บารัค โอบามา เริ่มต้นงานวันแรกแห่งการดำรงตำแหน่งอย่างเต็มๆ วันเมื่อวานนี้(21) เพื่อนำพาสหรัฐฯให้หลุดพ้นจาก "ฤดูหนาวยะเยือกแห่งความทุกข์ยากลำบาก" ด้วยการเรียกประชุมทีมงานที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ภายหลังจากที่เขาเพิ่งเข้าพิธีสาบานตนและเฉลิมฉลองการขึ้นเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯมาหมาดๆ
หลังจากต้องไปกล่าวปราศรัยและเต้นรำคลอเคลียกับมิเชล ภรรยาของเขาจนกระทั่งดึกดื่น ตามงานบอลล์เฉลิมฉลองการขึ้นเป็นประธานาธิบดีของเขาซึ่งจัดขึ้นในกรุงวอชิงตันรวม 10 งานรวด โอบามาก็มีกำหนดการเริ่มภารกิจอันหนักหน่วงสาหัสของเขา ด้วยความพยายามที่จะรับมือแก้ไขปัญหาท้าทายทางด้านเศรษฐกิจและการสงคราม ขณะเดียวกับที่ลุ้นให้วุฒิสภาเร่งอนุมัติตัวบุคคลในทีมทำงานของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ว่าที่รัฐมนตรีคลัง ทิโมธี ไกธ์เนอร์ และว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน
อันที่จริง เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้าดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันอังคาร โอบามาก็ได้ออกคำสั่งประธานาธิบดี ถึงคณะอัยการในศาลทหาร ณ เรือนจำที่อ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา ให้หาทางเลื่อนการพิจารณาคดีนักโทษข้อหาก่อการร้ายที่นั่น
เป็นที่คาดหมายกันว่า คณะตุลาการศาลทหารคงจะวินิจฉัยกันในวันพุธ(21) เกี่ยวกับคำร้องให้เลื่อนการพิจารณาคดีนักโทษเหล่านี้ออกไปจนถึงเดือนพฤษภาคมนี้
แต่แม้จะยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ออกมาอย่างชัดเจน บรรดาผู้นำในยุโรปก็แถลงแสดงความชื่นชมความเคลื่อนไหวคราวนี้ของโอบามา เนื่องจากเรือนจำกวนตามาโมที่ก่อตั้งขึ้นในสมัยของจอร์จ ดับเบิลยู บุช ถูกวิพากษ์อย่างรุนแรงเรื่อยมาว่า กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
โอบามามีกำหนดการพบปะหารือกับพวกผู้ช่วยระดับสูงทางด้านเศรษฐกิจของเขาเมื่อวานนี้ เพื่อเริ่มต้นงานฟื้นฟูบูรณะเศรษฐกิจอันย่ำแย่ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการหาทางผลักดันแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 825,000 ล้านดอลลาร์ให้ผ่านรัฐสภาโดยด่วน
สัญญาณที่แสดงให้เห็นความหนักหนาสาหัสของภารกิจทางด้านนี้ก็คือ ตลาดวอลล์สตรีทหล่นฮวบในวันที่โอบามาสาบานตัวรับตำแหน่ง โดยดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวันอังคารติดลบถึง 4.01% เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่ยังดูหนักหน่วงยิ่งของภาคการเงินการธนาคาร
นอกจากนั้น โอบามายังมีกำหนดจะพบปะกับรัฐมนตรีกลาโหม รอเบิร์ต เกตส์ รวมทั้งบรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพื่อผลักดันให้ดำเนินการตามสัญญาที่เขาให้ไว้ระหว่างการหาเสียง โดยที่เขาจะขอให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ร่างแผนการเพื่อนำเอาทหารสหรัฐฯออกมาจากอิรัก และหันไปเพิ่มความพยายามในการทำสงครามที่อัฟกานิสถาน
เมื่อวันอังคาร (20)โอบามาได้จับจองที่ทางของตนเองบนหน้าประวัติศาสตร์อเมริกัน ด้วยการเป็นคนผิวสีคนแรกที่ขึ้นเป็นผู้นำของประเทศ ซึ่งเปรอะเปื้อนด้วยมรดกของการค้าทาสและการแบ่งแยกเชื้อชาติสีผิว ในโอกาสอันสำคัญยิ่งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ปลุกเร้าให้ชาวอเมริกันสามัคคีกันเพื่อนำพาประเทศออกจากลมพายุที่บ้าคลั่ง
"เราเลือกที่จะมีความหวังมากกว่าที่จะมีความกลัว มีวัตถุประสงค์ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากกว่าที่จะมีความขัดแย้งและไม่ลงรอยกัน" โอบามาพูดตอนหนึ่งในการกล่าวสุนทรพจน์อันเคร่งขรึม ภายหลังทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ต่อหน้าฝูงชนที่แน่นขนัดจำนวนมากกว่า 2 ล้านชีวิต ซึ่งเบื่อหน่ายกับการบริหารประเทศในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาของจอร์จ ดับเบิลยู บุช
"วันนี้ผมขอบอกกับพวกท่านว่า ปัญหาท้าทายต่างๆ ที่เราเผชิญอยู่นั้น ล้วนเป็นของจริง ล้วนเป็นเรื่องร้ายแรง อีกทั้งมีอยู่มากมาย
"ความท้าทายเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือแก้ไขได้ง่ายๆ หรือภายในระยะเวลาช่วงสั้นๆ แต่รู้เอาไว้เลยว่า นี่คืออเมริกา ปัญหาเหล่านี้จะต้องได้รับการคลี่คลาย"
อดีตวุฒิสมาชิกมลรัฐอิลลินอยส์ผู้นี้ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 ท่ามกลางปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1930 ขณะที่ทหารสหรัฐฯ จำนวนหลายหมื่นยังคงประจำการอยู่ที่สมรภูมิอัฟกานิสถานและอิรัก ตลอดจนความขัดแย้งด้านนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งคุกกรุ่นจนใกล้จะถึงจุดเดือด
พิธีสาบานตนของโอบามา ซึ่งจัดขึ้นบริเวณขั้นบันไดหน้าอาคารรัฐสภาอเมริกัน ที่บางส่วนสร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของแรงงานทาส ถือเป็นการทะลายกำแพงขวางกั้นด้านเชื้อชาติ ซึ่งตั้งตระหง่านสูงสุดในสหรัฐฯ ลงอย่างชัดเจน ขณะที่สหรัฐฯ กำลังมุ่งหน้าสู่เส้นทางความฝันเพื่อความปรองดองระหว่างเชื้อชาติของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง นักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองชาวผิวดำผู้ล่วงลับ
โอบามายังประกาศจะทวงคืนตำแหน่งฐานะการเป็นผู้นำโลกของสหรัฐฯ และส่งสัญญาณปฏิเสธยุทธศาสตร์ต่อต้านการก่อการร้าย ของรัฐบาลบุช ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ละเมิดค่านิยมต่าง ๆ ของสหรัฐฯ
"เราปฏิเสธโดยเห็นว่าเป็นการผิดพลาด การที่จะต้องเลือกเอาระหว่างความปลอดภัยของเรากับอุดมคติของเรา" โอบามาพูดในอีกตอนหนึ่งของสุนทรพจน์รับตำแหน่ง
"เราพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำอีกครั้ง" โอบามากล่าว
จากการประเมินของหลายฝ่ายคาดว่า ประชาชนที่มาชุมนุมกันบริเวณลาน เนชั่นเนล มอลล์ เพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนของโอบามาคราวนี้ น่าจะมีมากกว่า 2 ล้านคน โดยหลายคนถึงกับขนาดหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติ ระหว่างที่โอบามากล่าวสุนทรพจน์
ในสุนทรพจน์คราวนี้ โอบามายังส่งข้อความไปยังภาคส่วนอื่น ๆ ของโลก เฉพาะอย่างยิ่งชาติมุสลิม หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับชาติพันธมิตรสำคัญบางราย อยู่ในอาการขุ่นหมอง ระหว่างการปกครองของบุช เฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากปัญหาสงครามอิรัก
"สำหรับโลกมุสลิมนั้น เราจะค้นหาหนทางใหม่เพื่อก้าวไปข้างหน้า บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันและความเคารพซึ่งกันและกัน" โอบามากล่าว
โอบามาย้ำเตือนด้วยว่า พวกที่จะใช้ "การก่อการร้าย" และการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เพื่อคุกคามสหรัฐฯ ก็จะต้องเจอกับการตอบโต้กลับอย่างไม่ประนีประนอม
"ประเทศชาติของเราอยู่ในภาวะสงคราม เพื่อต่อต้านเครือข่ายความรุนแรงและความเกลียดชัง" โอบามากล่าว "เราบอกกับพวกคุณตอนนี้เลยว่า จิตวิญญาณของเราแข็งแกร่งกว่า และจะไม่แตกสลายลง พวกคุณไม่สามารถทนทานได้เท่าเราหรอก และเราก็จะเอาชนะพวกคุณ" โอบามากล่าว
โอบามายังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันเข้าสู่ "ยุคใหม่แห่งการรับผิดชอบ" ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถลำลึกสู่ภาวะถดถอย อันเกิดจากหนี้สินและสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้อยคุณภาพกองพะเนิน
ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ยังบอกด้วยว่า สหรัฐฯ จะร่วมมือกับชาติต่าง ๆ เพื่อปราบ "ปีศาจแห่งภาวะโลกร้อน"
หลังจากต้องไปกล่าวปราศรัยและเต้นรำคลอเคลียกับมิเชล ภรรยาของเขาจนกระทั่งดึกดื่น ตามงานบอลล์เฉลิมฉลองการขึ้นเป็นประธานาธิบดีของเขาซึ่งจัดขึ้นในกรุงวอชิงตันรวม 10 งานรวด โอบามาก็มีกำหนดการเริ่มภารกิจอันหนักหน่วงสาหัสของเขา ด้วยความพยายามที่จะรับมือแก้ไขปัญหาท้าทายทางด้านเศรษฐกิจและการสงคราม ขณะเดียวกับที่ลุ้นให้วุฒิสภาเร่งอนุมัติตัวบุคคลในทีมทำงานของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ว่าที่รัฐมนตรีคลัง ทิโมธี ไกธ์เนอร์ และว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน
อันที่จริง เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้าดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันอังคาร โอบามาก็ได้ออกคำสั่งประธานาธิบดี ถึงคณะอัยการในศาลทหาร ณ เรือนจำที่อ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา ให้หาทางเลื่อนการพิจารณาคดีนักโทษข้อหาก่อการร้ายที่นั่น
เป็นที่คาดหมายกันว่า คณะตุลาการศาลทหารคงจะวินิจฉัยกันในวันพุธ(21) เกี่ยวกับคำร้องให้เลื่อนการพิจารณาคดีนักโทษเหล่านี้ออกไปจนถึงเดือนพฤษภาคมนี้
แต่แม้จะยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ออกมาอย่างชัดเจน บรรดาผู้นำในยุโรปก็แถลงแสดงความชื่นชมความเคลื่อนไหวคราวนี้ของโอบามา เนื่องจากเรือนจำกวนตามาโมที่ก่อตั้งขึ้นในสมัยของจอร์จ ดับเบิลยู บุช ถูกวิพากษ์อย่างรุนแรงเรื่อยมาว่า กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
โอบามามีกำหนดการพบปะหารือกับพวกผู้ช่วยระดับสูงทางด้านเศรษฐกิจของเขาเมื่อวานนี้ เพื่อเริ่มต้นงานฟื้นฟูบูรณะเศรษฐกิจอันย่ำแย่ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการหาทางผลักดันแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 825,000 ล้านดอลลาร์ให้ผ่านรัฐสภาโดยด่วน
สัญญาณที่แสดงให้เห็นความหนักหนาสาหัสของภารกิจทางด้านนี้ก็คือ ตลาดวอลล์สตรีทหล่นฮวบในวันที่โอบามาสาบานตัวรับตำแหน่ง โดยดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวันอังคารติดลบถึง 4.01% เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่ยังดูหนักหน่วงยิ่งของภาคการเงินการธนาคาร
นอกจากนั้น โอบามายังมีกำหนดจะพบปะกับรัฐมนตรีกลาโหม รอเบิร์ต เกตส์ รวมทั้งบรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพื่อผลักดันให้ดำเนินการตามสัญญาที่เขาให้ไว้ระหว่างการหาเสียง โดยที่เขาจะขอให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ร่างแผนการเพื่อนำเอาทหารสหรัฐฯออกมาจากอิรัก และหันไปเพิ่มความพยายามในการทำสงครามที่อัฟกานิสถาน
เมื่อวันอังคาร (20)โอบามาได้จับจองที่ทางของตนเองบนหน้าประวัติศาสตร์อเมริกัน ด้วยการเป็นคนผิวสีคนแรกที่ขึ้นเป็นผู้นำของประเทศ ซึ่งเปรอะเปื้อนด้วยมรดกของการค้าทาสและการแบ่งแยกเชื้อชาติสีผิว ในโอกาสอันสำคัญยิ่งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ปลุกเร้าให้ชาวอเมริกันสามัคคีกันเพื่อนำพาประเทศออกจากลมพายุที่บ้าคลั่ง
"เราเลือกที่จะมีความหวังมากกว่าที่จะมีความกลัว มีวัตถุประสงค์ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากกว่าที่จะมีความขัดแย้งและไม่ลงรอยกัน" โอบามาพูดตอนหนึ่งในการกล่าวสุนทรพจน์อันเคร่งขรึม ภายหลังทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ต่อหน้าฝูงชนที่แน่นขนัดจำนวนมากกว่า 2 ล้านชีวิต ซึ่งเบื่อหน่ายกับการบริหารประเทศในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาของจอร์จ ดับเบิลยู บุช
"วันนี้ผมขอบอกกับพวกท่านว่า ปัญหาท้าทายต่างๆ ที่เราเผชิญอยู่นั้น ล้วนเป็นของจริง ล้วนเป็นเรื่องร้ายแรง อีกทั้งมีอยู่มากมาย
"ความท้าทายเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือแก้ไขได้ง่ายๆ หรือภายในระยะเวลาช่วงสั้นๆ แต่รู้เอาไว้เลยว่า นี่คืออเมริกา ปัญหาเหล่านี้จะต้องได้รับการคลี่คลาย"
อดีตวุฒิสมาชิกมลรัฐอิลลินอยส์ผู้นี้ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 ท่ามกลางปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1930 ขณะที่ทหารสหรัฐฯ จำนวนหลายหมื่นยังคงประจำการอยู่ที่สมรภูมิอัฟกานิสถานและอิรัก ตลอดจนความขัดแย้งด้านนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งคุกกรุ่นจนใกล้จะถึงจุดเดือด
พิธีสาบานตนของโอบามา ซึ่งจัดขึ้นบริเวณขั้นบันไดหน้าอาคารรัฐสภาอเมริกัน ที่บางส่วนสร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของแรงงานทาส ถือเป็นการทะลายกำแพงขวางกั้นด้านเชื้อชาติ ซึ่งตั้งตระหง่านสูงสุดในสหรัฐฯ ลงอย่างชัดเจน ขณะที่สหรัฐฯ กำลังมุ่งหน้าสู่เส้นทางความฝันเพื่อความปรองดองระหว่างเชื้อชาติของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง นักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองชาวผิวดำผู้ล่วงลับ
โอบามายังประกาศจะทวงคืนตำแหน่งฐานะการเป็นผู้นำโลกของสหรัฐฯ และส่งสัญญาณปฏิเสธยุทธศาสตร์ต่อต้านการก่อการร้าย ของรัฐบาลบุช ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ละเมิดค่านิยมต่าง ๆ ของสหรัฐฯ
"เราปฏิเสธโดยเห็นว่าเป็นการผิดพลาด การที่จะต้องเลือกเอาระหว่างความปลอดภัยของเรากับอุดมคติของเรา" โอบามาพูดในอีกตอนหนึ่งของสุนทรพจน์รับตำแหน่ง
"เราพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำอีกครั้ง" โอบามากล่าว
จากการประเมินของหลายฝ่ายคาดว่า ประชาชนที่มาชุมนุมกันบริเวณลาน เนชั่นเนล มอลล์ เพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนของโอบามาคราวนี้ น่าจะมีมากกว่า 2 ล้านคน โดยหลายคนถึงกับขนาดหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติ ระหว่างที่โอบามากล่าวสุนทรพจน์
ในสุนทรพจน์คราวนี้ โอบามายังส่งข้อความไปยังภาคส่วนอื่น ๆ ของโลก เฉพาะอย่างยิ่งชาติมุสลิม หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับชาติพันธมิตรสำคัญบางราย อยู่ในอาการขุ่นหมอง ระหว่างการปกครองของบุช เฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากปัญหาสงครามอิรัก
"สำหรับโลกมุสลิมนั้น เราจะค้นหาหนทางใหม่เพื่อก้าวไปข้างหน้า บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันและความเคารพซึ่งกันและกัน" โอบามากล่าว
โอบามาย้ำเตือนด้วยว่า พวกที่จะใช้ "การก่อการร้าย" และการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เพื่อคุกคามสหรัฐฯ ก็จะต้องเจอกับการตอบโต้กลับอย่างไม่ประนีประนอม
"ประเทศชาติของเราอยู่ในภาวะสงคราม เพื่อต่อต้านเครือข่ายความรุนแรงและความเกลียดชัง" โอบามากล่าว "เราบอกกับพวกคุณตอนนี้เลยว่า จิตวิญญาณของเราแข็งแกร่งกว่า และจะไม่แตกสลายลง พวกคุณไม่สามารถทนทานได้เท่าเราหรอก และเราก็จะเอาชนะพวกคุณ" โอบามากล่าว
โอบามายังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันเข้าสู่ "ยุคใหม่แห่งการรับผิดชอบ" ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถลำลึกสู่ภาวะถดถอย อันเกิดจากหนี้สินและสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้อยคุณภาพกองพะเนิน
ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ยังบอกด้วยว่า สหรัฐฯ จะร่วมมือกับชาติต่าง ๆ เพื่อปราบ "ปีศาจแห่งภาวะโลกร้อน"