ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 13.45น. วานนี้ (20 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เข้าหารือกับ นายประภาส โงกสูงเนิน นายสะพรรณ นาคสินธุ์ และตัวแทนสภาประชาชน 4 ภาค เพื่อรับเรื่องร้องเรียนพร้อมกับยื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาล 3 ข้อ คือ ข้อแรก ให้รัฐบาลทุ่มงบประมาณกลางจำนวน 2,500 ล้านบาท สำหรับแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรจำนวน 2,022คน เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินและฟื้นฟูอาชีพเกษตร 2. ให้รัฐบาลคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี โดยมีระยะกู้ 20 ปี ปลอดการชำระ 5 ปีแรกและเริ่มการชำระหนี้เข้าสู่ปีที่ 6 และใช้โครงการ ปลูกต้นไม้ใช้หนี้เป็นหลักประกันการกู้เงิน 3. สำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ที่ดินทำกิน และการฟื้นฟูอาชีพเกษตรให้สภาประชาชน 4 ภาค โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
นายประภาส กล่าวชี้แจงว่า เกษตรกร 80 % ถูกยึดทรัพย์ไม่มีที่ดินทำกิน อีกทั้งมีปัญหาการบุกรุกที่ดิน หากรัฐบาลดำเนินการปฏิรูปที่ดินโดยนำเอาที่ดิน สปก. มาจัดสรร ก็จะทำให้ประชาชนเกิดการเข่นฆ่ากัน ทางสภาประชาชน 4 ภาครับไม่ได้ หากรัฐบาลจะมีการทบทวนแจกที่ดิน สปก.จึงเป็นเรื่องผิดปกติ เนื่องจากที่ผ่านมามีการจัดสรรแล้วแต่แก้ปัญหาไม่ได้ ก็อาจจะนำไปสู่การฆ่าฟันกันอย่างเช่น จ.อุดรธานี และจะเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่หากรัฐบาลจะแก้ไขด้วยวิธีดังกล่าว
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางเกษตรกรถูกกฎหมายรังแกทั้งครอบครัว ถูกยึดทรัพย์จนต้องบุกรุกเข้าไปในที่ดินทำกินที่เคยเป็นบ้านของตนเองขอให้รัฐบาลดูแลเรื่องนี้ด้วย ยืนยันว่า เกษตรกรที่มาชุมนุมวันนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม เป็นเกษตรกรที่แท้จริง และหากนายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้พวกเรานอนตายหน้ากระทรวงเกษตรฯก็ไม่เป็นไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังรับฟังปัญหาเกษตรกรว่า รัฐบาลมีนโยบายนำไปสู่ การปฎิบัติ โครงการแก้ไขปัญหาต่างๆ อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง ซึ่งตนจะตั้งคณะกรรมาการขึ้นมาตรวจสอบโดยแยกเรื่องปัญหาที่ดิน และปัญหาหนี้สิน โดยมีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ เป็นผู้ดูแลการตั้งคณะกรรมการ
คิดว่า หากพอใจในกลไกต่างๆ หวังว่าจะคลี่คลายปัญหาได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่สามารถคลี่คลายปัญหาทั้งหมดได้ ผมทราบว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมทราบดีว่า การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายครั้งแต่เมื่อกลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้ามีปัญหาอะไรก็ขอให้บอก ผมย้ำเสมอว่า พยายามแก้ปัญหาให้ทุกกลุ่มไม่ว่าจะมาชุมนุมที่ทำเนียบ หรือไม่มาชุมนุม นอกจากนี้จะมีการพูดคุยกับพี่น้องประชาชนที่ชุมนุมยืดเยื้อที่ชุมชนตลาดคลองเตยด้วย อีกทั้งจะเริ่มดำเนินนโยบายเร่งด่วนเพื่อจะได้เข้ามาดูแลปัญหาเหล่านี้ได้เต็มตัว
สำหรับการแจก สปก.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวชี้แจงว่า การแจกสปก.รอบที่แล้ว พยามที่จะให้ สปก. คนละ 50 ไร่ โดยมีเงื่อนไข ไม่ให้โอน ไม่ให้ขาย เป็นวิธีการประนีประนอมคนที่ถือครองกับผู้บุกรุก แต่เมื่อทางกฤฎีกา และศาลตีความว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ แต่เนื่องจากเจตนาเดิมเพราะรู้ว่ามีคนถือครองอยู่ถ้าไปยึดคืนก็จะมีการฆ่าฟันกัน จากนั้นมาจึงมีการชะลอมาตลอด เมื่อกฎหมายตีความมาอย่างนั้น ก็ต้องเดินอย่างนั้น ทำได้หรือไม่ก็เป็นปัญหาอยู่
สปก.ไม่ใช่วิธีการเดียวที่เราจะทำ เพราะนโยบายโฉนดชุมชน ธนาคารที่ดินก็ตั้งใจจะเดินเรื่องนี้อยู่ แต่รู้สึกเห็นใจเมื่อนโยบายกำลังจะเดินหน้า แต่ขอชี้แจงว่า ทำไมถึงต้องมีคณะกรรมการ เพราะมีผู้เดือดร้อน 2 พันกว่าคน ต้องใช้เงินจากงบกลาง 2,500 ล้านบาท ผมบอกได้เลยว่า งบกลางตอนที่ผมเข้ามาหมดไปกว่าครึ่งแล้ว ผมก็ต้องมีไว้เผี่อมีปัญหาน้ำท่วม ซึ่งยังจ่ายเยียวยาไม่หมดในจ.นราธิวาส และพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงภัยหนาวและคาดว่า จะมีภัยแล้ง ผมต้องเตรียมเก็บเงินตรงนี้ ไว้ดูแล คนเยอะมาก ถ้าจะของบกลางไปเลยผมว่าคงยาก แต่ถ้านั่งเจรจากับสถาบันการเงินหรือโครงการต่างๆ เอาต้นไม้มาเป็นหลักประกันก็ต้องคุยกัน นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่เอาเงินงบกลางมาดำเนินการ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าาวว่า ตนยินดีที่พรรคเพื่อไทยมอบหมายให้ทำหน้าที่อภิปรายรัฐบาลกรณีการแจก สปก.4-01 เพราะมีความพร้อมในเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อปี 2538 ตนก็เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายชวน หลีกภัย กรณี สปก.4-01 จนทำให้รัฐบาลต้องยุบสภามาแล้ว และเมื่อปี 2550 ศาลฎีกาก็มีคำสั่งให้บุคคลที่ได้รับเอกสารสิทธิ สปก.คืนที่ดินให้รัฐเพราะได้มาแบบไม่ต้องต้อง
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ คงไม่ทำเหมือนในอดีต ที่ถูกกล่าวหาว่า แจก สปก.ให้กับพวกพ้อง เพราะกลัวการตรวจสอบและกลัวว่าจะถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเห็นด้วยกับหลักการของนโยบายแจก สปก.4-01 เพราะเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่มีความยากจนให้ได้มีที่ดินทำกิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยมีอยู่ในมือขณะนี้ เป็นข้อมูลที่สามารถจะล้มรัฐบาลได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขณะนี้พรรคมีทีมงานที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลทั้งในส่วนของพื้นที่อันดามันที่ถือว่ามีราคาแพง ซึ่งก็พบว่ามีการดำเนินการในลักษณะนอมินี ต้องยอมรับว่าบางส่วนก็ยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ยืนยันว่ากรณีเรื่องของ สปก. 4-01 ตนมีความชำนาญ และขอประกาศกับประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่ ในการเป็นฝ่ายค้านให้ดีที่สุด
ส่วนกรณีที่กลุ่มเพื่อนเนวินออกมาระบุว่า ทราบข้อมูลมาว่ารัฐบาลเตรียมปลด นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่งนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้ว่า คิดเรื่องนี้ช้าไปหน่อย หรือพูดให้ถูกคือช้าไปแล้วต๋อย เพราะความจริงแล้วไม่ควรแต่งตั้งนายกษิตมาเป็นรัฐมนตรีมาตั้งแต่แรก โดยเฉพาะที่ผ่านมาการที่รัฐบาลไปออกนโยบายเพิ่มงบประมาณปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นก็ถือว่าเป็นการแก้ไข ที่ไม่ตรงจุด เพราะต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้นักท่องที่ยวต่างชาติขาดความมั่นใจกับการท่องเที่ยวไทยนั้น เพราะรัฐบาลไปแต่งตั้งให้คนที่เคยนำม็อบ ไปยึดสนามบินมาเป็นรัฐมนตร
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อเก็บข้อมูลกรณีที่ สปก.4-01 ในพื้นที่แถบอันดามัน ซึ่งเราได้ข้อมูลมาว่า มีสปก.แปลงร่างในพื้นที่ดังกล่าวกว่า 1 แสนไร่ แต่ไม่ใช่ในรูปแบบเดิม แต่เป็นการ สวมสิทธิ์ เช่น นายทุนที่เป็นเจ้าของใส่ชื่อลูกน้องไว้ 2-3 ทอดเป็นเจ้าของ เพื่อไม่ให้สืบหาได้ และยังมีความพยายามที่จะเปลี่ยนประเภทเอกสารสิทธิ์จาก สปก. ให้เป็นเอกสารสิทธิ์ประเภทอื่นที่เปลี่ยนมือได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีการใช้พื้นที่ผิดประเภทอีกด้วย เพราะที่ สปก.นั้นมีจุดประสงค์ ให้ใช้เพื่อการเกษตร แต่กลับมีการปลูกบ้าน ปลูกรีสอร์ท ซึ่งเจ้าของนั้นเป็นคนใน เครือข่ายของรัฐบาลนี้ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ทั้งหมด เพราะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองนอกสภา แต่จะเก็บข้อมูลเพื่อให้ส.ส.เป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ในสภา ทั้งนี้ นอกจากพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันแล้ว ยังจะมีการตรวจสอบการออก สปก. ทั่วประเทศด้วย ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีหลายจังหวัดที่มีการสวมสิทธิ์และออกโดยมิชอบ เช่น จ.กาญจนบุรี
นายประภาส กล่าวชี้แจงว่า เกษตรกร 80 % ถูกยึดทรัพย์ไม่มีที่ดินทำกิน อีกทั้งมีปัญหาการบุกรุกที่ดิน หากรัฐบาลดำเนินการปฏิรูปที่ดินโดยนำเอาที่ดิน สปก. มาจัดสรร ก็จะทำให้ประชาชนเกิดการเข่นฆ่ากัน ทางสภาประชาชน 4 ภาครับไม่ได้ หากรัฐบาลจะมีการทบทวนแจกที่ดิน สปก.จึงเป็นเรื่องผิดปกติ เนื่องจากที่ผ่านมามีการจัดสรรแล้วแต่แก้ปัญหาไม่ได้ ก็อาจจะนำไปสู่การฆ่าฟันกันอย่างเช่น จ.อุดรธานี และจะเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่หากรัฐบาลจะแก้ไขด้วยวิธีดังกล่าว
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางเกษตรกรถูกกฎหมายรังแกทั้งครอบครัว ถูกยึดทรัพย์จนต้องบุกรุกเข้าไปในที่ดินทำกินที่เคยเป็นบ้านของตนเองขอให้รัฐบาลดูแลเรื่องนี้ด้วย ยืนยันว่า เกษตรกรที่มาชุมนุมวันนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม เป็นเกษตรกรที่แท้จริง และหากนายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้พวกเรานอนตายหน้ากระทรวงเกษตรฯก็ไม่เป็นไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังรับฟังปัญหาเกษตรกรว่า รัฐบาลมีนโยบายนำไปสู่ การปฎิบัติ โครงการแก้ไขปัญหาต่างๆ อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง ซึ่งตนจะตั้งคณะกรรมาการขึ้นมาตรวจสอบโดยแยกเรื่องปัญหาที่ดิน และปัญหาหนี้สิน โดยมีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ เป็นผู้ดูแลการตั้งคณะกรรมการ
คิดว่า หากพอใจในกลไกต่างๆ หวังว่าจะคลี่คลายปัญหาได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่สามารถคลี่คลายปัญหาทั้งหมดได้ ผมทราบว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมทราบดีว่า การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายครั้งแต่เมื่อกลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้ามีปัญหาอะไรก็ขอให้บอก ผมย้ำเสมอว่า พยายามแก้ปัญหาให้ทุกกลุ่มไม่ว่าจะมาชุมนุมที่ทำเนียบ หรือไม่มาชุมนุม นอกจากนี้จะมีการพูดคุยกับพี่น้องประชาชนที่ชุมนุมยืดเยื้อที่ชุมชนตลาดคลองเตยด้วย อีกทั้งจะเริ่มดำเนินนโยบายเร่งด่วนเพื่อจะได้เข้ามาดูแลปัญหาเหล่านี้ได้เต็มตัว
สำหรับการแจก สปก.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวชี้แจงว่า การแจกสปก.รอบที่แล้ว พยามที่จะให้ สปก. คนละ 50 ไร่ โดยมีเงื่อนไข ไม่ให้โอน ไม่ให้ขาย เป็นวิธีการประนีประนอมคนที่ถือครองกับผู้บุกรุก แต่เมื่อทางกฤฎีกา และศาลตีความว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ แต่เนื่องจากเจตนาเดิมเพราะรู้ว่ามีคนถือครองอยู่ถ้าไปยึดคืนก็จะมีการฆ่าฟันกัน จากนั้นมาจึงมีการชะลอมาตลอด เมื่อกฎหมายตีความมาอย่างนั้น ก็ต้องเดินอย่างนั้น ทำได้หรือไม่ก็เป็นปัญหาอยู่
สปก.ไม่ใช่วิธีการเดียวที่เราจะทำ เพราะนโยบายโฉนดชุมชน ธนาคารที่ดินก็ตั้งใจจะเดินเรื่องนี้อยู่ แต่รู้สึกเห็นใจเมื่อนโยบายกำลังจะเดินหน้า แต่ขอชี้แจงว่า ทำไมถึงต้องมีคณะกรรมการ เพราะมีผู้เดือดร้อน 2 พันกว่าคน ต้องใช้เงินจากงบกลาง 2,500 ล้านบาท ผมบอกได้เลยว่า งบกลางตอนที่ผมเข้ามาหมดไปกว่าครึ่งแล้ว ผมก็ต้องมีไว้เผี่อมีปัญหาน้ำท่วม ซึ่งยังจ่ายเยียวยาไม่หมดในจ.นราธิวาส และพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงภัยหนาวและคาดว่า จะมีภัยแล้ง ผมต้องเตรียมเก็บเงินตรงนี้ ไว้ดูแล คนเยอะมาก ถ้าจะของบกลางไปเลยผมว่าคงยาก แต่ถ้านั่งเจรจากับสถาบันการเงินหรือโครงการต่างๆ เอาต้นไม้มาเป็นหลักประกันก็ต้องคุยกัน นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่เอาเงินงบกลางมาดำเนินการ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าาวว่า ตนยินดีที่พรรคเพื่อไทยมอบหมายให้ทำหน้าที่อภิปรายรัฐบาลกรณีการแจก สปก.4-01 เพราะมีความพร้อมในเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อปี 2538 ตนก็เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายชวน หลีกภัย กรณี สปก.4-01 จนทำให้รัฐบาลต้องยุบสภามาแล้ว และเมื่อปี 2550 ศาลฎีกาก็มีคำสั่งให้บุคคลที่ได้รับเอกสารสิทธิ สปก.คืนที่ดินให้รัฐเพราะได้มาแบบไม่ต้องต้อง
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ คงไม่ทำเหมือนในอดีต ที่ถูกกล่าวหาว่า แจก สปก.ให้กับพวกพ้อง เพราะกลัวการตรวจสอบและกลัวว่าจะถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเห็นด้วยกับหลักการของนโยบายแจก สปก.4-01 เพราะเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่มีความยากจนให้ได้มีที่ดินทำกิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยมีอยู่ในมือขณะนี้ เป็นข้อมูลที่สามารถจะล้มรัฐบาลได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขณะนี้พรรคมีทีมงานที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลทั้งในส่วนของพื้นที่อันดามันที่ถือว่ามีราคาแพง ซึ่งก็พบว่ามีการดำเนินการในลักษณะนอมินี ต้องยอมรับว่าบางส่วนก็ยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ยืนยันว่ากรณีเรื่องของ สปก. 4-01 ตนมีความชำนาญ และขอประกาศกับประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่ ในการเป็นฝ่ายค้านให้ดีที่สุด
ส่วนกรณีที่กลุ่มเพื่อนเนวินออกมาระบุว่า ทราบข้อมูลมาว่ารัฐบาลเตรียมปลด นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่งนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้ว่า คิดเรื่องนี้ช้าไปหน่อย หรือพูดให้ถูกคือช้าไปแล้วต๋อย เพราะความจริงแล้วไม่ควรแต่งตั้งนายกษิตมาเป็นรัฐมนตรีมาตั้งแต่แรก โดยเฉพาะที่ผ่านมาการที่รัฐบาลไปออกนโยบายเพิ่มงบประมาณปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นก็ถือว่าเป็นการแก้ไข ที่ไม่ตรงจุด เพราะต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้นักท่องที่ยวต่างชาติขาดความมั่นใจกับการท่องเที่ยวไทยนั้น เพราะรัฐบาลไปแต่งตั้งให้คนที่เคยนำม็อบ ไปยึดสนามบินมาเป็นรัฐมนตร
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อเก็บข้อมูลกรณีที่ สปก.4-01 ในพื้นที่แถบอันดามัน ซึ่งเราได้ข้อมูลมาว่า มีสปก.แปลงร่างในพื้นที่ดังกล่าวกว่า 1 แสนไร่ แต่ไม่ใช่ในรูปแบบเดิม แต่เป็นการ สวมสิทธิ์ เช่น นายทุนที่เป็นเจ้าของใส่ชื่อลูกน้องไว้ 2-3 ทอดเป็นเจ้าของ เพื่อไม่ให้สืบหาได้ และยังมีความพยายามที่จะเปลี่ยนประเภทเอกสารสิทธิ์จาก สปก. ให้เป็นเอกสารสิทธิ์ประเภทอื่นที่เปลี่ยนมือได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีการใช้พื้นที่ผิดประเภทอีกด้วย เพราะที่ สปก.นั้นมีจุดประสงค์ ให้ใช้เพื่อการเกษตร แต่กลับมีการปลูกบ้าน ปลูกรีสอร์ท ซึ่งเจ้าของนั้นเป็นคนใน เครือข่ายของรัฐบาลนี้ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ทั้งหมด เพราะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองนอกสภา แต่จะเก็บข้อมูลเพื่อให้ส.ส.เป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ในสภา ทั้งนี้ นอกจากพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันแล้ว ยังจะมีการตรวจสอบการออก สปก. ทั่วประเทศด้วย ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีหลายจังหวัดที่มีการสวมสิทธิ์และออกโดยมิชอบ เช่น จ.กาญจนบุรี