วานนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.4550/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายแฮรี่ นิโคลายส์ (MR.Harry Nicolaides) อายุ 41 ปี ชาวออสเตรเลีย อดีตนักข่าว และคอลัมนิสต์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และรัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 20 พ.ย.51 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.48 เวลาใดไม่ปรากฏชัด ถึงวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด พ.ศ.2549 จำเลยเผยแพร่หนังสือที่มีข้อความแก่ประชาชนทั่วไป อันเป็นการหมิ่นพระมหากษัตริย์ และราชวงศ์ อันเป็นการใส่ความรวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย หมิ่นพระเกียรติ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง เหตุเกิดที่ จ.เชียงราย และแขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องกัน
โดยวานนี้จำเลยเดินทางมาในชุดนักโทษสีน้ำตาล ในนัดสอบคำให้การ เมื่อเวลา 09.30 น. โดยจำเลยให้การรับสารภาพ พร้อมยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาล ขณะที่อัยการโจทก์และทนายความจำเลย แถลงไม่ติดใจนำสืบพยาน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามจริง ให้จำคุก 6 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งจำคุก 3 ปี แต่พฤติการณ์ของจำเลย เป็นผู้แต่งและประพันธ์หนังสือ ซึ่งมีข้อความหมิ่นประมาท และดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และรัชทายาท ที่มีการนำไปเผยแพร่จนทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ อันเป็นพฤติการณ์ที่มีความผิดร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายแฮรี ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงว่า “My family the best” นอกจากนี้ ระหว่างที่อยู่ภายในห้องพิจารณาคดี นายแฮรี ได้พูดคุยกับกลุ่มเพื่อนที่เดินทางมาให้กำลังใจ โดยนายแฮรีถึงกับร่ำไห้ แต่ขณะที่ระหว่างฟังคำพิพากษา นายแฮรี ยืนฟังด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง
ขณะที่ทนายความของนายแฮรี กล่าวว่า ตามกฎหมายจำเลยยังมีสิทธิ์อุทธรณ์ ฎีกาได้อีก แต่จะมีการอุทธรณ์หรือไม่ทุกอย่างขึ้นอยู่นายแฮรี ซึ่งตนยังไม่ได้คำตอบจากนายแฮรีว่า จะอุทธรณ์เพื่อขอให้ศาลรอการลงโทษหรือ ซึ่งหากจะมีการอุทธรณ์ต้องดำเนินการภายใน 30 วัน ตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายแฮรี นิโคลายส์ นั้นเคยเป็นนักข่าวและคอลัมนิสต์ มีงานเขียนในด้านการท่องเที่ยว เข้ามาทำงานในประเทศไทย เมื่อปี 2546 โดยเป็นผู้บรรยายวิชาจิตวิทยาสังคม ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากนั้นได้ย้ายไปที่เป็นผู้บรรยายวิชาการท่องเที่ยวและการโรงแรม ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยนายแฮรี ถูกจับกุมคดีนี้เมื่อเดือน ก.ย.51 ที่ผ่านมา ที่ห้องโถงผู้โดยสารขาออกขณะจะเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้นำตัวนายแฮรีส่งให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามดำเนินคดีในเวลาต่อมา ซึ่งในชั้นพิจารณาคดีนายแฮรี ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น. วานนี้ ที่ห้องรับรอง1 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวบรอนที มูรส์ อัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เพื่อรับทราบรายละเอียดกรณี นักข่าว -คอลัมนิสต์ ชาวออสเตรเลีย ถูกศาลสั่งจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 20 พ.ย.51 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.48 เวลาใดไม่ปรากฏชัด ถึงวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด พ.ศ.2549 จำเลยเผยแพร่หนังสือที่มีข้อความแก่ประชาชนทั่วไป อันเป็นการหมิ่นพระมหากษัตริย์ และราชวงศ์ อันเป็นการใส่ความรวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย หมิ่นพระเกียรติ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง เหตุเกิดที่ จ.เชียงราย และแขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องกัน
โดยวานนี้จำเลยเดินทางมาในชุดนักโทษสีน้ำตาล ในนัดสอบคำให้การ เมื่อเวลา 09.30 น. โดยจำเลยให้การรับสารภาพ พร้อมยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาล ขณะที่อัยการโจทก์และทนายความจำเลย แถลงไม่ติดใจนำสืบพยาน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามจริง ให้จำคุก 6 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งจำคุก 3 ปี แต่พฤติการณ์ของจำเลย เป็นผู้แต่งและประพันธ์หนังสือ ซึ่งมีข้อความหมิ่นประมาท และดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และรัชทายาท ที่มีการนำไปเผยแพร่จนทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ อันเป็นพฤติการณ์ที่มีความผิดร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายแฮรี ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงว่า “My family the best” นอกจากนี้ ระหว่างที่อยู่ภายในห้องพิจารณาคดี นายแฮรี ได้พูดคุยกับกลุ่มเพื่อนที่เดินทางมาให้กำลังใจ โดยนายแฮรีถึงกับร่ำไห้ แต่ขณะที่ระหว่างฟังคำพิพากษา นายแฮรี ยืนฟังด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง
ขณะที่ทนายความของนายแฮรี กล่าวว่า ตามกฎหมายจำเลยยังมีสิทธิ์อุทธรณ์ ฎีกาได้อีก แต่จะมีการอุทธรณ์หรือไม่ทุกอย่างขึ้นอยู่นายแฮรี ซึ่งตนยังไม่ได้คำตอบจากนายแฮรีว่า จะอุทธรณ์เพื่อขอให้ศาลรอการลงโทษหรือ ซึ่งหากจะมีการอุทธรณ์ต้องดำเนินการภายใน 30 วัน ตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายแฮรี นิโคลายส์ นั้นเคยเป็นนักข่าวและคอลัมนิสต์ มีงานเขียนในด้านการท่องเที่ยว เข้ามาทำงานในประเทศไทย เมื่อปี 2546 โดยเป็นผู้บรรยายวิชาจิตวิทยาสังคม ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากนั้นได้ย้ายไปที่เป็นผู้บรรยายวิชาการท่องเที่ยวและการโรงแรม ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยนายแฮรี ถูกจับกุมคดีนี้เมื่อเดือน ก.ย.51 ที่ผ่านมา ที่ห้องโถงผู้โดยสารขาออกขณะจะเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้นำตัวนายแฮรีส่งให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามดำเนินคดีในเวลาต่อมา ซึ่งในชั้นพิจารณาคดีนายแฮรี ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น. วานนี้ ที่ห้องรับรอง1 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวบรอนที มูรส์ อัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เพื่อรับทราบรายละเอียดกรณี นักข่าว -คอลัมนิสต์ ชาวออสเตรเลีย ถูกศาลสั่งจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ