เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (26ม.ค.) ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนประเทศพม่า ว่า เป็นการเดินทางไปแนะนำตัวกับผู้ใหญ่ของประเทศพม่า รวมถึงจะมีการพูดถึงการทำงานของทั้งสองประเทศ อาจจะเป็นการพูดคุยถึงเรื่องความสัมพันธ์ความมั่นคงต่างๆในระดับกองทัพว่าในอนาคตอันใกล้จะทำอะไรร่วมกัน
ส่วนเรื่องชาวโรฮิงยาหลบหนีเข้าเมืองนั้น ไม่ได้เป็นปัญหาที่สำคัญ แต่ต้องไปศึกษาว่า โรฮิงยา เป็นคนกลุ่มใด และมาเคลื่อนไหวอะไรในภูมิภาคนี้ ซึ่งในส่วนของการดำเนินการ จะหารือในกรอบ เจบีซี หรือ อาร์บีซี
"เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า คนกลุ่มนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ใด แต่เราจะไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการของประเทศเพื่อนบ้าน และในขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้านที่รักใคร่กลมเกลียวกัน ก็จะไม่เข้าเกี่ยวข้องกับกิจการภายในของเรา บางครั้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เราก็ไม่สามารถจะชี้แจงได้ทุกเรื่อง ส่วนกระแสข่าวว่า ผู้นำพม่าไม่พอใจผู้นำไทยนั้น เท่าที่ดูยังไม่เห็นมีอะไร ทุกอย่างมีความมั่นคงและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และคิดว่าต่อไปนายกรัฐมนตรีคงจะไปเยือน"ผบ.สส. กล่าว
ในวันเดียวกันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงสื่อต่างประเทศโจมตีกองทัพ และประเทศไทยว่าทำทารุณชาวโรฮิงยา ว่า ประเทศไทยชี้แจงไปมากแล้ว และมากกว่าทุกประเทศ และบางประเทศเขาไม่รับกลุ่มเหล่านี้เลย ตนมีโอกาสเดินทางไปสิงคโปร์ เขาระบุว่าประเทศเขาจะไม่รับกลุ่มโรฮิงยาแน่นอน และเขาใช้วิธีการเฆี่ยนด้วย ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ทำอะไรรุนแรง แต่เราไม่สามารถแบกรับภาระคนที่เข้ามาผิดกฎหมายได้ ด้วยปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจที่ต้องหาที่ทำกินให้ หรือเรื่องการดูแลให้เหมือนประชาชนชาวไทยนั้น คงเป็นภาระที่เราทำไม่ได้ เราดูแลคนไทยด้วยกันก็ยากแล้ว คนที่เข้ามาผิดกฎหมาย เราคงต้องใช้แนวทางเหมือนประเทศอื่น คือ ผลักดันออกไปตามหลักมนุษยธรรม การกระทำอันใดยืนยันว่าอยู่ในขอบเขตที่น่ายอมรับได้ เพราะเราไม่ได้ไปฆ่าเขา เพราะหากทำเช่นนั้นคงไม่ใช่มีการให้อาหาร หรือการจะทำให้เขาออกไปก็อยู่ในเกณฑ์ที่ทำได้ เพราะประเทศอื่นเขาไม่รับ
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายยังสงสัยการผลักดันกลับประเทศไม่ได้ให้เรือที่มีเครื่องยนต์ หรืออาหารเพียงพอ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนชี้แจงแล้วว่า เราทำดีที่สุดแล้ว สื่อต้องช่วยบอกไป เขาจะได้หายสงสัย สื่ออย่าสงสัยให้มากนัก และเรือที่เขาบรรทุกเข้ามาก็ไม่มีเครื่องยนต์ ทั้งนี้ เท่าที่ประมวลยืนยันว่า ไม่ได้มีการปล่อยให้ชาวโรฮิงยาลงน้ำแล้วตายตามที่เป็นข่าว เพราะหากมีจะจับมานั่งทำไม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
ส่วนเรื่องชาวโรฮิงยาหลบหนีเข้าเมืองนั้น ไม่ได้เป็นปัญหาที่สำคัญ แต่ต้องไปศึกษาว่า โรฮิงยา เป็นคนกลุ่มใด และมาเคลื่อนไหวอะไรในภูมิภาคนี้ ซึ่งในส่วนของการดำเนินการ จะหารือในกรอบ เจบีซี หรือ อาร์บีซี
"เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า คนกลุ่มนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ใด แต่เราจะไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการของประเทศเพื่อนบ้าน และในขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้านที่รักใคร่กลมเกลียวกัน ก็จะไม่เข้าเกี่ยวข้องกับกิจการภายในของเรา บางครั้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เราก็ไม่สามารถจะชี้แจงได้ทุกเรื่อง ส่วนกระแสข่าวว่า ผู้นำพม่าไม่พอใจผู้นำไทยนั้น เท่าที่ดูยังไม่เห็นมีอะไร ทุกอย่างมีความมั่นคงและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และคิดว่าต่อไปนายกรัฐมนตรีคงจะไปเยือน"ผบ.สส. กล่าว
ในวันเดียวกันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงสื่อต่างประเทศโจมตีกองทัพ และประเทศไทยว่าทำทารุณชาวโรฮิงยา ว่า ประเทศไทยชี้แจงไปมากแล้ว และมากกว่าทุกประเทศ และบางประเทศเขาไม่รับกลุ่มเหล่านี้เลย ตนมีโอกาสเดินทางไปสิงคโปร์ เขาระบุว่าประเทศเขาจะไม่รับกลุ่มโรฮิงยาแน่นอน และเขาใช้วิธีการเฆี่ยนด้วย ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ทำอะไรรุนแรง แต่เราไม่สามารถแบกรับภาระคนที่เข้ามาผิดกฎหมายได้ ด้วยปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจที่ต้องหาที่ทำกินให้ หรือเรื่องการดูแลให้เหมือนประชาชนชาวไทยนั้น คงเป็นภาระที่เราทำไม่ได้ เราดูแลคนไทยด้วยกันก็ยากแล้ว คนที่เข้ามาผิดกฎหมาย เราคงต้องใช้แนวทางเหมือนประเทศอื่น คือ ผลักดันออกไปตามหลักมนุษยธรรม การกระทำอันใดยืนยันว่าอยู่ในขอบเขตที่น่ายอมรับได้ เพราะเราไม่ได้ไปฆ่าเขา เพราะหากทำเช่นนั้นคงไม่ใช่มีการให้อาหาร หรือการจะทำให้เขาออกไปก็อยู่ในเกณฑ์ที่ทำได้ เพราะประเทศอื่นเขาไม่รับ
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายยังสงสัยการผลักดันกลับประเทศไม่ได้ให้เรือที่มีเครื่องยนต์ หรืออาหารเพียงพอ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนชี้แจงแล้วว่า เราทำดีที่สุดแล้ว สื่อต้องช่วยบอกไป เขาจะได้หายสงสัย สื่ออย่าสงสัยให้มากนัก และเรือที่เขาบรรทุกเข้ามาก็ไม่มีเครื่องยนต์ ทั้งนี้ เท่าที่ประมวลยืนยันว่า ไม่ได้มีการปล่อยให้ชาวโรฮิงยาลงน้ำแล้วตายตามที่เป็นข่าว เพราะหากมีจะจับมานั่งทำไม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
