xs
xsm
sm
md
lg

แอสทีน่าชูนวัตกรรมปั้มยอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เศรษฐกิจพ่นพิษ ทำเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ไทยสะดุด "แอสทีน่า" โอดปีก่อนโตเพียง 5% ปีนี้ยิ่งประเมินสถานการณ์ยาก คุมเชิงงัดสินค้านวัตกรรม ฝากความหวังเข็นรายได้ หั่นงบตลาดลงเหลือ 7-8 ล้านบาท มุ่งเคเบิลทีวี หวังเจาะกำลังซื้อระดับกลางอยู่หมัด คาดสิ้นปียอดขายขยับเพิ่มอีกเล็กน้อย 2-3% จาก 400 ล้านบาทในก่อน

นายประวิทย์ อนันตวราศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสทีน่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ แอสทีน่า ซึ่งเป็นแบรนด์ไทย เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบในปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมาก จากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้เติบโตที่ 15% แต่สามารถทำได้เพียง 5% หรือประมาณ 400 ล้านบาท ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจในปีนี้ ทางบริษัทฯจะมีการปรับการดำเนินธุรกิจใหม่ ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง

โดยเมื่อมองดูสถานการณ์ในปีนี้แล้ว ยอมรับว่าคาดเดาได้ยากว่าจะมีปัจจัยลบมากแค่ไหน ซึ่งหากสถานการณ์ไม่ต่างไปจากปีก่อน เชื่อว่าปีนี้แอสทีน่า จะยังมีรายได้เติบโตขึ้นอย่างน้อย 5% แต่หากมีเรื่องของปัจจัยลบเรื่องของการว่างงานเกิดขึ้น มองว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ยอดขายทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของแอสทีน่าจะเป็น ลูกค้าระดับกลางเป็นหลัก

ดังนั้นแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งให้ความสำคัญกับการเป็นดิสทริบิวเตอร์ นำเข้าสินค้านวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาจำหน่ายมากขึ้น จากเดิมที่เริ่มทำตลาดในกลุ่มนี้ตั้งแต่ช่วงกลางปี2551 ที่ผ่านมา โดยในปี2552นี้ จะมีทั้งเครื่องซักผ้าTitan, เครื่องทำน้ำอุ่น iSlim, พัดลมไอหมอก Mist Air และเครื่องดูดฝุ่น My Vac คาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยดันรายได้ ในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นมากที่สุด หรือคาดว่าสิ้นปีนี้กลุ่มสินค้านวัตกรรมจะสร้างสัดส่วนรายได้เป็น 30% จากรายได้รวมทั้งหมด โดยอีก 70% เป็นสินค้าแบรนด์ Astina ในกลุ่มเครื่องซักผ้า ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น และEmpireในกลุ่มเครื่องครัวบิวด์อิน เช่น เตาอบ เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้าประหยัดพลังงาน จากเดิมในปี2551 สินค้านวัตกรรมมีสัดส่วนยอดขายเพียง 5%

อย่างไรก็ตามในส่วนของงบการตลาด ปีนี้จะใช้เพียง 7-8 ล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้ถึง 10 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นสื่อเคเบิลทีวี และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าเป็นหลัก โดยในส่วนของสื่อแมสหรือการทำใบปลิวจะลดลง ขณะที่ช่องทางการจำหน่าย จะมีในโมเดิร์นเทรดทั้งหมด ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการสร้างรายได้ถึง 90% อีก 10% เป็นช่องทางอื่นๆ

"ปีนี้บริษัทฯ จะเน้นทำตลาดในกลุ่มสินค้านวัตกรรม มุ่งจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดเป็นหลัก จับกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไปจนถึงพรีเมียม ที่มองหาสินค้าทางเลือก คาดว่าการเบนเข็มทำตลาดสินค้านวัตกรรมมากขึ้นนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แอสทีน่ามีการเติบโตที่ดีขึ้น และเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น" นายประวิทย์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น