในการเรียนวิชาโภชนาการฝรั่งเศสนี้ ซึ่งจะเปิดสอน 2 คาบต่อสัปดาห์ อาจารย์ท่านนี้ก็จะสั่งให้เด็กนักเรียนนำอาหารมาส่งที่โรงเรียนเป็นประจำ ซึ่งในแต่ละสัปดาห์ก็จะต้องใช้เงินซื้ออาหารตามกำหนดครั้งละ 100-200 บาท ถ้านักเรียนคนใดไม่ปฏิบัติก็จะหักคะแนน
“การสอนทำอาหารของอาจารย์คนนี้แปลกไปจากโรงเรียนอื่นๆ เพราะอาจารย์ไม่ได้สอนวิธีการปรุงอาหาร แต่จะสอนเพียงแค่การจัดตกแต่งจานเท่านั้น เพราะอาจารย์จะให้นักเรียนนำอาหารที่ปรุงสำเร็จรูปมาจากบ้าน และนำมาตกแต่งในจานที่โรงเรียน ซึ่งเด็กนักเรียนไม่ได้รับความรู้อะไรเลย เพราะอาจารย์จะไม่อธิบายคำศัพท์เกี่ยวกับกระบวนการปรุง หรือเครื่องปรุง แต่จะใช้วิธีการแจกเอกสารแล้วอ่านให้นักเรียนฟัง ถ้านักเรียนคนใดไม่เข้าใจเกิดซักถามขึ้นมาก็จะโดนอาจารย์ดุและทำโทษ”
แนวร่วมพันธมิตรฯสงขลาซึ่งเป็นผู้ปกครองนักเรียนคนเดิม กล่าวด้วยว่า อาจารย์ท่านนี้เป็นผู้หญิงที่ยังโสดจึงมีอารมณ์รุนแรง หลายครั้งเกิดอาการไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ เมื่อเด็กนักเรียนทำผิดเพียงเล็กน้อยก็จะดุด่าหรือทำโทษรุนแรง บางครั้งก็ใช้คำหยาบคายกับเด็กนักเรียนเมื่อเกิดอาการไม่พอใจ
นอกจากเด็กนักเรียนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เกี่ยวกับการเรียนวิชาฝรั่งเศสกับอาจารย์คนนี้แล้ว ในส่วนของหนังสือที่ใช้ในการเรียนการสอนก็เช่นกัน อาจารย์ก็มักจะหาหนทางสั่งนักเรียนให้ซื้อหนังสือเรียนเพิ่มเติม แต่ไม่ใช่ไปหาซื้อได้ที่อื่นๆ เพราะอาจารย์เองจะเป็นคนจัดหามาให้ แล้วใช้วิธีเรียกเก็บเงินกับเด็กนักเรียนภายหลัง บ่อยครั้งก็จะเป็นหนังสือที่ถ่ายเอกสารมาพร้อมแนบแผ่นซีดีมาขายนักเรียน ซึ่งอาจารย์ก็ไม่ได้นำหนังสือเล่มนั้นมาสอนด้วย แต่จะให้เด็กนักเรียนไปศึกษาจากแผ่นซีดีที่แนบมาเอาเอง
“เมื่อมีเด็กนักเรียนบางคนไปร้องเรียนกับอาจารย์ท่านอื่นๆ หรือถึงขั้นร้องต่อผู้อำนวยการโรงเรียนเองก็เคยมี แต่ก็ไม่ได้รับการสนใจ เพราะทั้งผู้อำนวยการโรงเรียนและอาจารย์ด้วยกันต่างใช้วิธีนิ่งเฉยทำทองไม่รู้ร้อน ที่ผ่านมาไม่เคยมีการตรวจสอบหรือสืบหาข้อเท็จจริงใดๆ หรือแม้กระทั่งเรียกอาจารย์คนนั้นไปสอบถามอะไรก็ไม่เคยมี ซึ่งเด็กนักเรียนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอาจารย์ท่านอื่นทำอะไรอาจารย์คนดังกล่าวไม่ได้”
ด้าน นายสุมิตร นวลมณี รองประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การร้องเรียนของผู้ปกครองนักเรียนดังกล่าว น่าจะถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของสังคม ซึ่งได้ซึมซับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากการต่อสู้ของผองพี่น้องพันธมิตรฯ ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดช่องทางและมีแนวคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องลุกขึ้นต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม การฉ้อฉลที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเกิดจากฝีมือภาครัฐ ภาคราชการหรือการเอารัดเอาเปรียบจากผู้มีอิทธิพลที่มีอยู่หลากหลายรูปแบบในสังคม
“นี่นับเป็นอีกจุดเริ่มต้นที่ผองพี่น้องพันธมิตรฯทั้งหลายจะได้ร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ โดยเริ่มจากช่วยกันคนละไม้คนละมือสร้างสังคมให้สะอาด ซื่อสัตย์ อันเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพี่น้องพันธมิตรฯเรา ที่สังคมควรจะต้องได้ผู้บริหารที่ซื่อสัตย์และกล้าหาญในที่สุด” นายสุมิตรกล่าวตบท้าย