ASTVผู้จัดการรายวัน – เฮงเค็ล เผยคนเข้าร้านเสริมสวยลดลง เหตุวิกฤติเศรษฐกิจ ต้องทำตลาดต่อเนื่อง คาดหวังปีนื้โต 20% เท่าปีที่แล้ว
นายปีเตอร์ ธีโอดูลู ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์เส้นผม ภายใต้แบรนด์ชวาร์สคอฟ เปิดเผยว่า สภาพวิกฤติต่างๆที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเข้าร้านเสริมสวยน้อยลง แต่ในทางกลับกันผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ยังไม่เลิกเข้าร้านเสริมสวย แต่อัตราความถี่เฉลี่ยจะน้อยลง จากเดิมที่เฉลี่ยประมาณ 4 สัปดาห์ต่อครั้ง เป็น 6 สัปดาห์ต่อครั้ง ซึ่งสำหรับในประเทศไทยความถี่ในการเข้าร้านเสริมสวยยังคงเฉลี่ยที่ปกติ แต่การใช้จ่ายต่อครั้งจะลดลง
ในปีนี้ทางบริษัทจะเน้นการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มทำตลาดในเดือนมีนาคมปีนี้ในการออกเทรนทรงผมภายใต้ชื่อ “ลุคซัมเมอร์” ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวที่แรกในประเทศไทย ของแถบเอเซียแปซิฟิก รวมทั้งยังมีการจัดกิจกรรมโรดโชว์ควบคู่กับการทำแคมเปญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ชวาร์สคอฟ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่ทำพร้อมกันทั่วโลก คือ การจัดกิจกรรม “Media Meet Style” ปีละ 2 ครั้งในการปรับเปลี่ยนลุคส์ของสื่อมวลชน ซึ่งคาดว่าจะจัดในเดือนพฤษภาคมและตุลาคม โดยวางงบในการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มจากปี 2551 ประมาณ 15% ล่าสุดเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 111 ปีของทางบริษัท ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ “บรอนซ์ มี” เพื่อเป็นการเจาะตลาดผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม
สำหรับรายได้ในปี 2551 ที่ผ่านมาทางบริษัทมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายทางการตลาดที่คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก รวมทั้งการจัดอบรม สัมมนาวิชาการ เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะให้กับช่างผม และการนำเสนอนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามในปี 2552 ทางบริษัทคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ผนวกกับการประเมินสภาพทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลว่าในปี 2552 จะมีอัตราการเติบโตเพียง 0-2% ทั้งนี้ทางบริษัทมั่นใจว่านโยบายทางการทำตลาดที่ทำอย่างต่อเนื่องของบริษัทจะสามารถช่วยให้ทางบริษัทมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-20% โดยปัจจุบันทางบริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายหลัก2ช่องทางคือ รีเทล ได้แก่ โมเดิร์นเทรด, โฮลเซล และโปรเฟลชั่นแนล ได้แก่ ในร้านเสริมสวย และโฮลเซลที่กระจายสินค้าให้ร้านเสริมสวยโดยตรง
******
นายปีเตอร์ ธีโอดูลู ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์เส้นผม ภายใต้แบรนด์ชวาร์สคอฟ เปิดเผยว่า สภาพวิกฤติต่างๆที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเข้าร้านเสริมสวยน้อยลง แต่ในทางกลับกันผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ยังไม่เลิกเข้าร้านเสริมสวย แต่อัตราความถี่เฉลี่ยจะน้อยลง จากเดิมที่เฉลี่ยประมาณ 4 สัปดาห์ต่อครั้ง เป็น 6 สัปดาห์ต่อครั้ง ซึ่งสำหรับในประเทศไทยความถี่ในการเข้าร้านเสริมสวยยังคงเฉลี่ยที่ปกติ แต่การใช้จ่ายต่อครั้งจะลดลง
ในปีนี้ทางบริษัทจะเน้นการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มทำตลาดในเดือนมีนาคมปีนี้ในการออกเทรนทรงผมภายใต้ชื่อ “ลุคซัมเมอร์” ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวที่แรกในประเทศไทย ของแถบเอเซียแปซิฟิก รวมทั้งยังมีการจัดกิจกรรมโรดโชว์ควบคู่กับการทำแคมเปญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ชวาร์สคอฟ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่ทำพร้อมกันทั่วโลก คือ การจัดกิจกรรม “Media Meet Style” ปีละ 2 ครั้งในการปรับเปลี่ยนลุคส์ของสื่อมวลชน ซึ่งคาดว่าจะจัดในเดือนพฤษภาคมและตุลาคม โดยวางงบในการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มจากปี 2551 ประมาณ 15% ล่าสุดเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 111 ปีของทางบริษัท ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ “บรอนซ์ มี” เพื่อเป็นการเจาะตลาดผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม
สำหรับรายได้ในปี 2551 ที่ผ่านมาทางบริษัทมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายทางการตลาดที่คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก รวมทั้งการจัดอบรม สัมมนาวิชาการ เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะให้กับช่างผม และการนำเสนอนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามในปี 2552 ทางบริษัทคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ผนวกกับการประเมินสภาพทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลว่าในปี 2552 จะมีอัตราการเติบโตเพียง 0-2% ทั้งนี้ทางบริษัทมั่นใจว่านโยบายทางการทำตลาดที่ทำอย่างต่อเนื่องของบริษัทจะสามารถช่วยให้ทางบริษัทมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-20% โดยปัจจุบันทางบริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายหลัก2ช่องทางคือ รีเทล ได้แก่ โมเดิร์นเทรด, โฮลเซล และโปรเฟลชั่นแนล ได้แก่ ในร้านเสริมสวย และโฮลเซลที่กระจายสินค้าให้ร้านเสริมสวยโดยตรง
******