ปดส. แถลงจับ “ม๊ะ ม่ามี” ผู้ต้องหาค้ามนุษย์ชาวพม่า โดยบังคับเด็กขายดอกไม้แถวแหล่งท่องเที่ยวรัชดาซอย 4 ขณะที่ ตร.ระบุผลสอบเด็กหญิงอายุ 10 ปีที่เข้าช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากขุมนรกให้การว่า ผู้ต้องหาหลอกมาจากเมืองพญาตองสู ตั้งแต่ 4 ขวบ ข่มขู่ให้ขายดอกไม้ดึกยันสว่างคาตาเพื่อแลกกับข้าวหนึ่งมื้อและเงิน 20 บาท ถ้าวันไหนได้ยอดไม่ถึงเป้าจะถูกตีด้วยไม้แขวนเสื้อ ส่วนเจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่ บก.ปดส. เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผบก.ปดส. พร้อมด้วยพ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.ฝป.10 บก.ปดส.แถลงข่าวจับกุม นางยู่ หรือม๊ะ ม่ามี อายุ 33 ปี สัญชาติพม่า ผู้ต้องหา ในความผิดฐานรู้คนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม ร่วมกันค้ามนุษย์ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และร่วมกันกระทำการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก ใช้ จ้าง หรือวานเด็กให้ทำงานหรือกระทำการอันอาจเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงหรือเด็ก พ.ศ.2540 โดยจับกุมได้ที่บ้านเช่าเลขที่ 58 ซอยวัดมะกอก 18 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เข้าช่วยเหลือ ด.ญ.มานี (นามสมมติ) อายุ 10 ปี สัญชาติพม่า ซึ่งถูกผู้ต้องหาบังคับให้ขายดอกไม้ ตามสถานบริการรัชดาซอย 4-8 หลังจากนั้นจึงประสานมายัง บก.ปดส.เพื่อให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ โดยมีการประสานนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ร่วมสอบปากคำแบบสหวิชาชีพ
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวว่า จากการสอบถาม ด.ญ.มานี ทราบว่า ถูก นางยู่ และ นายยอระฮา สามีของผู้ต้องหา หลอกพามาจากเมืองพญาตองสู ประเทศพม่า ตั้งแต่อายุ 4 ปี โดยผู้ต้องหาจะบังคับให้ขายดอกไม้ตามสถานบริการต่างๆ อาทิ รัชดาซอย 4-8 รวมทั้งบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่เวลา 21.00 น.จนถึง 06.00 น.ทุกวัน โดยจะหาเงินได้วันละ 1,500-2,000 บาท เฉลี่ยเดือนนึงได้ประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท แต่ได้ค่าตอบแทนเพียงวันละ 20-40 บาท และได้กินข้าวเพียงวันละ 1-2 มื้อ หากวันไหนขายไม่ดีหรือขายได้ไม่หมดก็จะถูกดุด่าและทำร้ายร่างกายโดยใช้ไม้แขวนเสื้อทุบตี นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังให้ทำงานบ้านเช่นกวาดบ้านและล้างจานอีกด้วย จึงทนไม่ได้หลบหนีมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านให้แจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
นอกจากนี้ ตำรวจสามารถช่วยเหลือเหยื่อวัย 16 ปี ที่ถูกบังคับอีกรายซึ่งอาศัยอยู่กับผู้ต้องหา ซึ่งตำรวจได้เตรียมกันตัวไว้เป็นพยาน ส่วนนายยอระฮา สามีของผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างขออนุมัติหมายศาลเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน นางยู่ ให้การว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้วตนและแม่ของ ด.ญ.มานี เดินทางจากพม่าเข้ามาทำงานในเมืองไทย จากนั้นมารดาของเด็กถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองและผลักดันกลับประเทศพม่า จึงฝากลุกให้ตนเลี้ยงที่ผ่านมาได้ให้เด็กช่วยขายดอกไม้ที่ตนกับสามีไปรับมา แต่ไม่เคยบังคับหรือทำร้ายร่างกายเด็กแต่อย่างใด
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่ บก.ปดส. เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร ผบก.ปดส. พร้อมด้วยพ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.ฝป.10 บก.ปดส.แถลงข่าวจับกุม นางยู่ หรือม๊ะ ม่ามี อายุ 33 ปี สัญชาติพม่า ผู้ต้องหา ในความผิดฐานรู้คนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม ร่วมกันค้ามนุษย์ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และร่วมกันกระทำการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก ใช้ จ้าง หรือวานเด็กให้ทำงานหรือกระทำการอันอาจเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงหรือเด็ก พ.ศ.2540 โดยจับกุมได้ที่บ้านเช่าเลขที่ 58 ซอยวัดมะกอก 18 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เข้าช่วยเหลือ ด.ญ.มานี (นามสมมติ) อายุ 10 ปี สัญชาติพม่า ซึ่งถูกผู้ต้องหาบังคับให้ขายดอกไม้ ตามสถานบริการรัชดาซอย 4-8 หลังจากนั้นจึงประสานมายัง บก.ปดส.เพื่อให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ โดยมีการประสานนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ร่วมสอบปากคำแบบสหวิชาชีพ
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวว่า จากการสอบถาม ด.ญ.มานี ทราบว่า ถูก นางยู่ และ นายยอระฮา สามีของผู้ต้องหา หลอกพามาจากเมืองพญาตองสู ประเทศพม่า ตั้งแต่อายุ 4 ปี โดยผู้ต้องหาจะบังคับให้ขายดอกไม้ตามสถานบริการต่างๆ อาทิ รัชดาซอย 4-8 รวมทั้งบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่เวลา 21.00 น.จนถึง 06.00 น.ทุกวัน โดยจะหาเงินได้วันละ 1,500-2,000 บาท เฉลี่ยเดือนนึงได้ประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท แต่ได้ค่าตอบแทนเพียงวันละ 20-40 บาท และได้กินข้าวเพียงวันละ 1-2 มื้อ หากวันไหนขายไม่ดีหรือขายได้ไม่หมดก็จะถูกดุด่าและทำร้ายร่างกายโดยใช้ไม้แขวนเสื้อทุบตี นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังให้ทำงานบ้านเช่นกวาดบ้านและล้างจานอีกด้วย จึงทนไม่ได้หลบหนีมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านให้แจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
นอกจากนี้ ตำรวจสามารถช่วยเหลือเหยื่อวัย 16 ปี ที่ถูกบังคับอีกรายซึ่งอาศัยอยู่กับผู้ต้องหา ซึ่งตำรวจได้เตรียมกันตัวไว้เป็นพยาน ส่วนนายยอระฮา สามีของผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างขออนุมัติหมายศาลเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน นางยู่ ให้การว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้วตนและแม่ของ ด.ญ.มานี เดินทางจากพม่าเข้ามาทำงานในเมืองไทย จากนั้นมารดาของเด็กถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองและผลักดันกลับประเทศพม่า จึงฝากลุกให้ตนเลี้ยงที่ผ่านมาได้ให้เด็กช่วยขายดอกไม้ที่ตนกับสามีไปรับมา แต่ไม่เคยบังคับหรือทำร้ายร่างกายเด็กแต่อย่างใด
