สทท.เตรียมเสนอ 3 แผนงานพัฒนามาตรฐานท่องเที่ยวไทย ต่อ สศช. หวังใช้ช่วงเวลา 2-3 ปี ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก นักท่องเที่ยวหดหาย หันมาพัฒนาสินค้า บริการ และบุคคลากร ชี้ ที่ผ่านมา การใช้งบประมาณรัฐ เพียงแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แบบไม่มีการวางโครงสร้างพื้นฐานแบบยั่งยืน
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สทท.กำลังดำเนินการวางกรอบการพัฒนามาตรฐานด้านการท่องเที่ยวเพื่อเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)เพื่อพิจารณา โดยมีทั้งหมด 3 แผนงาน ได้แก่ 1.การจัดทำมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว 2.มาตรฐานการประหยัดพลังงาน และ3.มาตรฐานด้านชีวอนามัย
ทั้ง 3 แผนดังกล่าว จะช่วยเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงของการพัฒนาบุคลากรด้านท่องเที่ยว และสอดรับกับแนวคิดของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) ในด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน เพราะที่ผ่านมา การใช้งบประมาณของภาครัฐ เป็นเพียงใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ได้มองการวางรากฐานระยะยาว
มาตรฐานทั้ง 3 ข้อ ดังกล่าว จะเข้ามาจัดวางโครงสร้างให้แก่การพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยสู่ระดับสากล เป็นการท่องเที่ยวแบบยังยืนและบูรณาการ ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้าตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงเท่านั้น มาตรฐานนี้กำหนดรูปแบบในอนาคต ซึ่งสทท.วางมาตรฐานเรื่องความปลอดภัย ชีวอนามัย และการประหยัดพลังงาน เพราะอยู่ในกระแสที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เมื่อเดินทางพักผ่อน โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนการลดใช้พลังงาน ก็สอดคล้องกับภาวะโลกร้อย ที่หลายประเทศเริ่มรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวของตัวเองเลือกเดินทางไปเส้นทางเที่ยวที่มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อน เช่น ออสเตรเลีย เป็นต้น
นายกงกฤช กล่าวว่า ประเทศไทยควรที่จะใช้ช่วงเวลาที่โลกเกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ในการเริ่มแผนดังกล่าว เป็นการจัดวางมาตรฐานและพัฒนาบุคลากร ซึ่งเชื่อว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้จะกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางลดลงราว 2-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเหมาะที่ผู้ประกอบการจะใช้เวลานี้เพิ่มทักษะด้านภาษาและบริการ เตรียมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมหลังจากนี้ไป
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สทท.กำลังดำเนินการวางกรอบการพัฒนามาตรฐานด้านการท่องเที่ยวเพื่อเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)เพื่อพิจารณา โดยมีทั้งหมด 3 แผนงาน ได้แก่ 1.การจัดทำมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว 2.มาตรฐานการประหยัดพลังงาน และ3.มาตรฐานด้านชีวอนามัย
ทั้ง 3 แผนดังกล่าว จะช่วยเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงของการพัฒนาบุคลากรด้านท่องเที่ยว และสอดรับกับแนวคิดของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) ในด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน เพราะที่ผ่านมา การใช้งบประมาณของภาครัฐ เป็นเพียงใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ได้มองการวางรากฐานระยะยาว
มาตรฐานทั้ง 3 ข้อ ดังกล่าว จะเข้ามาจัดวางโครงสร้างให้แก่การพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยสู่ระดับสากล เป็นการท่องเที่ยวแบบยังยืนและบูรณาการ ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้าตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงเท่านั้น มาตรฐานนี้กำหนดรูปแบบในอนาคต ซึ่งสทท.วางมาตรฐานเรื่องความปลอดภัย ชีวอนามัย และการประหยัดพลังงาน เพราะอยู่ในกระแสที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เมื่อเดินทางพักผ่อน โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนการลดใช้พลังงาน ก็สอดคล้องกับภาวะโลกร้อย ที่หลายประเทศเริ่มรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวของตัวเองเลือกเดินทางไปเส้นทางเที่ยวที่มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อน เช่น ออสเตรเลีย เป็นต้น
นายกงกฤช กล่าวว่า ประเทศไทยควรที่จะใช้ช่วงเวลาที่โลกเกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ในการเริ่มแผนดังกล่าว เป็นการจัดวางมาตรฐานและพัฒนาบุคลากร ซึ่งเชื่อว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้จะกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางลดลงราว 2-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเหมาะที่ผู้ประกอบการจะใช้เวลานี้เพิ่มทักษะด้านภาษาและบริการ เตรียมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมหลังจากนี้ไป
