ASTVผู้จัดการรายวัน - สสปน. ประกาศงานประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติที่เลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพแล้วกว่า 173 งาน พร้อมโปรโมทภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะการเป็นเป้าหมายการจัดประชุมและแสดงสินค้านานาชาติของเอเซีย โดยชู “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ร่วมโปรโมท คาดทั้งปี 2522 ดึงคนเข้าไทย 699,600 คน โกยรายได้ 57,000 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ สสปน. กล่าวว่า หลังจากวิกฤตทางการเมืองที่ผ่านมา ในปีนี้ สสปน. ได้เร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติทุกทิศทาง เพื่อดึงรายได้จากการใช้จ่ายของผู้เข้าร่วมประชุมมาใช้จ่ายในประเทศไทยทั้งด้านการรุกดึงงานใหม่ โดยในปีนี้มีงานประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติที่ประกาศเลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพแล้วรวมกว่า 173 งาน แบ่งเป็นงานด้านการจัดประชุมนานาชาติจำนวน 93 งาน และงานแสดงสินค้านานาชาติจำนวน 80 งาน
นอกจากนี้ สำหรับการสร้างภาพลักษณ์เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประเทศไทยให้ฟื้นกลับคืนมา ทางสสปน. ได้มีการประสานงานเรียนเชิญ พณฯ ท่าน นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติ กล่าวต้อนรับนักธุรกิจจากทั่วเอเซียผ่านสื่อโทรทัศน์ทั่วเอเซีย เพื่อสร้างความมั่นใจและตอกย้ำความเป็นผู้นำของไทยในอุตสาหกรรมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติในอาเซียน และยังได้ร่วมประชาสัมพันธ์งานประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 หรืองานอาเซียนซัมมิทที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 1 มีนาคมผ่านสปอตภาพยนตร์โฆษณาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ CNBC โดยจะแพร่ภาพในเดือนกุมภาพันธ์นี้ไปยังกว่า 21 ประเทศทั่วเอเชีย
“ตรงนี้คืออีกหนึ่งความสำเร็จของอุตสาหกรรมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติไทยในการดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งเชื่อมั่นว่าความสำเร็จทั้งหมดเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับการเริ่มต้นในช่วงต้นปี”
นายณัฐวุฒิ กล่าวเสริมว่า ล่าสุด ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน UNICITY Global Convention 2010 ซึ่งเป็นงานประชุมใหญ่ประจำปี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ของกลุ่มบริษัท ยูนิซิตี้
ทั่วโลกที่มีสาขากว่า 26 ประเทศ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมจากนานาชาติและประเทศไทยกว่า 25,000 คน ซึ่งหมายรวมถึงรายได้เข้าประเทศอีกกว่า 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีงานประชุมประกาศยืนยันการเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปีถึง 31 งาน รวมกับงานที่ยืนยันเดิมอยู่แล้วเป็น 173 งาน ซึ่งมีงานไฮไลท์สำคัญในปี 2552 อาทิ งาน 48th Orient and Southeast Asian LIONS (OSEAL) Forum, งาน 19th World Congress of Neurology, งาน International Harm Reduction Association (IHRA) Annual Conference 2009 และยังมีงานด้านการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในระดับภูมิภาคและระดับโลกที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติให้เข้ามาจัดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ งาน VIV Asia 2009, งาน Intermach 2009, งาน ProPak Asia 2009, งาน TIPREX และงาน METALEX 2009 เป็นต้น
จากแผนการดำเนินงานฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์หลังวิกฤตทางการเมือง คาดว่าจะสามารถผลักดันให้เกิดการจัดงานประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทยได้ตามเป้าหมายในปี 2552 ที่จะมีการเติบโตประมาณ 10% หรือประมาณ 699,600 คน และสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยประมาณ 57,000 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ สสปน. กล่าวว่า หลังจากวิกฤตทางการเมืองที่ผ่านมา ในปีนี้ สสปน. ได้เร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติทุกทิศทาง เพื่อดึงรายได้จากการใช้จ่ายของผู้เข้าร่วมประชุมมาใช้จ่ายในประเทศไทยทั้งด้านการรุกดึงงานใหม่ โดยในปีนี้มีงานประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติที่ประกาศเลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพแล้วรวมกว่า 173 งาน แบ่งเป็นงานด้านการจัดประชุมนานาชาติจำนวน 93 งาน และงานแสดงสินค้านานาชาติจำนวน 80 งาน
นอกจากนี้ สำหรับการสร้างภาพลักษณ์เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประเทศไทยให้ฟื้นกลับคืนมา ทางสสปน. ได้มีการประสานงานเรียนเชิญ พณฯ ท่าน นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติ กล่าวต้อนรับนักธุรกิจจากทั่วเอเซียผ่านสื่อโทรทัศน์ทั่วเอเซีย เพื่อสร้างความมั่นใจและตอกย้ำความเป็นผู้นำของไทยในอุตสาหกรรมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติในอาเซียน และยังได้ร่วมประชาสัมพันธ์งานประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 หรืองานอาเซียนซัมมิทที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 1 มีนาคมผ่านสปอตภาพยนตร์โฆษณาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ CNBC โดยจะแพร่ภาพในเดือนกุมภาพันธ์นี้ไปยังกว่า 21 ประเทศทั่วเอเชีย
“ตรงนี้คืออีกหนึ่งความสำเร็จของอุตสาหกรรมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติไทยในการดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งเชื่อมั่นว่าความสำเร็จทั้งหมดเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับการเริ่มต้นในช่วงต้นปี”
นายณัฐวุฒิ กล่าวเสริมว่า ล่าสุด ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน UNICITY Global Convention 2010 ซึ่งเป็นงานประชุมใหญ่ประจำปี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ของกลุ่มบริษัท ยูนิซิตี้
ทั่วโลกที่มีสาขากว่า 26 ประเทศ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมจากนานาชาติและประเทศไทยกว่า 25,000 คน ซึ่งหมายรวมถึงรายได้เข้าประเทศอีกกว่า 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีงานประชุมประกาศยืนยันการเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปีถึง 31 งาน รวมกับงานที่ยืนยันเดิมอยู่แล้วเป็น 173 งาน ซึ่งมีงานไฮไลท์สำคัญในปี 2552 อาทิ งาน 48th Orient and Southeast Asian LIONS (OSEAL) Forum, งาน 19th World Congress of Neurology, งาน International Harm Reduction Association (IHRA) Annual Conference 2009 และยังมีงานด้านการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในระดับภูมิภาคและระดับโลกที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติให้เข้ามาจัดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ งาน VIV Asia 2009, งาน Intermach 2009, งาน ProPak Asia 2009, งาน TIPREX และงาน METALEX 2009 เป็นต้น
จากแผนการดำเนินงานฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์หลังวิกฤตทางการเมือง คาดว่าจะสามารถผลักดันให้เกิดการจัดงานประชุมและงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทยได้ตามเป้าหมายในปี 2552 ที่จะมีการเติบโตประมาณ 10% หรือประมาณ 699,600 คน และสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยประมาณ 57,000 ล้านบาท
